ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0027
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0029

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0028


บทที่ 11 ทิศใต้, เดินทางระยะสั้น (2)

* * *

หลังจากเดินมาห้าวัน

ขณะเดินอ้อมภูเขาทางฝั่งขวา ฉันสัมผัสถึงกระแสอาการที่เปลี่ยนแปลงไป จึงพยายามค้นหาจนกระทั่งพบถ้ำที่มีโพรงกว้าง

เส้นทางดังกล่าวช่วยประหยัดเวลาได้มาก เพียงไม่นานก็มาถึงป่าแห่งหนึ่ง

แต่สิ่งแรกที่เห็นกลับเป็นภาพอุจาดตา

ศีรษะของมนุษย์

“…เผ่าพันธุ์เดียวกับเจ้า”

ศีรษะมนุษย์ถูกตัดโดยที่ยังลืมตา

ทรงสมัยใหม่ช่วยยืนยันว่าเป็นคนจากโลก

“นี่คือจุดจบของคนที่เข้าป่าโดยไม่เตรียมตัว”

ลิลี่กล่าวอย่างไม่ยี่หระ เบือนสายตาออกจากศพและโน้มตัวลงด้วยอาการเกร็ง

“ข้าเชื่อใจเจ้านะ แต่อยากให้เพิ่มความระวังมากขึ้น… สิ่งที่ทำแบบนี้ยังมีชีวิตอยู่”

ฉันเข้าใจความรู้สึกลิลี่

ที่นี่เป็นป่าเก่าแก่ และป่าแก่มักอุดมสมบูรณ์

อุดมสมบูรณ์หมายถึงการมีระบบนิเวศใหญ่

และระบบนิเวศใหญ่หมายถึง การมีนักล่าที่แข็งแกร่ง

ลิลี่ทราบเรื่องนี้ดี ฉันก็เช่นกัน

มองไปรอบตัว กลิ่นจางๆ ลอยมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ห่างออกไป

นั่นคือศพ?

“ก่อนตาย เขาซ่อนตัวในพุ่มไม้…”

“หือ?”

“ในพุ่มไม้นั่นมีศพ”

ลิลี่มองตาม ก่อนจะพยักหน้ารับ

“จริงด้วย อุแหวะ!”

ฉันย่อตัวลงและพิจารณาส่วนหัวอย่างใกล้ชิด

“ลิลี่ รู้ไหมว่าสิ่งมีชีวิตจะก้าวร้าวตอนไหนบ้าง”

“หืม… เมื่อล่าเหยื่อ?”

“เมื่อล่าเหยื่อ เมื่อถูกคุกคามชีวิต และสำหรับบางสายพันธุ์ เมื่อกำลังผสมพันธุ์”

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกกรณี

แต่หากจำกฎเหล็กสามข้อนี้ได้ การดำรงชีวิตในต่างโลกที่เต็มไปด้วยสัตว์พิสดารก็จะง่ายขึ้น

มีโอกาสอยู่รอดมากกว่าผู้ที่เอาแต่สั่นกลัวด้วยสมองอันว่างเปล่า

ลิลี่เดินเข้าหาฉันและถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“แล้วกรณีนี้เป็นแบบไหน”

“เขาซ่อนตัวในพุ่มไม้ คงไม่มีกะจิตกะใจจะสู้แล้ว… อาจถูกฆ่าเพื่อปกป้องตัวเอง… ตัดการล่าออกไปได้เลย เพราะแทบไม่มีร่องรอยการล่า”

เป็นกรณีศึกษาที่ดีสำหรับลิลี่ หากเธออยากติดตามฉัน อย่างน้อยก็ต้องรู้เรื่องพวกนี้เอาไว้

ลิลี่ไตร่ตรองอย่างจริงจัง ประหนึ่งเล็งเห็นเจตนาของฉัน

“ถ้าอย่างนั้น…”

ลิลี่ครุ่นคิดสักพักก่อนจะ ‘อ๊ะ’ แล้วก็จ้องฉันด้วยสายตาขึงขัง

“ถูกฆ่าเพื่อปิดปาก?”

“ฉลาดมากนักเรียน… อย่างที่บอกไป มีโอกาสเป็นการฆ่าเพื่อปกป้องตัวเอง”

“เข้าใจแล้ว…”

ลิลี่พยักหน้ารับ ฉันคาดหวังกับเธอไว้สูงหลังจากได้ยินว่าชำนาญสิบหกภาษา และดูเหมือนว่าจะทำได้ดีกว่าที่คิด

ฉันก้มหน้ามองรอยแผลที่ถูกตัด

“หน้าตัดเรียบมาก… การเล็งไปที่คอหมายความว่า ผู้ลงมือรู้จุดอ่อนเป็นอย่างดี”

ฉันใช้ปลายนิ้วสัมผัสหน้าตัดแผล

“…ผงโลหะ”

“…ฆ่าด้วยอาวุธ?”

“อาจเป็นโลหะชีวภาพเหมือนปรสิต… แต่ถ้าจำไม่ผิด โลหะชีวภาพจะขึ้นสนิมไม่ได้”

ฉันหลับตาลง สมาธิจดจ่ออยู่กับการไหลของอากาศ

พยายามแยกแยะกลิ่นหลายสิบชนิดที่ผสมปนเป

กลิ่นเลือด กลิ่นหญ้า และ… กลิ่นเหม็นเน่า…

จากทั้งหมด กลิ่นที่แปลกก็คือ

“กลิ่นโลหะ”

กลิ่นไม่ได้มาจากศพตรงหน้า แต่ถูกพัดมาจากที่ใดสักแห่งในตำแหน่งไกลออกไป

ไม่ว่าจะทำจากโลหะชนิดใด แต่หากเป็นอาวุธที่ถูกดูแลรักษา หรือโลหะชีวภาพ จะไม่ส่งกลิ่นแย่ขนาดนี้

“เหมือนกับโลหะเก่า”

“…เจ้ายังเป็นมนุษย์แน่ใช่ไหม?”

ลิลี่มองฉันด้วยสีหน้าสุดทึ่ง

“อะไร?”

“…ข้าพูดไม่ออกเพราะตัวเองไม่ได้กลิ่นอะไรเลย”

ฉันลุกขึ้น เปิดปลอกหนังและชักมีดกูรข่า

“คงต้องระวังตัวให้มากขึ้น หลังจากนี้จะเริ่มอันตราย”

ในหัวฉันมีแต่คำถาม แต่เนื่องจากมีข้อมูลไม่เพียงพอ ในสถานการณ์เช่นนี้ การหลีกเลี่ยงคือตัวเลือกที่ดีที่สุด

ย่างกรายไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง สมาธิจดจ่ออยู่กับประสาทสัมผัสเพื่อมิให้ตกหล่นสิ่งใด

ใช้เวลาไม่นาน ฉันค้นพบต้นตอของกระแสลมที่หอบกลิ่นโลหะ

รอยแยกบนหน้าผาที่เข้าไปได้ทีละคน

ฉันหมดคำจะพูดทันทีที่ไปถึง

“บ้าน่า…”

เชือกที่ผูกอยู่กับต้นไม้

สุดปลายเชือกคือวิลสัน

“…นี่เพื่อนของเจ้าไม่ใช่หรือ”

ลิลี่กล่าวด้วยแววตาว่างเปล่า คล้ายกับรู้สึกสับสนไม่ต่างกัน

* * *

ปุจฉา: โลกนี้มีลูกโป่งที่ทำจากยางหรือพลาสติกหรือไม่

วิสัชนา: ไม่มี ฉันยืนยันเรื่องนี้จากลิลี่แล้ว

ปุจฉา: ฉันเคยมาที่นี่และผูกวิลสันไว้กับต้นไม้หรือไม่

วิสัชนา: ไม่เคย ฉันไม่เคยใช้ชีวิตในละแวกนี้

ปุจฉา: เป็นไปได้ไหมที่มนุษย์โลกนอกจากฉันจะนำลูกโป่งมาผูก

วิสัชนา: เป็นไปได้

แต่ว่า

“…ตา จมูก ปาก…”

มีฉันคนเดียวที่วาดแบบนี้ จึงคิดเป็นอื่นไปไม่ได้

“…”

ฉันลองสัมผัสลูกโป่งที่มีตา จมูก และปากวาดอยู่

เป็นลูกโป่งจริงๆ

ด้านหลังลูกโป่งมีลูกศรชี้เข้าไปในถ้ำ

“…มันกำลังนำทางเรา?”

ลูกศรกำลังบอกให้เราเข้าถ้ำ?

ฉันหมุนลูกโป่งไปรอบๆ พลางกล่าว

“ฮาวนด์ที่ตายไปคนนั้นน่าจะผ่านมาแถวนี้ก่อนเรา แต่ทำไมเขาถึงไม่สัมผัสลูกโป่ง?”

“ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนผูกเองหรือ?”

“มีฝุ่นจับหนา หมายความว่าไม่ได้เพิ่งถูกผูกแค่วันสองวัน ในเมื่ออยู่ในตำแหน่งที่มือเอื้อมถึง ไม่มีทางที่จะไม่ลองสัมผัส… แต่ฝุ่นกลับยังเกาะหนาในทุกจุด ถ้ามีการสัมผัสก็ต้องเกิดรอยนิ้ว”

“หืม…”

เขามองไม่เห็น หรือว่ามันไม่ได้อยู่ตรงนี้ในตอนที่ฮาวนด์ผ่านมา?

…ถ้าลองสมมติให้วิลสันกลายเป็นตัวตนที่ถูกชาวบ้านทางใต้กราบไหว้บูชา

และสมมติให้วิลสันพยายามช่วยเหลือฉัน

“…คิดไปก็ปวดหัว”

ส่ายหน้าแผ่วเบา ในเมื่อมีข้อมูลไม่พอ คงจะดีกว่าหากไม่ฟันธง

ฉันมองเข้าไปในถ้ำมืดสักพัก

“…แค่สำรวจคงไม่เป็นอะไรมั้ง”

“จนได้สิน่า”

ฉันมั่นใจว่าตัวเองจะไม่ตกอยู่ในอันตราย จึงมองว่าการเข้าไปสำรวจไม่ใช่เรื่องเสียหาย

มีแต่ต้องตรวจสอบข้างในให้ทั่ว จึงจะทราบความหมายของลูกศรที่ถูกวาดบนลูกโป่ง

* * *

“โมห์สmohsทูริตturit”

ฉันสร้างลูกไฟที่ร้อนแรงกว่าปรกติหนึ่งดวงและสั่งให้คอยลอยตาม

“ระวังโดนลวก เจ้านี่ร้อนกว่าปรกติ”

ลิลี่พยักหน้ารับขึงขัง

“ทำไมฉันต้องสำรวจที่แบบนี้ด้วย”

“ไม่สนุกหรือ? น่าตื่นเต้นจะตาย”

พวกเราเดินเข้าไปในถ้ำโดยอาศัยแสงจากโมห์สmohs ภูมิประเทศไม่ทุลักทุเลมากนัก ส่งผลให้เคลื่อนไหวได้ค่อนข้างสะดวก และหลังจากเข้าได้ไม่นานก็พบว่าทางเดินเริ่มลาดลง

เส้นทางไม่ได้สร้างปัญหาให้กับฉันและลิลี่

พรืด—

หลังจากไถลแผ่วเบาจนมาถึงด้านล่าง ภูมิประเทศที่เกิดจากการก่อสร้างปรากฏเบื้องหน้า เผยให้เห็นทางเดินที่นำไปสู่ห้องต่างๆ

“หืม…”

หน้าทางเข้าห้องเต็มไปด้วยศพที่ถูกตัดแขนขา

สภาพศพสอดคล้องกับศพด้านบน

ตายในเวลาใกล้เคียงกัน เป็นพวกเดียวกัน

“ศึกแรกเกิดขึ้นที่นี่”

ทันทีที่ได้ยิน ลิลี่รีบยกมีดล่าสัตว์ที่ฉันฝากไว้พลางมองไปรอบๆ

ฉันเองก็จับมีดกูรข่าแนบแน่น เพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับประสาทสัมผัส แต่ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปรกติ

ผ่านไปสักพัก ฉันเห็นกลุ่มชิ้นส่วนชุดเกราะที่แยกออกจากกันตกอยู่ใกล้ๆ

“…”

ด้านหลังเกราะมีบางสิ่งเขียนไว้

“ภาษา… รูน…”

เป็นไปตามที่ลิลี่บอก นั่นคือภาษารูน

ฉันเข้าไปใกล้และเพ่งสายตาอ่าน พบว่าบางส่วนของวงแหวนเวทถูกเช็ดออกด้วยสองนิ้ว แต่ยังพอจะอนุมานได้ว่าต้นฉบับมีหน้าตาเป็นอย่างไร

ฉันอ่านมันอย่างตั้งใจ

“…อ่านออกไหม”

ลิลี่เดินตามมาและถาม

“ไม่… อ่านไม่ออก”

แต่ดวงตาของฉันที่ยังกลอกไปตามทุกซอกมุมประโยค ยังคงไม่หยุดสั่น

“…ถ้าอ่านไม่ออกก็เปล่าประโยชน์ ตามที่เคยเล่าให้ฟัง สำหรับภาษารูน หากจะเปล่งเสียงก็ต้องทำอย่างถูกต้อง และหากจะเขียนก็ห้ามมีจุดผิดพลาดแม้แต่ตำแหน่งเดียว สัดส่วนของประโยคต้องเท่ากันเสมอ… นั่นคือเหตุผลที่ข้ายังใช้งานไม่ได้แม้จะมีความรู้”

แคร้ง

“อะ…!”

ทันใดนั้น เสียงโลหะกระทบกันดังมาจากด้านใน

* * *

เคร้ง—

เคร้ง—

เคร้ง—

ลิลี่จดจ่อสมาธิอยู่กับพลังในการมองเห็นโฉมวิญญาณ

โดยทั่วไป โฉมวิญญาณจะมีขนาดใหญ่กว่าเจ้าของร่าง

นอกจากการอ่านแก่นแท้ พลังของเธอยังมีประโยชน์ในการค้นหาเป้าหมายที่ซ่อนตัว

ภายในห้องอันกว้างขวาง

ห้องที่เพดานถูกค้ำจุนด้วยซากเสาหินผุพัง ขนาดของมันใหญ่โตจนแสงจากโมห์สmohs ให้ความสว่างได้ไม่หมด

เคร้ง—

ไม่ว่าลิลี่จะเพ่งจิตมากเพียงใด แต่ก็มองไม่เห็นโฉมวิญญาณสักที

สิ่งมีชีวิตด้านหน้าสามารถซ่อนโฉมวิญญาณได้เหมือนกับคังซอนฮู?

ไตร่ตรองสักพัก เธอส่ายหน้า

‘เราไม่เคยเห็นใครทำได้นอกจากเขา’

เหงื่อหยดหนึ่งไหลจากหน้าผากลิลี่ ไถลไปตามแก้มและหยดติ๋งจากปลายคาง

เม็ดเหงื่อหยดลงในตำแหน่งด้านหลังชุดเกราะที่คังซอนฮูกำลังเพ่งจ้อง

แปะ

โดยไม่หันมามอง คังซอนฮูยกมือขึ้นเพื่อป้องกันมิให้เหงื่อกระทบกับชุดเกราะ

ชายหนุ่มไม่อยากให้ประโยคที่ถูกลบด้วยนิ้วจนเสื่อมพลัง เลือนรางยิ่งไปกว่าเดิม

แม้จะมีเสียงของบางสิ่งดังมาจากด้านหน้า แต่คังซอนฮูทำราวกับไม่ได้ยิน ความสนใจทั้งหมดจดจ่ออยู่กับประโยค

“…เจ้า?”

ลิลี่ผู้ร้อนรนพยายามเรียกขานคังซอนฮู สายตาของเธอยังคงมองตรงไป

“ข้ารู้ว่าประโยครูนนั่นน่าสนใจสำหรับเจ้า แต่หากคิดจะศึกษา ต่อให้มีประโยคที่สมบูรณ์วางอยู่ตรงหน้า ก็ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะวาดตามได้ครบถ้วน นับประสาอะไรกับประโยคที่ถูกลบเลือนไปบางส่วน?”

เคร้ง—

ท่ามกลางความมืดที่มองเห็นได้ไม่ไกล ลิลี่อึดอัดใจเหนือพรรณนา

สิ่งใดกำลังเข้ามาใกล้ หรือจะเป็นตัวตนไร้วิญญาณ?

‘…หรือนักเชิดศพ?’

เทคนิคการใช้พืชปรสิตคอยควบคุมเส้นประสาทของศพ สามารถอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันได้

แต่เสียงโลหะคืออะไร?

เคร้ง—

เคร้ง—

เคร้ง—

ต้นเสียงมิได้มีแค่หนึ่ง

ตามความคิดของลิลี่ พวกมันมีมากถึงสาม

แวมไพร์สาวไว้ใจมีดล่าสัตว์ที่คังซอนฮูฝากไว้กับตน จึงโน้มตัวลงเพื่อเตรียมรับมือการจู่โจมที่ไม่คาดฝัน พลางยืนยันเส้นทางหลบหนี

ลิลี่กำลังตื่นเต้น

เคร้ง—

ตื่นเต้นจนไม่ได้มองว่าคังซอนฮูกำลังทำสิ่งใด

จนกระทั่งเจ้าของเสียงปรากฏ ชุดเกราะตัวหนึ่งกำลังย่างกรายเข้าใส่พร้อมกับกระบองลูกตุ้ม

‘ลิฟวิงเมทัล…!’

ลิฟวิงเมทัลที่มีอยู่แค่ในนิทาน

สร้างจากเทคนิคในตำนานที่สาบสูญ ดุจดังองครักษ์ผู้ไม่มีวันตาย ดุจดังกองทัพโบราณซึ่งถูกวางไว้เพื่อปกป้องสถานที่สำคัญ

หมายความว่า ที่นี่คือโบราณสถานจากยุคสมัยดังกล่าว?

สถานที่ซึ่งควรค่าแก่การปกป้อง

ลิลี่กระจ่างเรื่องราวทั้งหมด แต่ก็มิใช่เวลามัวเพลิดเพลินไปกับความรู้ใหม่

ลิฟวิงเมทัลกำลังเร่งความเร็วเต็มฝีเท้าเข้าใส่ผู้บุกรุก

“คาห์สkaahz”

ทันใดนั้น คังซอนฮูเปล่งประโยคสำหรับ ‘สตาร์ต’

“เจ้าโง่! ไม่รู้หรือว่าการสตาร์ตประโยครูนที่เสื่อมพลังมันไม่มีความหมาย? เจ้ายังไม่รู้วิธีใช้ประโยคด้วยซ้ำ…”

เสียงหนึ่งดังกังวานจนกลบเสียงลิลี่

ไม่สิ ลิลี่ชะงักคำพูดไปก่อนหน้านั้นแล้ว เพราะตกใจกับเสียงที่ไม่คาดคิดจนแข้งขาแทบจะไร้เรี่ยวแรง

วังวนอากาศขนาดย่อม ก่อตัวขึ้นรอบชุดเกราะที่คังซอนฮูวางมือลงไป

ชิ้นส่วนชุดเกราะในละแวกใกล้เคียงทยอยถูกดูดเข้ามารวมกัน นอกจากนั้นยังมีเศษหิน แผ่นหิน และเศษเสาหิน

ทั้งหมดกรูเข้ามาประหนึ่งถูกกระแสน้ำพัดพา

คังซอนฮูมองตรงด้วยสีหน้าขึงขัง พยายามสำรวจผลงานของตัวเอง

เสียงชุดหนึ่งดังออกจากปากชายหนุ่ม

“…สิ่งไร้วิญญาณจงก่อตัวเป็นรูปร่าง จงกลายเป็นทาสแห่งการพิทักษ์ไปชั่วนิรันดร์”

เมื่อคังซอนฮูถอนฝ่ามือกลับ ประโยคบนหลังชุดเกราะเปล่งแสงเจือจาง

ส่วนที่เคยถูกลบจนเลือน ถูกเติมเต็มด้วยรอยขีดของมีดกูรข่า

ประโยครูนกำลังสำแดงพลัง

กล่าวคือ ส่วนที่คังซอนฮูซ่อมแซมไม่มีจุดผิดแม้แต่น้อย

โกเล็มที่ถูกสร้างจากการผสานระหว่างหินกับชุดเกราะ เหวี่ยงดาบด้วยสองมือเพื่อฟาดฟันศัตรูที่ริอ่านโจมตีเจ้านายของตน

แคร้ง—!

เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า ลิลี่ตกตะลึงสุดขีด

“…ไหนบอกว่าอ่านไม่ออกไง”

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด