697 - นักพรตอมตะ
697 - นักพรตอมตะ
หน้าผาศักดิ์สิทธิ์กลับสู่ความสงบ มือสีทองที่เกิดจากคัมภีร์ผนึกเทพหายไปและทุกอย่างกลับสู่ความสงบ
“เก้าญาณวิเศษลึกลับและปรมาจารย์ศาลสวรรค์ก็ถูกผนึกไว้ในโลงศพโบราณอีกแล้ว...”
จักรพรรดิดำพึมพำ แม้ว่ามันจะคุยโวมากแค่ไหน แต่สุดท้ายมันก็จำเนื้อหาของคัมภีร์เก้าญาณวิเศษลึกลับได้เพียงสี่บรรทัด ดังนั้นมันจึงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
“สมบัติแห่งสวรรค์ย่อมถูกมอบให้กับผู้มีวาสนา ทิ้งไว้ให้คนรุ่นต่อไปเถอะ” ชายชราผู้บ้าคลั่งกล่าวเบาๆ
เย่ฟ่านเดินติดตามทุกคนออกจากหน้าผาศักดิ์สิทธิ์ และพยายามอดทนกับความทรมานอันน่าสะพรึงกลัวซึ่งกำลังจะเผาผลาญร่างกายของเขาให้แหลกละเอียด
ตอนนี้เขาใช้ทะเลแห่งความทุกข์ผนึกคทาสีทอง นี้เป็นสัญลักษณ์ของศาลสวรรค์ นอกจากนี้นี่ยังเป็นอาวุธสังหารที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟันอันมากมายมหาศาล
“นี่เป็นอาวุธที่ถูกสร้างขึ้นมาจากยุคโบราณเพื่อเสริมสร้างมรดกของศาลสวรรค์ อย่างน้อยๆการจะใช้งานมันต้องอยู่ในอาณาจักรผู้สูงสุดซะก่อน”
จักรพรรดิดำกล่าว มันกระโดดพยายามคว้าสมบัติจากเย่ฟ่าน
“บัดซบ เจ้าหมาตัวนี้ไร้ยางอายจริงๆ คิดจะปล้นแม้กระทั่งของจากคนรู้จัก!”
หลี่เหอซุยและเย่ฟ่านต้องการทุบตีมันอย่างรุนแรง เด็กหญิงตัวเล็กๆ ตบศีรษะของมันเบาๆ แล้วพูดว่า
"ทำตัวดีๆ"
สุนัขสีดำตัวใหญ่เกือบจะล้มลงกับพื้นเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ แต่ในการเผชิญหน้ากับเสี่ยวหนานหนานมันทำได้เพียงยับยั้งความขุ่นเคืองเท่านั้น
พวกเขาไม่ได้หยุดพักนานนัก และเดินลงเขาไปตามเส้นทางเดิม เตรียมที่จะออกจากหน้าผาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่อันเลวร้าย หากอยู่นานกว่านี้มันอาจจะมีปัญหาไม่สิ้นสุด
ทันใดนั้นเมื่อพวกเขาขึ้นไปได้ครึ่งทางก็มีใครบางคนกำลังขวางทางพวกเขาอยู่ เสื้อคลุมของนักพรตบนร่างกายของเขาค่อนข้างเก่า และแตกต่างผู้คนในยุคปัจจุบันค่อนข้างมาก
“บัดซบ เราเจอตัวปัญหาใหญ่แล้วนี่คือเครื่องแต่งกายเมื่อหลายแสนปีก่อน!”
“นี่เป็นศพโบราณหรือไม่?” หลี่เหอซุยกระซิบ
“เขาไม่ใช่ศพ!”
ชายชราผู้บ้าคลั่งเดินไปข้างหน้าและสายตาของเขาเคร่งขรึมอย่างยิ่ง
นักพรตที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาแก่ชราอย่างเหลือเชื่อ ร่างกายของเขาโอนเอนไปมาคล้ายกับจะล้มลงได้ตลอดเวลา มงกุฎสีม่วงทองบนศีรษะของเขานั้นทื่อและเกือบพังไปแล้ว เสื้อคลุมของนักพรตบนร่างกายของเขาก็เปื่อยยุ่ยน่าเกลียดยิ่งกว่าผ้าขี้ริ้ว
“ผู้มีจิตเมตตาทั้งหลาย เจ้าสามารถช่วยนักพรตที่น่าสงสารได้หรือไม่ ข้าอยากจะมอบศิลปะศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้จากเก้าญาณวิเศษลึกลับสองประเภทให้พวกท่าน”
นักพรตเฒ่ากล่าวเบาๆอย่างยากลำบาก แต่คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
“ท่านเป็นใคร”
เสี่ยวหนานหนานถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยน ราวกับเป็นเด็กขี้สงสัย
ในอีกด้านหนึ่ง ชายชราผู้บ้าคลั่งปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ระดับผู้อมตะออกมา ร่างกายของเขาสว่างสดใสราวกับเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ไม่คล้ายชายชราผู้บ้าคลั่งอีกแล้ว!
การกระทำของเขาเหมือนกับเชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ จากลักษณะที่เขาแสดงออกมานั้นมันทำให้พวกเย่ฟ่านหวาดกลัวต่อนักพรตที่อยู่ตรงหน้านี้อย่างถึงที่สุด!
"ข้าลืมอดีตไปแล้ว เพราะตัวตนที่แท้จริงของข้าได้ตายไปนานจนแม้แต่ตัวข้าก็จำไม่ได้" คำพูดของนักพรตเฒ่านั้นแสนสงบไม่มีอารมณ์เจือปน
“เขา... จะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ถูกคัมภีร์ผนึกเทพปิดผนึกไว้บนภูเขา เขาหลุดออกมาได้อย่างไร!”
จักรพรรดิดำตัวสั่นและแสดงความกลัวอย่างสุดขีด หากเป็นเช่นนี้มันจะเป็นหายนะร้ายแรงอย่างถึงที่สุด
ในอดีต ผู้คนที่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อู๋เป่ยผนึกไว้บนภูเขาล้วนเป็นยอดคนระดับผู้อมตะและผู้ไม่ดับสูญทั้งสิ้น หากพวกเขาสามารถหลบหนีออกจากผนึกได้จริงๆ มันจะเป็นภัยพิบัติอย่างแน่นอน
“เนื้อหนังของข้ากลับคืนสู่ดินเหลืองไปนานแล้ว และข้าจำได้แค่ว่าในอดีตผู้คนมักจะเรียกข้าว่านักพรตอมตะ” ชายชรายังคงพูดต่อไป
“นักพรตอมตะ… ข้ากลัวว่านั่นจะเป็นหนึ่งในยอดคนผู้ครอบครองภูเขาอมตะในอดีต?”
หัวใจของเย่ฟ่านทรุดลง หน้าผาศักดิ์สิทธิ์ถูกตัดมาจากภูเขาอมตะนั่นเอง!
ชายชราผู้บ้าคลั่งระเบิดพลังระดับผู้อมตะออกมาอย่างถึงที่สุด แม้แต่ผลไม้เต๋าของเขาก็ยังปรากฏขึ้น และเขาได้ดูดซับมันเข้าสู่ร่างกายเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเองอีกหลายเท่าโดยไม่รอช้า
“เหลือวิญญาณบรรพกาลเพียงหกดวงที่ถูกผนึกอยู่ในดินแดนแห่งนี้ หากผู้ใดคิดจะหลุดออกจากคัมภีร์ผนึกเทพพวกเขาต้องลบล้างไอสังหารและความแค้นทั้งหมดออกไปก่อน ซึ่งพวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าข้าไม่มีอารมณ์ด้านลบพวกนั้นอีก”
นักพรตเฒ่ากล่าวด้วยความสงบและพยายามทำให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือ
หลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าเลือดเนื้อของเขาจะกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว แต่เพียงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าก็สามารถทำให้เย่ฟ่านและคนอื่นๆหนาวสั่นไปถึงข้างใน
ในยุคโบราณจักรพรรดิอู๋เป่ยเคยสยบสิ่งมีชีวิตระดับผู้อมตะและปิดผนึกไว้ในภูเขาแห่งนี้เก้าตัว หลังจากเวลาผ่านไปอย่างไม่สิ้นสุดวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขากลับยังมีชีวิตอยู่ถึงหกคน
นี่คือการดำรงอยู่ที่น่าเหลือเชื่อ สมแล้วที่ในอดีตพวกเขาเคยเป็นผู้ต่อสู้ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่
เย่ฟ่าน หลี่เหอซุยและจักรพรรดิดำต่างก็ตัวสั่นเต็มไปด้วยความกลัว นักพรตชราสงบเสงี่ยมมาก ซึ่งมันขัดแย้งกับท่าทางที่ไม่แตกต่างจากขอทานของเขา
“การกำเนิดเก้าญาณวิเศษลึกลับเพียงชนิดเดียวก็ทำให้โลกปั่นป่วนแล้ว แต่ตัวข้ากลับมีความเชี่ยวชาญถึงสอง ข้าสามารถถ่ายทอดให้พวกเจ้าได้โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนใดๆทั้งสิ้น”
เก้าญาณวิเศษลึกลับเป็นตัวแทนของวิชาสูงสุดและไม่สามารถเอาชนะได้ เดิมทีเป็นคัมภีร์ม้วนเดียวกัน แต่น่าเสียดายที่มันถูกแยกออกนับตั้งแต่นั้นพวกมันก็ไม่เคยรวมกันได้อีกเลย
หลังจากหลายปีผ่านไปมันหายไปจากโลกอย่างสิ้นเชิง!
นี่เป็นความเสียใจอย่างใหญ่หลวงต่อปรมาจารย์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในทุกยุคทุกสมัย แม้ว่าพวกเขาจะสามารถครองโลกไม่มีผู้ใดทัดเทียมได้ แต่พวกเขาก็รู้สึกเสียดายในเรื่องนี้อยู่เสมอ
และตอนนี้ความลับสองในเก้ากำลังจะปรากฎมันจะทำให้พวกเขามีความสงบได้อย่างไร แต่เย่ฟ่านและคนอื่นๆไม่เชื่อถือในตัวของนักพรตชราผู้นี้
ปรมาจารย์ที่ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งจักรพรรดิอู๋เป่ยปราบปรามเป็นการส่วนตัวนั้นไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน เขาจะถ่ายทอดทักษะลับสุดยอดเหล่านี้ให้พวกเขาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนได้อย่างไร
โดยเฉพาะวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายตรงข้ามที่แสดงออกมาอยู่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเต๋าแห่งความตาย ที่หากไม่ใช่คนชั่วร้ายอย่างถึงที่สุดพวกเขาจะไม่ฝึกฝนวิชาชนิดนี้อย่างเด็ดขาด
และที่สำคัญคือสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในภูเขาอมตะนั้นถูกเรียกว่าผู้ไม่ดับสูญ พวกเขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์มนุษย์และอสูรที่มีต้นกำเนิดจากโลกอำพรางสวรรค์อย่างแน่นอน
“เจ้าไม่เชื่อข้า?”
นักพรตชราเห็นพวกเขาเงียบจึงเดินเข้าหาทุกคนด้วยรอยยิ้ม
ร่างของชายชราผู้บ้าคลั่งก้าวออกไปข้างหน้าและส่งเสียงคำรามเบาๆ
"ถ้าเจ้าอยากต่อสู้ ก็ลงมือเถอะ" ชายชราส่ายหัว
“ข้าเพียงแค่อยากถ่ายทอดศิลปะที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เพื่อไม่ให้ความลับทั้งเก้าหายไป”
“นี่คือบุคคลผู้สามารถต่อสู้กับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตได้ ร่างกายของเขาข้าไม่คิดว่ามันจะดับสูญไปอย่างที่เขาพูดจริงๆ พวกมันน่าจะถูกปิดผนึกอยู่ในหน้าผาศักดิ์สิทธิ์ และมีเพียงวิญญาณอมตะของเขาเท่านั้นที่ออกมาก่อกวนผู้คน”
จักรพรรดิดำวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมา
"พวกเจ้ามองข้าในแง่ร้ายเกินไปแล้ว... " มีแสงประหลาดแวบเข้ามาในดวงตาของนักพรตชรา
จักรพรรดิดำครุ่นคิดอยู่นานราวกับว่ามันจำบางสิ่งได้ ใบหน้าของมันซีดขาวและตะโกนด้วยความกลัว
“ระวัง คนคนนี้มีเก้าญาณวิเศษลึกลับจริงๆ!”
ชายชราผู้บ้าคลั่งส่งเสียงคำรามและกวาดฝ่ามือขนาดใหญ่ออกไปอย่างรุนแรง
“ทำไมทุกครั้งที่ข้าพูดดีๆผู้คนถึงไม่เคยเชื่อกันเลย” นักพรตชรากล่าวอย่างเคร่งขรึม
“นี่ไม่ใช่วิญญาณอมตะของข้า มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของจิตสังหารที่ล้นออกมาจากศพที่ถูกทำลายบนภูเขา” นักพรตชราถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้า เพียงก้าวเดียวของเขากลับสามารถย่นระยะทางกว่าห้าสิบวาได้อย่างง่ายดาย
"ถอยกลับ!”
ชายชราผู้บ้าคลั่งดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามอันน่ากลัว เขาเปลี่ยนจากการโจมตีมาเป็นการตั้งรับอย่างแน่นหนาแทน
“สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าไม่ธรรมดาจริงๆ”
นักพรตชราก็หยุดความเคลื่อนไหวโดยไม่ลงมือต่อ เขากล่าวด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม ก่อนจะหันไปมองจักรพรรดิ์ดำและกล่าวว่า
“สวรรค์และปฐพีเปลี่ยนไปแล้ว แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่”
ในที่สุดนักพรตชราก็เปลี่ยนท่าทีจากบุคคลที่เต็มไปด้วยความเมตตาและอยู่ในสภาพอนาถา กลายเป็นนักพรตที่สง่างามและเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
การที่เขาเปิดเผยตัวออกมาเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจจะฉีกหน้าลงมือแล้ว