Ep.116 - กลุ่มโจรโลกวิญญาณ
2/4
Ep.116 - กลุ่มโจรโลกวิญญาณ
ถ้าเปรียบค่ายก็อบลินเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ค่ายมนุษย์หมูป่าก็เหมือนเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่หรือเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง
มนุษย์หมูป่าไม่ใช่แค่ดุร้าย แต่ยังเป็นพวกหนังหนาเนื้อหยาบ มีกระทั่งมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน
ซึ่ง ณ เวลานี้ เอาจริงๆลำพังมอนสเตอร์เลเวล 4-5 ชั้นยอดขั้นโกลด์ พวกเขายังรับมือไม่ได้เลย หากต้องให้สู้กับระดับเจ้าถิ่น คงเสียเปรียบมากอย่างแน่นอน มันไม่ใช่สิ่งที่อาศัยแค่จำนวนมากกว่าก็เข้าสู้ได้
นี่ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากคนธรรมดานับพันตบเท้าเข้าท้าทายเดอะฮัลค์!
แม้จะสามารถสร้างดาเมจให้มันได้เล็กน้อย แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะไล่ทันความเร็วในการฟื้นตัวของมัน
สรุปรวมๆก็คือ ต่อให้รวบรวมยอดฝีมือของทั้งสามค่ายใหญ่เข้าด้วยกันก็มีโอกาสน้อยมากที่จะชนะ นั่นเพราะยอดฝีมือจากแต่ละค่ายตอนนี้อยู่แค่เลเวล 2 ไม่ก็ 3 ทั้งนั้น พลังรบระหว่างมนุษย์กับหมูป่า ห่างชั้นกันอย่างชัดเจน หากคิดลงมือ ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากได้
อย่างไรก็ตาม การยึดค่ายมนุษย์หมูป่าคือสิ่งจำเป็น
ฮังอวี่ตระหนักดีว่าภูมิศาสตร์ของค่ายมนุษย์หมูป่าน่ะดีกว่าค่ายก็อบลินมาก ไม่ใช่แค่เรื่องเสบียง แต่ยังเป็นจุดรวมตัวสำคัญของเหล่ายอดฝีมือจากค่ายต่างๆ ทั้งยังเป็นตำแหน่งแนวหน้าที่สำคัญที่สุดในการแยกตัวออกจากป่าแห่งการเริ่มต้น
ค่ายระดับล่างทั่วๆไป สามารถรองรับคนได้ไม่กี่ร้อย มากสุดก็หนึ่งพันคนเท่านั้น
ขณะที่ค่ายมนุษย์หมูป่าสามารถรองรับได้มากถึง 4 - 5 พันคน
ดังนั้นต้องยึดมันให้จงได้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งกุมความได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น
ด้วยการรวมตัวกันของค่ายสามแห่ง บวกกับมีฮังอวี่คอยร่วมมือ มันอาจคุ้มค่าที่จะลอง
ฮังอวี่ติดต่อหาจ้าวหมิง
จ้าวหมิงอธิบายภาพรวมของสถานการณ์แบบพอสังเขปให้เขาฟัง
“พวกเราทำการกวาดล้างมอนสเตอร์โซนนอกในเขตภูเขามอนสเตอร์หมูป่าแล้ว ที่นี่มีมอนสเตอร์เลเวล 4-5 เต็มไปหมด เลยตึงมืออยู่บ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาก็คือตอนนี้พวกเรามีความเห็นบางอย่างไม่ตรงกัน ....”
ค่ายโคโบลด์ ค่ายก็อบลิน ค่ายลิซาร์ดแมน ตัวแทนจากทั้งสามค่ายได้มารวมตัวกันแล้ว
ภารกิจของกองทัพพันธมิตรนี้ คือการทำความเข้าใจสภาพแวดล้อม กำหนดกลยุทธ์ และกำจัดภัยคุกคามที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อเตรียมการสำหรับจู่โจมค่ายหมูป่า
แต่มันติดอยู่ประเด็นหนึ่ง ดูเหมือนว่าพวกเขามีเรื่องตกลงกันไม่ลงตัว นั่นคือหลังจากทั้งสามค่ายรวมกลุ่มกันแล้ว--
--ใครจะเป็นผู้นำ?
ทีมที่ปราศจากผู้นำ มันจะไม่ยุ่งเหยิงหรือ?
แน่นอน จ้าวหมิงย่อมอยากเป็นผู้นำ แต่ฟังจากคำอธิบายของจ้าวหมิง ตัวแทนของอีกสองค่ายก็ไม่เต็มใจจะสละตำแหน่งนี้เช่นกัน
“บนยอดเขาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของค่ายมนุษย์หมูป่า มีปราการของมนุษย์หมูป่าอยู่ พวกเราตัดสินใจยกทัพบุกตีปราการเพื่อยึดครองพื้นที่ราบสูง ขณะเดียวกันก็ทำข้อตกลงร่วมกัน ว่าบุคคลหรือทีมของค่ายไหนที่มีส่วนร่วมมากที่สุดในสงครามปราการครั้งนี้จะได้รับตำแหน่งผู้นำไป”
“ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ระหว่างทาง ฉันขอให้ปันจื่อรอพวกนายอยู่ที่ตีนเขาแล้ว ไปรวมตัวกับเขาก่อน แล้วค่อยขึ้นภูเขาด้วยกัน น่าจะมาทันเวลา”
ฮังอวี่เดาว่าพวกเขาคงกำลังไปที่ด่านหน้าบนยอดเขามนุษย์หมูป่าแน่นอน
ค่ายมนุษย์หมูป่าไม่ได้ตั้งอย่างโดดเดี่ยว รอบๆมีกับดักและฐานที่มั่นมากมาย
ในบรรดาฐานที่มั่นทั้งหลาย ฐานที่สำคัญที่สุดคือด่านหน้าบนยอดเขา หากสามารถยึดมันได้ก่อนบุกจู่โจมค่ายมนุษย์หมูป่า มันจะมีประโยชน์มากในการศึกครั้งต่อไป
และฮังอวี่เองก็วางแผนว่าจะเริ่มต้นยึดที่นี่
เขาไม่รอช้าออกเดินทางทันที
หวังฉงไม่น้อยหน้า เอ่ยปากว่าจะไปด้วย เมื่อพิจารณาว่าหวังฉงไปถึงเลเวล 2 แล้ว นอกจากนี้ยังมีสกิลกรงเฮอริเคนและเทคนิคความกลัว น่าจะเป็นพลังให้เหล่าจ้าวได้ไม่มากก็น้อย ดังนั้นฮังอวี่จึงไม่ปฏิเสธ
ฮังอวี่อาศัยความรู้เรื่องภูมิศาสตร์จากความทรงจำ นำทางเจียงหนานและหวังฉง หลีกเลี่ยงจุดที่มีมอนสเตอร์หนาแน่น ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงอาณาเขตของมนุษย์หมูป่า
แต่ในตอนนั้นเอง สถานการณ์ที่คาดไม่ถึงก็ได้เกิดขึ้น
ระหว่างที่ทั้งสามกำลังเดินทาง จู่ๆก็ถูกเวทมนตร์ร่ายใส่
วัชพืชโดยรอบทะลุทะลวงผิวดินขึ้นมาอย่างดุเดือด พวกมันราวกับเชือก เข้ารัดพันแขนขา
“เกิดอะไรขึ้น?”
“พวกเราถูกมอนสเตอร์ลอบจู่โจมงั้นหรอ?”
เจียงหนานและหวังฉงต่างตื่นตระหนก
พวกเขาถูกพันธนาการ สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว
ก่อนหน้านี้ตลอดเส้นทางเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่คิดเลยว่าเมื่อใกล้ถึงที่หมาย จะเจอเหตุร้ายเข้า
“ไม่หรอก คราวนี้ไม่ใช่มอนสเตอร์”
ฮังอวี่กวาดตามองวัชพืชที่พันรอบตัวเขา แววตาขี้เล่นทอวาบบนใบหน้า
อันที่จริงด้วยค่าความต้านทานเวทย์และพละกำลังของฮังอวี่ เขาสามารถสลัดหลุดพันธนาการได้อย่างง่ายดาย แต่เขาจงใจไม่ทำ เฝ้ารอให้ผู้ลอบโจมตีแสดงตัว
พงหญ้าทึบข้างๆเกิดเสียงกรอบแกรบ
คนนับสิบกระโดดออกมาพร้อมกัน ล้อมรอบทั้งสามเอาไว้
ทุกคนเป็นผู้ชาย ส่วนใหญ่เป็นเลเวล 2 มีกระทั่งบางคนที่เป็นเลเวล 3
ทีมๆนี้ พลังรบนับว่าทรงพลัง แข็งแกร่งกว่าทีมทั่วไปมาก อีกทั้งอุปกรณ์ยังครบครัน
หัวหน้าของคนกลุ่มนี้เป็นนักเวทย์เลเวล 3 อายุประมาณ 40 ปี หัวเถิกตรงกลาง จมูกงอเป็นตะขอ ใต้ตาคล้ำ สวมอุปกรณ์สีขาวหลายชิ้นบนร่างกาย ดูแข็งแกร่งมาก
อย่างไรก็ตาม คนกลุ่มนี้มีบางอย่างที่แปลกออกไป นั่นคือมีไอสีแดงลอยอยู่รอบกาย ชวนให้ผู้มองรู้สึกไม่สบายใจ เป็นกลิ่นอายที่เหมือกับเลือด
“พวกแกคิดจะทำอะไร?”
เจียงหนานเอ่ยถามอย่างประหม่า แต่ในใจของเธอ พอจะคาดเดาจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้คร่าวๆแล้ว
โจรโลกวิญญาณ!
พวกมันต้องเป็นโจรโลกวิญญาณแน่ๆ
เธอไม่นึกฝันเลย ว่ากลุ่มของพวกมันจะมีจำนวนเยอะขนาดนี้ มีเป็นสิบๆคน พวกเราเจอปัญหาใหญ่ซะแล้วสิ
“ทำอะไรน่ะหรอ?”
“ส่งอุปกรณ์ทั้งหมดบนตัวมาซะ”
“แล้วท่านลุงจะมอบความตายที่ไม่เจ็บปวดให้!”
“เธอรู้ไหมว่าลูกพี่ของพวกเราเป็นใคร? ฉันแนะนำว่าอย่าขัดขืน!”
ทุกคนในกลุ่มนี้ถูกห้อมล้อมไปด้วยไอหมอกเลือด และส่วนใหญ่สวมหน้ากากปิดหน้าปิดตาเอาไว้ ชัดเจนว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาลงมือทำแบบนี้
หวังฉงเป็นคนอารมณ์ร้อน เจอแบบนี้เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?
“ไอ้พวกเปรตนี่ ขนาดฉันยังกล้าปล้น พวกแกไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้วใช่ไหม?”
โจรโลกวิญญาณหลายคนไม่ทันสังเกตเห็นหวังฉงในตอนแรก นั่นเพราะหวังฉงไม่สะดุดตาที่สุดในบรรดาทั้งสาม และอุปกรณ์บนตัวเจียงหนานกับฮังอวี่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้พวกเขาต้องมุ่งความสนใจมายังทั้งสอง
แต่เมื่อเอ่ยปากออกมา ก็มีคนจดจำเขาได้ทันที
“หือ? นั่นมันนายน้อยฉงไม่ใช่หรอ?”
“พวกเราดักปล้นนายน้อยฉงได้โว้ย!”
“ฮี่ ฮี่ กาลเวลามันเปลี่ยนไปแล้ว แกยังนึกว่าตัวเองยังสามารถเรียกลมเรียกฝนได้อีหรอ?”
“บิดาจะปล้นเอ็งแล้วมันทำไมวะ! อย่ามาทำปากดี เชื่อไหมว่าถ้าพูดอีกแม้แต่คำเดียวฉันจะระเบิดตูดแก!”
“...”
โจรโลกวิญญาณสามารถจดจำหวังฉงได้ แต่แทนที่พวกเขาจะกลัว ตรงกันข้ามกลับอาละวาดยิ่งกว่าเดิม
ไม่มีกฏหมายหรือระเบียบใดๆในโลกวิญญาณ ทุกคนเริ่มต้นใหม่หมด ต่อให้เป็นลูกหลานคนรวยแล้วยังไง? เวลานี้ต่อให้พ่อของหวังฉงบุกมาด้วยตัวเอง พวกเขาก็ยังกล้าทุบตีจนอีกฝ่ายเตลิดเปิดเปิง
ในโลกวิญญาณไม่มีใครสนใจสถานะที่แท้จริงของคุณ!
สีหน้าของหวังฉงเปลี่ยนเป็นสีขาวด้วยความโกรธ เขาไม่นึกเลยว่าตัวเองจะมาลงเอยในสถานการณืแบบนี้
เจ้าตัวเริ่มรู้สึกถึงความไร้อำนาจอีกครั้ง
ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดในโลกวิญญาณ พลังรบของเขายังอ่อนแอเกินไป
คนกลุ่มนี้สมควรเป็นโจรโลกวิญญาณที่กำลังโด่งดังเมื่อเร็วๆนี้
ผู้นำของพวกเขาเหมือนจะเป็นนักเวทย์เลเวล 3 ที่ได้รับฉายาว่าอีแร้ง
ชายผู้ละโมบและโหดร้าย บังเอิญมาเจอคนกลุ่มนี้เข้า นี่มันให้ความรู้สึกเหมือนถูกสาปมาแปดชั่วอายุคน!
เจียงหนานตวาดขุ่นเคือง “ทั้งๆที่มีความสามารถในการฆ่ามอนสเตอร์ แต่กลับเลือกปล้นฆ่ามนุษย์! พวกแกมันไร้มนุษยธรรม!”
“โย่ว สาวสวยโกรธด้วยล่ะ”
“น้องสาวจ๋า อย่าโกรธเลย พวกเราสัญญาว่าจะอ่อนโยนกับเธอ”
“ใช่ ใช่ อย่าดื้อเลย รอท่านลุงปล้นเสร็จ รับรองว่าจะทำให้เธอสบายตัว”
เจียงหนานได้ยินคำเหล่านี้ ใบหน้าเล็กๆของเธอซีดเผือดลงทันใด
ณ จุดนี้ เธอพึ่งตระหนัก ว่าเมื่ออยู่ในโลกวิญญาณ พวกโจรชั่วสามารถกระทำเรื่องเลวทรามได้มากกว่าที่คิด
“ฉันจะพูดอีกครั้ง ส่งอุปกรณ์ทั้งหมดออกมา ส่วนน้องสาวคนนี้อยู่กับพวกเราต่ออีกซักพัก” ลูกพี่หัวเถิกเริ่มอดใจไม่ไหว
“ส่วนพวกตัวผู้ทั้งสอง ถ้ายอมเชื่อฟังแต่โดยดี ฉันจะให้พวกแกตายสบาย”
“ตั้งแต่เจอพวกเรา อย่าหวังว่าจะมีโชค วันนี้ทั้งวันไม่มีทางหนีรอดไปได้”
“อ้อ แล้วอีกอย่างฉันจะบอกให้ ว่าถึงแม้ในโลกนี้จะมีวิธีการตายมากมาย แต่ระดับความเจ็บปวดนั้นแตกต่างกันไป”
“พวกเรามีลูกเล่นไว้ทรมานเยอะแยะ ถ้าพลังชีวิตแกใกล้หมดก็มีคนคอยรักษาให้ บอกแค่นี้คงพอเข้าใจ ว่าถ้ายังดื้อดึงจะพบจุดจบยังไง!”