เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 188
ตอนที่ 188
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มิได้แสดงความตื่นเต้นออกมาในตอนนี้ เป็นเพราะว่าเหล่าผู้บ่มเพาะแดนสร้างรากฐานทั้งสี่ของหอเทพอัคคียังคงยืนอยู่ข้างพวกเขา
“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่? ข้าสามารถมอบสิ่งที่เจ้าต้องการให้ได้เพียงแค่ปล่อยข้าไป!” ชายหนุ่มผมแดงผู้นั้นขบฟันพลางเอ่ยขึ้น น้ำเสียงขอมันประนีประนอมยิ่งนัก แตกต่างจากความหยิ่งยโสที่เคยมีมาก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
มันมิได้รอให้หลินซวนพูดสิ่งใด ภายใต้แสงสีแดงที่เปล่งออกมาจากวิญญาณดวงนั้น มันเปิดเผยร่างแท้จริงของตน และกลายเป็นห่านสีแดงตัวใหญ่!
แสงอ้อยอิ่งและเมฆสีแดงล้อมอยู่โดยรอบ ในวินาทีนั้น เนื่องจากไม่มีผู้ใดคอยจับตาดู ค่ายกลสูญสิ้นพลังของมัน ทำให้ห่านแดงตัวนั้นพุ่งขึ้นท้องฟ้าและแสดงออกถึงความต้องการหลบหนี!
หลินซวนเพียงหลุดขำเล็กน้อยก่อนจะก้มลงหยิบขนสีแดงเส้นหนึ่งบนพื้นขึ้นมา เขาอัดฉีดลมปราณของตนเข้าไปและปาขนเส้นนั้นออกไปสุดแรง!
ประกายแสงเจิดจ้า ขนนกเส้นนั้นราวกับเป็นปราณกระบี่คมกล้าก่อนจะแทงทะลุร่างห่านแดงเข้าไปเต็มรัก!
เบื้องบนนั้น เสียงกรีดร้องคร่ำครวญอย่างน่าเวทนาดังขึ้น และสิ่งที่คล้ายโลหิตมากมายก็ตกลงราวกับเป็นสายฝน!
ห่านยักษ์สีแดงร่วงหล่นจากท้องฟ้า หน้าอกของมันปรากฏรูโหว่ และปีกข้างหนึ่งมีสภาพยับเยิน มันพยายามกระเสือกกระสนและหลบหนีออกไปจากจุดที่ตกลงมา
ทว่า กลิ่นอายที่ออกจากร่างของมันอ่อนแอและใกล้จะสูญสลายเต็มที หลินซวนใช่เพียงขนนกเส้นหนึ่งเท่านั้นในการจัดการกับพลังชีวิตที่เหลืออยู่ของมัน!
ห่านแดงตัวนั้นพยายามทุกวิถีทางเพื่อกระพือปีกและต้องการจะหลบหนีออกไป แต่ท้ายที่สุด ทุกสิ่งล้วนไร้ค่า มันหล่นกระแทกพื้นและพ่นโลหิตออกมาอาบย้อมผืนดินจนแดงฉาน!
“เจ้ากล้าดีอย่างไร!”
หัวหยุนคงแทบจะตาโปนถลนออกจากเบ้า ผู้คนสามารถสังเกตเห็นได้ถึงเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่ในดวงตาของมัน สะท้อนโทสะที่อัดแน่นในอก!
ชายหนุ่มผมแดงผู้นั้นเติบโตมาพร้อมมันตั้งแต่ยังเยาว์วัย มิตรภาพของพวกมันลึกซึ้งยิ่งนัก ถึงขั้นกล่าวได้ว่าพวกมันเป็นสหายสนิทที่ตั้งใจจะมีชีวิตและตกตายไปพร้อมกัน!
บัดนี้ การโจมตีของหลินซวนสังหารสหายรักลงเบื้องหน้าของมัน!
หัวหยุนคงแทบจะไม่สามารถกักเก็บความโกรธแค้นในหัวใจได้อีกต่อไป มันต้องการจะฝ่าค่ายกลที่ขวางกั้นอยู่และพุ่งเข้าไปฉีกกระชากหลินซวนให้เป็นชิ้นๆ !
“อย่าเพิ่งตระหนกไป เจ้าต้องรู้ว่าที่แห่งนี้มีมรดกอันยิ่งใหญ่อยู่ ตราบเท่าที่เราสามารถจะเก็บเกี่ยวโอกาสนี้มา ค่ายกลย่อมไม่สามารถจะหยุดพวกเราได้ ให้เจ้าเด็กบัดซบนั่นมีชีวิตเปี่ยมสุขในช่วงท้ายสุดอันแสนสั้นของมันไปเสียก่อนเถิด พวกเราค่อยจัดการมันภายหลังจากได้มรดกมากแล้ว!” เหล่าผู้บ่มเพาะแดนสร้างรากฐานที่เหลืออีกสามคนกำลังพยายามให้หัวหยุนคงใจเย็นลง
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้ว พวกมันเองก็กราดเกรี้ยวไม่ต่างจากหัวหยุนคงเช่นกัน นี่ย่อมเป็นเพราะว่าในบรรดาคนที่ถูกหลินซวนสังหารไปก็มีสหายของพวกมันเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น รุ่นเยาว์ทั้งหลายเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นอนาคตของหอเทพอัคคีทั้งสิ้น!
ส่วนทางด้านหลินซวน เขายืนตรงอย่างองอาจโดยไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความเสียใจหรือรู้สึกผิดแม้แต่น้อย กล่าวตามตรง หากมิใช่เพราะเขากลัวว่าจะมีพวกมันคนใดหลุดรอดออกไปและกระจายข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวของตน เขาคงจะลงมือสังหารพวกมันไปเสียตั้งนานแล้ว!
อย่างไรเสีย มันก็ยังไม่สายไปที่จะจู่โจมในตอนนี้ อย่างน้อยที่สุด พวกมันก็มิได้มีชีวิตอยู่ยืนยาวนัก
“เอ๋? ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้รับสมบัติชั้นดีมาจำนวนมิใช่น้อยเลยทีเดียว”
หลินซวนยิ้มพลางเดินไปรอบๆ ในตอนนั้นเอง ผู้บ่มเพาะทั้งสี่ที่เหลืออยู่ของหอเทพอัคคีที่ถูกกักขังอยู่ในพื้นที่ของป่าไผ่ยิ่งแสดงความเกรี้ยวกราดของพวกมันออกมามากขึ้นไปอีกระดับ
นี่เป็นเพราะหลินซวนเริ่มเก็บเกี่ยวสินสงคราม หรือในอีกแง่หนึ่ง เขาเริ่มจะตามเก็บสมบัติล้ำค่าและสมุนไพรทั้งหลายจากผู้ที่ถูกสังหารทั้งหมดเหลือทิ้งไว้โดยไม่ให้เหลือแม้แต่เศษเล็กเศษน้อย!
ต้องรู้ก่อนว่าสมบัติและทรัพยากรทั้งหลายเหล่านี้คือสิ่งที่คนของหอเทพอัคคีรวบรวมมานานกว่าครึ่งปี!
“ดูเหมือนว่าแดนลึกลับแห่งนี้จะสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นแดนลึกลับโบราณเสียจริง มันเต็มไปด้วยของดีมากมายนัก! ก่อนหน้านี้ เพราะต้องจารึกและสร้างค่ายกลจากภาพเขียนห้าเมล็ดพันธุ์ดาราจักรทำให้คลังสมบัติของตระกูลข้าว่างเปล่า ข้าจึงกลายเป็นยาจกที่ยากจน!”
แม้ว่าอัจฉริยะทั้งหลายที่ถูกสังหารไปจะสามารถพาดวงวิญญาณบางส่วนของพวกมันหนีรอดไปได้ แต่สมบัติ ทรัพยากร และแหวนมิติของพวกมันย่อมมิได้ติดตามไปกันดวงวิญญาณด้วย
เพราะเหตุนี้ หลินซวนจึงเอาหม้อโบราณขนาดใหญ่ใบหนึ่งออกและเก็บเกี่ยวของล้ำค่าทั้งหลาย
ด้านในของหม้อบัดนี้บรรจุไว้ด้วยสมบัติทุกประเภทเท่าที่จะจินตนาการได้ และสมุนไพรล้ำค่าต่างๆ ก็เก่าแก่ทั้งยังเป็นของชั้นเลิศ!
เหล่ารุ่นเยาว์ของหอเทพอัคคีต่างก็เก็บเกี่ยว รวมถึงช่วงชิงทรัพยากรทั้งหลายมาอย่างมากมาย ก่อนที่หลินซวนจะมาพบเจอและกลายเป็นหนึ่งในเหยื่อล่อ พวกมันก็เก็บเกี่ยวสมบัติชั้นยอดได้นับร้อยชิ้น
“สมบัติเหล่านี้นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว หากข้านำมันทั้งหมดไป ย่อมสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ตระกูลหลินได้ไม่น้อย” หลินซวนลูบคางตน ในแววตาปรากฏความพออกพอใจ อย่างไรเสย บัดนี้ตระกูลหลินก็ยากจนยิ่งนัก เขาไม่ควรจะปล่อยให้ทรัพยากรแม้เพียงชิ้นเดียวหลุดมือไป
“พวกเจ้ายังเก็บของดีไว้อีกหรือไม่? ส่งทั้งหมดมาให้ข้าเสีย ไม่เช่นนั้น ข้าจะสังหารพวกเจ้า!” หลินซวนเงยหน้าขึ้นและกล่าวกับคนที่เหลือของหอเทพอัคคี
เหล่ารุ่นเยาว์จากกองกำลังอื่นมิอาจกลั้นหัวเราะได้อีกต่อไป เหตุใดคำพูดเช่นนี้จึงคุ้นเคยยิ่งนัก? เหมือนจะเป็นประโยคเช่นเดียวกันที่คนของหอเทพอัคคีเคยเอ่ยกับพวกเขาก่อนหน้านี้! มาบัดนี้ พวกมันทำได้เพียงโกรธแค้นอย่างไร้หนทางแก้ไข นี่ทำให้พวกเขาล้วนสุขใจยิ่งนัก
“เจ้า! เจ้าตัวบัดซบ!”
ผู้บ่มเพาะจากหอเทพอัคคีที่เหลืออยู่มิอาจจะอดกลั้นโทสะที่ปะทุอยู่ในใจของพวกมันได้อีกต่อไป พวกมันอยากจะสาปแช่งหลินซวนยิ่งนัก แต่ก่อนที่พวกมันจะได้เอ่ยสิ่งใด ฉากเบื้องหน้าที่พวกมันได้เห็นต่อจากนี้กลับทำให้สีหน้าของพวกมันกลายเป็นโง่งม
หลังจากที่หลินซวนเก็บเกี่ยวสมุนไพรล้ำค่าทั้งหลายโดยรอบจนหมดสิ้นแล้ว เขาก็นำเอาหม้อสามขาใบยักษ์ออกมาและตั้งลงบนพื้นที่ว่างเปล่า
จากนั้น เขาก็นำเอาห่านแดงมาและรีดเลือดในร่างทั้งหมดของมันออก ถอนขน และเอาไว้ล้างทำความสะอาด เขาวางแผนบางอย่างกับร่างห่านนี้
กล่าวตามตรง ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งของชายหนุ่มผมแดงคนนั้นไม่มากพอ หรือเครื่องรางปกป้องวิญญาณของมันถึงขีดจำกัดเสียแล้ว ทำให้มันมิได้ถูกส่งออกไปจากแดนลึกลับ และถูกหลินซวนสังหารอย่างหมดสิ้นไม่เหลือแม้กระทั่งร่างแท้จริงที่ควรจะได้หลบหนีออกไปพร้อมดวงวิญญาณเช่นนี้
“แย่จริง ข้าเสียดายยิ่งนักที่เสี่ยวหวงมิได้อยู่ที่นี่ด้วย ไม่เช่นนั้น ด้วยทักษะของเขา เขาย่อมต้องสามารถปรุงอาหารเลิศรสออกมาได้อย่างแน่นอน”
หลินซวนทำได้เพียงถอนหายใจ กล่าวตามตรง เขาเองก็ถูกเสี่ยวหวงเลี้ยงดูอย่างดีในทุกครั้งที่เข้าไปยังแดนรกร้าง และหวงหาวมักจะทำอาหารรสเลิศไว้ให้เขาได้แบ่งปันกันเสมอ
เพราะเหตุนี้ แม้หลินซวนจะได้รับเคล็ดลับในการทำอาหารมาบ้าง แต่เมื่อเทียบกับเสี่ยวหวงแล้ว ทักษะปรุงอาหารของเขาด้อยกว่าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
บางครั้งที่พวกเขาบ่มเพาะปราณด้วยกัน ทั้งคู่ต่างก็ทำอาหารเพื่อกินดื่มด้วยกันเสมอ
ในตอนที่พวกเขาบอกลาผู้พิทักษ์วิญญาณก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ตกลงกันเอาไว้ว่าจะรวบรวมวัตถุดิบในการทำอาหารจากแดนลึกลับและจัดงานเลี้ยงขึ้นหลังจากได้พบกันอีกครั้ง
“เจ้านี่ก็มิได้ย่ำแย่นัก ข้าจะเหลือปีกสักข้างเอาไว้เพื่อการนั้นก็แล้วกัน”
หลินซวนพึมพำกับตนเอง... ในระหว่างที่เขาสังเกตการณ์ป่าไผ่ เขาก็รวบรวมไม้ฟืนและเครื่องเทศบางอย่าง และวางแผนที่จะทำ “ไก่ย่าง” สูตรพิเศษ