บทที่ 17 - พี่น้องเว่ย
ที่ครอบครัวตระกูลเว่ย
“พี่ครับ พูดความจริงมาเถอะครับ พี่ใหญ่กลับมาแล้วจริงๆเหรอครับ”
ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางที่มีลักษณะละเอียดอ่อนจ้องไปที่ เว่ยเจียเจีย ด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“อย่างที่ฉันพูด มันเป็นเขาอย่างแน่นอน! ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องโกหกนาย” เว่ยเจียเจียพูดตามความเป็นจริง โดยเลี่ยงการจ้องมองของน้องชายของเธอ
“เฮอะ…” เว่ยเจียผิงเยาะเย้ย “ถึงตอนนี้พี่ยังจะโกหกผมอยู่อีกเหรอ”
“ทำไมฉันต้องโกหกนาย” เว่ยเจียเจียพูดออกไปอย่างหงุดหงิด “ฉันบอกไปเป็นครั้งที่ล้านแล้วนะ พี่ชายใหญ่กลับมาแล้วจริงๆ มันเป็นเขาอย่างแน่นอน! ถ้านายไม่เชื่อฉันจะให้ฉันทำอย่างไง?”
“พี่ทำอะไรได้บ้าง ทำไมพี่ไม่ขอให้เขามาเป็นตัวแทนของเราล่ะ มันจะไม่เป็นการช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างๆงั้นเหรอ?” เว่ยเจียผิงกำหมัดของเขา “ผมจะเชื่อคำพูดของพี่ถ้าผมเห็นพี่ใหญ่สู้เพื่อเรา”
“พี่ใหญ่มีเรื่องอื่นที่ต้องทำ” เว่ยเจียเจียพูดอย่างใจเย็น “เขาจะปรากฏตัวขึ้นเมื่อเขาพร้อม อย่าพึ่งใจร้อน…”
“ผมเป็นคนใจร้อนงั้นเหรอ นั่นเป็นปัญหาอยู่แล้วหรือเปล่า!” เว่ยเจียผิงตะคอกใส่ แล้วเขายืนขึ้นทันทีและตะโกนใส่ เว่ยเจียเจีย “ถ้าพี่กล้า ทำไมไม่ไปบอกกลุ่มกริชว่าอย่าใจร้อนล่ะ ผมแน่ใจว่ามันจะออกมาดีสำหรับเรา!”
"ฉัน…"
“หยุดบ้าได้แล้ว ฉันไม่มีเวลาสำหรับเรื่องนี้!”
เว่ยเจียผิง เดินเข้ามาตะโกนใส่ "'พี่ใหญ่มีเรื่องอื่นที่ต้องทำงั้นเหรอ พี่คิดว่าการโกหกนี่มันจะอยู่ได้นานแค่ไหน พี่รู้ไหมว่าเรื่องมันเลวร้ายแค่ไหน ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่ใหญ่ไม่เคยมาแสดงตัวของเขาเลย แก๊งมันกริชสงสัยแล้ว… ไม่สิ พวกมันได้เริ่มลองเชิงกับพวกเราแล้ว!"
“ถ้ากลุ่มกริชมันลงมือ พี่จะทนได้งั้นเหรอ พวกเราโดนทำได้กี่ครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีการช่วยเหลือจากพี่ใหญ่ห่ะ! ตอบผมหน่อยได้ไหม!”
"ฉัน…"
“ผมพูดพล่ามพอแล้ว! ให้ผมพูดตรงๆนะ พี่ใหญ่ไม่ได้กลับมา!” เว่ยเจียผิงคำราม
เว่ยเจียเจีย เปิดปากของเธอและอยากจะโกหกไปไป แต่เธอตัดสินใจที่จะเข้าไปเช็ดน้ำตาเมื่อเห็นน้องชายของเธอที่แดงตาก่ำ
"มันไม่ใช่เขา"
ฟุบ!
เว่ยเจียผิง คุกเข่าล้มลงกับพื้น เขาหัวเราะออกมาอย่างเศร้าสร้อย
“ฮ่าฮ่า ผมรู้ ผมรู้ว่าเพี่โกหกมาตลอด”
“พี่ใหญ่งั้นเหรอ?
“หยุดนะ เจียผิง” เว่ยเจียเจีย นั่งลงปลอบโยน แลโอบน้องชายของเธอไว้ “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหก แต่ฉันไม่มีมีทางเลือก นายเองก็เห็น ที่ฉันโกหกมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พวกแก๊งกริชไม่มายุ่งกับเรา”
“ผมรู้ ผมรู้..” เว่ยเจียผิงพูดพร้อมสุดหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่เขาพยายามทำให้ตัวเองสงบลง เขาตัวสั่น “ผมรู้ว่าทำไมพี่ถึงโกหก ฟังนะ ผมก็ไม่อยากเหวี่ยงใส่พี่แบบนั้นเหมือนกัน แต่การโกหกแบบนี้มันไม่สามารถอยู่ได้นาน ในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน แก๊งกริชกำลังทำอะไรบางอย่างแล้ว ตอนนี้พวกมันเริ่มลงมือพวกเราด้วยการโจมตีขนาดเล็กๆ เราอาจป้องกันพวกมันได้ครั้งหรือสองครั้ง แต่เราจะถูกทำลายถ้ามันลงมือหนักขึ้นกว่านี้ เมื่อถึงเวลานั้น ความจริงก็จะถูกเปิดเผย”
“ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไง” เว่ยเจียเจียกล่าวขณะที่เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ
"พี่รู้?" เว่ยเจียผิงถามด้วยความตกตะลึง “หมายความว่าพี่มีทางออกแล้วใช่ไหม”
"แน่นอน!"
"ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม แล้วมันคืออะไร?" เว่ยเจียผิงถามด้วยความยินดี
“ฉันจะไปตามผู้ที่จะช่วยให้เรารอด!” เว่ยเจียเจียประกาศออกมา ดวงตาของเธอส่องแสงเป็นประกาย
"อะไรนะ?" เว่ยเจียผิงถามด้วยความตกตะลึง หายวับไปอย่างรวดเร็ว เขาอุทานด้วยความประหลาดใจ “พี่ครับ พี่หมายถึงคนที่แอบอ้างเป็นพี่ใหญ่ของเราเหรอ?”
“เขาไม่ใช่ตัวปลอม ฉันจะเป็นคนทำให้เขากลายเป็นพวกเรา” เว่ยเจียเจียยอมรับด้วยรอยยิ้มเขินอาย “ฉันรู้ว่ามันไม่ดีกับฉัน แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น เราต้องซื้อเวลาครึ่งเดือนก่อนที่แก๊งกริชจะจับได้ใช่ไหม?”
“…การชะลอปัญหามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย” เว่ยเจียผิงกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว
“เวลาที่เราซื้อเป็นสิ่งสำคัญ” เว่ยเจียเจียกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ฉันจงใจปล่อยข่าวออกไปว่าพี่ใหญ่ได้กลับมาเพียงเท่านั้น แต่เขายังเอาชนะหนึ่งในสิบราชาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งกลุ่มกริชทันทีที่เขากลับมาด้วย มันเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวจริง ๆ และเขาก็ชนะด้วยหมัดเดียวอีกต่างหาก!”
“สิบราชาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ เหอะ! มันไม่มีอะไรเลยนอกจากกลุ่มตัวตลกที่ไม่ได้อยู่แม้แต่ในระดับแปด พวกมันก็แค่ร้องเพลงสรรเสริญของตัวเอง” เว่ยเจียผิงพูดออกมา ริมฝีปากของเขาขดอย่างไม่ใส่ใจ “แต่ไม่เป็นไร บอกผมมาว่าพี่ตั้งใจจะตามหาผู้ที่จะช่วยให้เรารอดได้อย่างไง เขาไม่ได้สวมเสื้อคลุมและหน้ากากหรอกเหรอ เราจะหาเขาเจอได้อย่างไงล่ะ ถ้าเราไม่รู้แม้แต่ชื่อของเขาหรือหน้าตาเป็นยังไง”
“นายไม่รู้ ไม่ใช่ฉันรู้'” เว่ยเจียเจียพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย
“พี่ไม่ได้พูดเล่นใช่มั้ย” เว่ยเจียผิงถามด้วยความยินดี
“ไม่แน่นอน” เว่ยเจียเจียกล่าวต่ออย่างมั่นใจ “ตลอดสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น คืนนั้นฉันวิ่งผ่านคนค่อนข้างมากในขณะที่ฉันกำลังวิ่งหนีสุดชีวิต อย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจเป็นใครเลย นอกจากคนที่เจอกันในตอนต้น”
“ไม่อย่างนั้นเขาคงลงมือเร็วกว่านี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะตามฉันมาเลย นั่นทำให้คนที่ฉันเจอในตอนหลังที่ฉันวิ่ง มีคนหนึ่งไล่ตามฉันเข้าไปในซอยข้างหลัง ถึงฉันเห็นแค่แปปเดียว.”
“หรือว่าเขาบังเอิญอยู่ใกล้ซอยก่อนเกิดเหตุ!”
"ไม่มีทาง!" เว่ยเจียเจียร้องไห้อ้าปากค้าง
“ฉันครุ่นคิดเรื่องนี้เป็นเวลานาน แต่คนที่ฉันพบในภายหลังกลับไม่ตรงกับคำอธิบาย ทว่า…” เว่ยเจียเจียสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อ "แต่ยังไงก็ตาม มันมีป้ายรถเมล์อยู่ใกล้ซอยนั้น!"
"แล้วป้ายรถเมล์เกี่ยวอะไรด้วย" เว่ยเจียผิงถามด้วยความสงสัย
“มีหลายอย่างที่ฉันทำในช่วงสองสามคืนที่ผ่านมา ฉันกลับไปที่ที่เกิดเหตุการณ์และขึ้นรถประจำทางไปตามถนนสายนั้น” เว่ยเจียเจียกล่าวอย่างเคร่งขรึม "รถเมล์สาย 303 เป็นรถเมล์สายเดียวที่ผ่านป้ายรถเมล์นั้น ๆ หลังจากการค้นคว้า ฉันพบว่ารถประจำทางสาย 303 มันครอบคลุมเขตตะวันตก เมื่อคนนั้นได้ขึ้นรถบัส ฉันมั่นใจเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่าฉันจำเขาได้!"
"งั้นไปกันเถอะ!" เว่ยเจียผิงเชียร์ แล้วโบกมือให้ “เมื่อพวกเราพบเขา เราก็สามารถ… แต่เดี๋ยวก่อน!”
ทันใดนั้น เหมือนจำบางสิ่งได้ สีหน้าของเว่ยเจียผิงก็เปลี่ยนไป ความลังเลเข้ามาแทนที่ความสุขบนใบหน้าของเขา “ถึงเราจะหาเขาเจอ แต่เขาจะช่วยเราไหม”
“เป็นความจริงที่เขาเรียนรู้หมัดเจ็ดก้าวจากโรงเรียนสอนของเรา แต่เขาไม่ได้มาสู้เพื่อเราโดยตรง บางทีเขาอาจจะไม่ต้องการที่จะทำอะไรกับเรา”
“ที่เขาช่วยพี่ เพียงเพราะเขาไม่สามารถทนเห็นผู้หญิงถูกรังแกได้”
“ฉันรู้” เว่ยเจียเจียกล่าว ใบหน้าของเธอสงบและรวบรวม “ฉันรู้ว่าเขาแค่เดินผ่านมา และบังเอิญเห็นหรือได้ยินว่าฉันมีปัญหาและลงมือช่วย เมื่อฉันต้องการที่จะคุยกับเขา เขาก็รีบหนีไปทันที นั้นเป็นสัญญาณชัดเจน”
“แล้วทำไมพี่ถึงยัง…”
“ให้เราเจอเขาก่อน” เว่ยเจียเจียพูดพร้อมยกมือป้องกัน “เมื่อฉันพบเขา ฉันมั่นใจว่าฉันสามารถโน้มน้าวให้เขาให้ช่วยเราได้”
"ยังไง?" เว่ยเจียผิงถามด้วยความสงสัย
“ง่าย ๆ ฉันจะทำข้อตกลงกับเขา!”
ใบหน้าของ เว่ยเจียเจียเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว “นี่เป็นความลับที่คนนอกไม่รู้ แต่เราทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าหมัดเจ็ดก้าวไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้แบบพิเศษเฉพาะของครอบครัวเรา!” ดวงตาเว่ยเจียผิงเบิกกว้าง “อย่าบอกนะว่าพี่ตั้งใจที่จะ...”
“นายคิดถูกแล้ว ฉันวางแผนที่จะใช้มังกรแปดก้าวเป็นเครื่องต่อรองของเรา!”