ตอนที่ 107 ขโมยโอกาส
เขาจะฆ่าใครก็ตามที่นางอยากฆ่า?
นี่คือวิธีแสดงความรักในแบบของเขา?
ทำไมนางถึงได้ยินแค่ความปรารถนาที่จะฆ๋าจากคำพูด?
เยวี่ยหมิงคงตกอยู่ในอารมณ์ซับซ้อนมาก นางไม่คิดว่ากู่ฉางเกอจะพูดคำเช่นนี้ที่ทำให้นางประทับใจ
บางที แค่บางที…มันไม่ใช่ว่าเขาไม่มีที่ให้นางในหัวใจ แต่ที่น้อยๆของนางในหัวใจเขาไม่ได้สำคัญมาก
ตราบเท่าที่นางไม่สอดส่องความลับเขาและยืนขวางทาง มันเป็นไปได้ที่กู่ฉางเกอจะไม่หันมาหาทางและลืมเรื่องความสัมพันธ์
ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน ความโหดเหี้ยมของกู่ฉางเกอไม่เปลี่ยน มันแค่ว่าเขาปฏิบัติต่อนางแปลกไป
ในชาติก่อน นางมักยอมกู่ฉางเกอ กู่ฉางเกอจึงปฏิบัติต่อนางอย่างไม่แยแสเพราะนางไม่ต่างอะไรจากเบี้ยวที่สามารถเสียสละได้
แต่ในชีวิตนี้ นางแข็งแกร่ง และยังเป็นว่าที่ผู้ปกครองราชวงศ์เซียนสูงสุด และยังมีไพ่ตายมากมาย
เพราะเหตุนี้ กู่ฉางเกอจึงอาจรู้สึกว่านางมีประโยชน์และตัดสินใจปฏิบัติต่อนางดีขึ้น
มันใช้เวลาไม่นานสำหรับเยวี่ยหมิงคงที่จะได้ข้อสรุปนี้ แม้นางจะรู้ว่ากู่ฉางเกอไม่ได้รักนางจริง นางก็ยังรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม
[ติ้ง!ทัศนคติของธิดาสวรรค์ เยวี่ยหมิงคงได้เปลี่ยนไป ท่านได้รับค่าโชคแปดร้อยแต้มและค่าโชคชะตาสี่พันแต้ม!]
จากนั้น ความพึงพอใจก็ฉาบหน้ากู่ฉางเกอ
คำพูดที่เขาพูดไม่เสียเปล่า!
แน่นอน เยวี่ยหมิงคงยังมีความแค้นและเจตนาฆ่าต่อเขา แต่เหมือนกับกู่เซียนเอ๋อร์ นางไม่สามราถนำตัวเองไปมาชี้ดาบใส่เขาได้
แถม เยวี่ยหมิงคงต่างจากกู่เซียนเอ๋อร์เพราะไม่มีความเกลียดหรือขุ่นเคืองระหว่างเขากับนางในชีวิตนี้
เส้นชีวิตที่นางประสบในชาติที่แล้วต่างจากชาตินี้
ต่อให้เยวี่ยหมิงคงจะปรารถนาแก้แค้น นางก็ต้องเก็บไว้ในใจ เหนือสิ่งอื่นใด ถ้านางแสดงมันออกมา มันจะเท่ากับการเปิดเผยความลับนาง
มันแค่ว่ากู๋ฉางเกอรู้ความลับนางแล้ว
ด้วยความลับของนางในกำมือ มันไม่ยากสำหรับเขาที่จะพิชิตนาง
“ข้าสามารถสืบรายละเอียดเองได้ถ้าเจ้าไม่อยากพูดถึง”
กู่ฉางเกอพูดเสริม
ตอนนี้ สีหน้าเขากลับเป็นปกติ ถ้าเยวี่ยหมิงคงไม่บอกอะไรเขา งั้นเขาก็จะใช้วิธีอื่นเพื่อขุดข้อมูลเอง
เหนือสิ่งอื่่นใด เย่หลิงคือบุตรฟ้าประทาน
มันแค่ว่ากู่ฉางเกอไม่รู้ว่าเขาซ่อนไพ่ไว้มากแค่หไน
เพื่อให้รู้เกี่ยวกับบุตรฟ้าประทานมากขึ้น เขาต้องทำให้เยวี่ยหมิงคงริเริ่มบอกเขาเอง เขาจึงตัดสินใจฉวยโอกาสนี้เพื่อหาข้อมูลจากนางให้ได้มากที่สุด
เยวี่ยหมิงคงเงียบไปพอได้ยินคำพูดเขา และละสายตาจากเขา ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ
ถ้านางไม่จัดการเรื่องนี้ให้ดี งั้นนางจะทำให้กู่ฉางเกอสงสัยได้ มันไม่ยากสำหรับเขาที่จะรู้ว่าไม่มีความบาดหมางระหว่างเย่หลิงกับนาง และทั้งสองก็ไม่เคยเจอกันก่อนนางจะโจมตีเขา แล้วนางจะอธิบายได้ไงว่าทำไมนางถึงคิดฆ่าเย่หลิง?
หัวนางมีอะไรผิดปกติ?นางปัญญาอ่อน?ทำไมนางถึงพยายามฆ่าคนที่นางไม่เคยเจอ?
กู่ฉางเกอไม่ได้โง่ มันไม่มีทางที่นางจะปิดบังอะไรจากเขาได้
เยวี่ยหมิงคงรู้สึกเหมือนมีมือเกาะกุมใจนาง และนางก็อดกำหมัดไม่ได้
ไม่เคยมีเรื่องดีเกิดขึ้นเลยทุกครั้งที่นางเจอกู่ฉางเกอ
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าแค่พบบันทึกของมรดกจักรพรรดิสวรรค์โบราณจากตำราโบราณ และพบว่ามันอยู่กับเย่หลิง ข้าเคยคิดแย่งไปจากเย่หลิง.”
เยวี่ยหมิงคงพิจารณาคำพูดนางและตอบกลับ
นางไม่มีทางเลือกนอกจากคิดคำอธิบายที่ฟังดูน่าเชื่อนี้เพื่อไม่ให้เปิดเผยความลับของนาง
แม้มันอาจฟังดูไม่ยุติธรรมที่นางพยายามขโมยโชคของคนอื่น โลกที่พวกนางอยู่ก็ไม่มีที่ให้คนอ่อนแอ
การที่ผู้แข็งแกร่งแย่งของจากคนอ่อนแอคือเรื่องถูกต้อง
นางจะไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ในชาติก่อนนาง แต่ในชีวิตนี้ นางทำเรื่องแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
เพื่อให้แข่งขันกับกู่ฉางเกอได้ นางต้องเพิ่มพลัง และเพื่อทำเช่นนั้น นางต้องหาโอกาสและสมบัติทุกประเภท
มันแค่ว่านางไม่เคยคิดว่าการจัดการกับเย่หลิงจะลำบากขนาดนี้
จากข้อมูลนางนำมาพร้อมการย้อนเวลา นางรู้ว่าเย่หลิงไม่ใช่คนธรรมดา จากผู้อ่อนแอ เขาปีนไปจุดสูงสุดของอาณาจักรเบื้องบนทีละก้าว
ตอนนี้ที่ความบาดหมางก่อตัวระหว่างพวกเขา มันจะเปลี่ยนเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับนางในทีหลังถ้านางไม่รีบแก้
เย่หลิงจะไม่มีทางปล่อยนางไป!
กู่ฉางเกอเผยสีหน้าตกตะลึงพอได้ยินคำนาง และจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงติดตลก”ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโจมตีเขาด้วยเหตุผลเช่นนี้!สามีเจ้าแปลกใจมาก หมิงคง ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนโหดเหี้ยมเช่นนั้น’
“ข้าคิดว่าอีกฝ่ายทำให้เจ้าไม่พอใจ มันกลายเป็นว่าเจ้าวางแผนฆ่าเขาเพื่อแย่งของซะได้”
“แต่ก่อนเจ้าไม่ได้เป็นแบบนี้นะ”
กู่ฉางเกอส่ายหัวอย่างเสียใจและแสดงสีหน้าผิดหวัง
แน่นอน คำพูดเหล่านี้แค่พูดไปตามคำอธิบายของเยวี่ยหมิงคง เพื่อมอบภาพลวงตาให้นางคิดว่าเขาไม่รู้เรื่องการย้อนเวลา
แต่เขาก็ได้ข้อมูลชิ้นสำคัญมาจากนางแล้ว
เย่หลิงคือผู้สืบทอดจักรพรรดิสวรรค์โบราณ
กู่ฉางเกอตกตะลึง แต่ก็ตระหนักว่ามันสมเหตุสมผล
คนหนุ่มไร้ประโยชน์และธรรมดากลับได้รับมรดกของผู้ยิ่งใหญ่ และตรงไปตบหน้าเรียงคน เอาชนะนายน้อยที่หยิ่งยโส และพิชิตสาวงาม
จักรพรรดิสวรรค์โบราณ! นั่นคือตัวตนในตำนานจากยุคโบราณ ว่ากันว่าพวกเขาได้แตะธรณีสู่ความเป็นอมตะแล้ว หรืออาจไปถึงแล้วด้วยซ้ำ
มันไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ แต่ไม่มีใครยืนยันความถูกต้องเพราะยุคสมัยนั้นได้ผ่านมานนแล้ว
การปรากฏของมรดกจักรพรดริสวรรค์โบราณสามารถกระตุ้นตระกูลเซียนโบราณ ราชวงศ์เซียนสูงสุด สำนักเต๋าศูงสุดและขุมอำนาจอื่นได้!เหนือสิ่งอื่นใด สุสานของจักรพรรดิสวรรค์โบราณมีสมบัติมากมายที่มากพอจะดึงดูดความสนใจของทุกคนภายใต้สวรรค์
ความจริงที่เย่หลิงได้รับมรดกของจักรพรรดิสวรรค์โบราณมาเงียบคือเรื่องที่จะทำให้ทุกคนที่ได้ยินแปลกใจ เขาต้องได้รับทุกอย่างภายในสุสานมา อย่างสมบัติ ค่ายกล อาวุธ เม็ดยาและอื่นๆ
ไม่น่าแปลกที่เยวี่ยหมิงคงจะจัดการเขาไม่ได้
“ต่อให้ข้าจะเป็นแบบนั้น มันก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า’
เยวี่ยหมิงคงเหลือบมองกู่ฉางเกออย่างไร้อารมร์”เจ้าพูดเหมือนเจ้าเป็นคนดี!กู่ฉางเกอ ข้าอาจโหดเหี้ยม แต่ข้าก็ยังด้อยกว่าเจ้าในเรื่องนี้’
คำพูดของเยวี่ยหมิงคงเต็มไปด้วยความแค้น
ต่อให้นางจะโหดกว่านี้หมื่นเท่า นางก็ยังเทียบไม่ได้กับกู่ฉางเกอ
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่นางรู้
กุ่ฉางเกอฆ่าคนไปนับไม่ถ้วนในเงามืดแค่เพื่อยกระดับพลังของวิชาต้องห้าม จำนวนอัจฉริยะที่ตายในมือเขาไม่อาจนับได้!
ถ้าพลังแท้จริงของกู่ฉางเกอเปิดเผย มันจะทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือน และผู้บ่มเพาะทั้งหมดจะรุมกันฆ่าเขาด้วยความกลัว
ตอนนั้น เขาจะเจอกับสถานการณ์ที่ทั้งโลกหันมาหาเขา
สำหรับว่ากู่ฉางเกอจะเพิ่มพลังในความมืดต่อได้ไหม?
นางไม่มีหลักฐาน
ต่อให้นางเปิดเผยเรนื่องตอนนี้ ก็มีคนไม่มากในโลกที่จะเชื่อ
เหนือสิ่งอื่นใด วิชาต้องห้ามได้หายไปในแม่น้ำแห่งเวลานานแล้ว มันเป็นมรดกที่โดนตัดและทุกขุมอำนาจของอาณาจักรเบืองบนก็ได้ทำลายชิ้นส่วนมรดกที่เหลือนั่นไปหมดแล้ว
กู่ฉางเกอจะไปหามาได้ไง?
นี่ลึกลับมาก
เยวี่ยหมิงคงสงสัยว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับอาจารย์ลึกลับเบื้องหลังกู่ฉางเกอ มันแค่ว่ากู่ฉางเกอไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้กับใคร
“อย่าพูดแบบนั้น หมิงคง บางครั้ง เราก็ต้องทำตัวโหดบ้างในโลกนี้”
กู่ฉางเกอพูดเสริม“คนดีจะอายุสั้น ส่วนคนชั่วมักอายุยืน”
เยวี่ยหมิงคงยืนเงียบหลังได้ยิน
ถ้านางยังเป็นหญิงไร้เดียงสาจากชาติก่อน นางคงหัวเราะเยาะ การเป็นคนดีผิดตรงไหน?
คนดีคือคนที่ถูกต้อง พวกเขาคือคนที่ถูกลิขิตให้อยู่นานสุด
ทว่า!ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ใครบ้างที่ไม่ได้ปีนไปจุดสูงสุดของโลกโดยปราศจากภูเขากระดูกกับแม่น้ำเลือดใต้ฝ่าเท้า?
หลังจากทุกอย่างที่นางประสบ นางสามารถพูดได้ว่านางคิดเช่นกัน
“แล้ว เย่หลิงได้รับมรดกของจักรพรรดิสวรรค์โบราณคนไหน?สามีเจ้าอาจช่วยเจ้าได้”
จากนั้น กู่ฉาเงกอก็ถาม
เยวี่ยหมิงคงเหลือบมองเขา“จักรพรรดิสวรรค์โบราณแห่งการเกิดใหม่”
ข้อมูลนี้ไม่อาจปกปิดจากกู่ฉางเกอได้เพราะมันไม่ยากที่เขาจะตรวจสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตอนนี้เย่หลิงอยู่ในสวรรค์ไร้ขอบเขต นางจึงควรพูดเอง
สำหรับที่กู่ฉางเกอจะช่วยจัดการ?นางไม่เก็บมาใส่ใจ
แม้คำพูดจะฟังดูดี แต่สุดท้าย เขาแค่อยากกลืนกินมรดกของเย่หลิงเอง
เมื่อเขาฆ่าเย่หลิง มรดกของเขาย่อมตกอยู่ในมือของกู่ฉางเกอ
เยวี่ยหมิงคงไม่เชื่อว่ากู่ฉางเกอจะใจดีพอส่งต่อมรดกให้นาง
‘จักรพรรดิแห่งการเกิดใหม่?พลังเกิดใหม่ เอ่อ..’
กู่ฉางเกอหรี่ตาพอได้ยินคำตอบนาง
พลังแห่งการเกิดใหม่เกี่ยวข้องกับพลังแห่งเวลา ซึ่งคือพลังสูงสุดเช่นเดียวกับพลังมิติ และก็ยังเกี่ยวข้องกัน
ตอนนี้เขามีพรสวรรค์มิติแล้ว เขาย่อมเข้าใจกฏแห่งมิติ เต๋ามิติ ต้นกำเนิดมิติและอื่นๆ
พลังแห่งการเกิดใหม่ล่อลวงเขาทันที
แต่พอมองสีหน้าของกู่ฉางเกอครั้งเดียว เยวี่ยหมิงคงก็รู้แล้วว่าเขาได้วางแผนเล่นงานเย่หลิงแล้ว!
นางอดรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้ที่กู่ฉาเงกอคิดอยากขโมยโอกาสนี้เอง
นางเข้าใจความน่ากลัวของกู่ฉางเกอดีและรู้ว่ามันไม่ง่ายที่นางจะแย่งต่อจากกู่ฉางเกอ
แม้เย่หลิงจะจัดการได้ยาก ก็ยังมีความจริงที่นางคือผู้ย้อนเวลา นางไม่กังวลถึงการแก้แค้นของเขา เหนือสิ่งอื่นใด นางถึงขั้นกล้าสู้กับกู่ฉางเกอ แต่ตอนนี้ เย่หลิงดันกลายเป็นเหยื่อของกู่ฉางเกอ
เย่หลิงจะไปทำอะไรได้ในตอนนี้ที่กู่ฉางเกอคิดจัดการเขา?
แม้กระทั่งตอนเย่หลิงอยู่ในจุดสูงสุดของพลังในชาติก่อน เขาก็แทบตายในเงื้อมมือของกู่ฉางเกอ และหายตัวไป
สำหรับเย่หลิงคนปัจจุบัน?มันยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่
“ทำไมเจ้าถึงดูไม่มีความสุขนัก?เจ้าไม่พอใจที่สามีจะช่วยเจ้าคว้าโอกาส?”
กู่ฉางเกอดหัวเราะไม่ได้ตอนเห็นสีหน้าของนาง
แน่นอนเขาจะเป็นคนกินเนื้อทั้งหมด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เหลือซุปให้เยวี่ยหมิงคง
เขาไม่ใช่คนโหดเหี้ยมที่จะกินไม่แบ่งใคร
ในทางกลับกัน เยวี่ยหมิงคงไม่เชื่อคำพูดเขาส
ยังไงซะ ถนนอมตะก็จะปรากฏในไม่ช้า และนางคือคนเดียวที่รู้ว่าวิญญาณอมตะจะปรากฏที่ไหน
ตอนเทียบกับวิญญาณอมตะ มรดกของจักรพรรดิโบราณนั้นไม่ได้มากขนาดนั้น
แม้กู่ฉางเกอจะวางแผนสำหรับวิญญาณอมตะมานาน เยวี่ยหมิงคงก็ยังเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแย่งมันไปจากนาง
หลังจากนั้น เยวี่ยหมิงคงก็ปักหลักอยู่บนยอดเขาสูงสุดเพื่อรอการปรากฏของถนนอมตะ เหนือสิ่งอื่นใด นางกับกู่ฉางเกอหมั้นกันแล้ว และความจริงที่ว่าทั้งสองผ่านคืนสุขสมมาก็ทำให้นางกล้าอยู่
ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
ข่าวที่เยวี่ยหมิงคงได้มาวังเต๋ากระจายไปทั่วทันทีและทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ของวังเต๋าอมตะสวรรค์ หรือผู้บ่มเพาะสำนักอื่น ทั้งหมดต่างตกใจ!
เหนือสิ่งอื่นใด กู่ฉางเกอคนเดียวก็เป็นตัวแปรใหญ่แล้ว
ตอนนี้ที่คู่หมั้นเขา เยวี่ยหมิงคงเองก็มา ใครในรุ่นเยาว์ที่จะต่อกรกับทั้งสองได้?
และนั่นก็ทำให้มีคนมารวมตัวกันในเมืองโบราณเต๋าสวรรค์มากขึ้นและอัจฉริยะสูงสุดหลายคนที่ไม่เคยปรากฏตัวในโลกก็เผยตัว อัจฉริยะจากทุกทิศทางบินมายังสวรรค์ไร้ขอบเขตเพื่อแสดงพลัง
ทั้งโลกตกอยู่ในความวุ่นวาย
...
[ในส่วนลึกของวังเต๋าอมตะสวรรค์]
วังเรียบง่ายถูกห่อหุ้มด้วยเมฆหมอกเซียน กลิ่นอายน่ากลัวพวยพุ่งรอบวังและแสงศักดิ์สิทธิ์ก็สอดประสนาทำให้เกิดฉากที่ว่ามันกำลังพยายามฉีกสวรรค์ให้เปิด
ภายในวัง เหล่าผู้อาวุโสของวังเต๋ากำลังหารือกันด้วยใบหน้าน่าเกลียด
ผู้อาวุโสใหญ่นั่งหัวโต๊ะด้วยใบหน้าซับซ้อน สูงส่งเหมือนเทพเซียน
“คนจากทุกขุมอำนาจได้มารวมตัวกันในวังเต๋าอมตะสวรรค์และพวกคนเบื้องหลังพวกเก็อยากให้ข้าเปิดส่วนลึกของวังเต๋าให้คนรุ่นใหม่ เพื่อให้พวกเขาได้หาประสบการร์ เหล่าผู้อาวุโสคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”
คนที่พูดคือชายวัยกลางคนที่นั่งข้างผู้อาวุโสใหญ่ เขาสวมชุดสีเขียว มีใบหน้าใจดี และหนวดยาว เขาเป็นชายตัวสูงที่มีดวงตาใสเหมือนดาว ผมของเขาเหมือนหิมะ และมีท่วงท่าเหมือนวีรบุรุษ
มันสามารถเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆลอบรอบตัวเขา ขณะที่เงามากมายร่ายรำรอบตัวเขา
เขาไม่ใช่ใครนอกจากเจ้าวังของวังเต๋าอมตะสวรรค์ ในวันปกติ เขาจะฝังตัวเองกับการบ่มเพาะในส่วนลึกของวัง และแทบไม่เผยตัว
แต่มันก็คือความจริงที่ฐานบ่มเพาะของเขานั้นยากจะหยั่งถึง
ในทางกลับกัน เหล่าผู้อาวุโสได้แต่นั่งเงียบขณะฟังคำพูดของเจ้าวัง ตอนนี้ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเขา
“ท่านเจ้าวัง ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องหารือกับทุกฝ่าย ยังไงซะ ก็มีอันตรายมากมายในส่วนลึกของวัง มีโอกาสที่ศิษย์พวกเขาอาจได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตถ้าเข้าไป และหากเกิดเรื่องแบบนั้น พวกเขาอาจโทษเราได้!”
ชายชราตัวสูงที่มีกลิ่นอายดุดันยืนขึ้น
เขาคือผู้อาวุโสสองของวังเต๋าและก็เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ไม่อาจประเมินฐานบ่มเพาะได้
เขาขมวดคิ้วพอพูดและก็อดรู้สึกโกรธไม่ได้
การกำเนิดของสมบัติอมตะเป็นแค่ข้ออ้าง แต่จริงๆ ทุกขุมอำนาจต่างหมายตาเกาะเซียนโบราณที่ดำรงอยู่ในส่วนลึกของวังเต๋าอมตะสวรรค์ต่างหาก
มันแค่เพราะพวกตาแก่เหล่านี้เคยเป็นศิษย์ของวัง พวกเขาจึงไม่กล้าพูดเสียงดังและตัดสินใจให้ผู้เยาว์มาหาผลประโยชน์แทน
ผู้อาวุโสของวังเต๋าจะมองไม่ออกได้ไง?
“มีโอกาสมากมายบนเกาะเซียนโบราณ แต่ก็มีอันตรายมากมายเช่นกัน แถม หลายส่วนยังปกคลุมด้วยหมอกเซียนโบราณที่สามารถทำให้เราสับสนได้ด้วยซ้ำถ้าเข้าไปโดยไม่เตรียมตัว มีโอกาสที่จะมีคนตายในนั้นสูง”
ผู้อาวุโสหลายคนออกความคิด
คำพูดของผุ้อาวุโสสองได้รับการเห็นด้วยอย่างมาก
พวกเขาสามารถเปิดส่วนลึกของวังเต๋าให้โลกภายนอกได้ แต่ใครจะรับผิดชอบถ้าเกิดอะไรขึ้น?
ถ้าอยากเข้าไป พวกเขาก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบเอง!
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นเรื่องก็จะถูกตัดสินตามนี้ ‘ผู้เยาว์จะได้รับอนุญาตให้เข้า แต่พวกที่เข้าจะต้องรับผิดชอบชีวิตและความตายกันเอง”
เจ้าวังพูดขึ้น
“มันมีอัจฉริยะมากมายมารวมตัวกัน พวกเขาจะต้องแข่งขันกันแน่ แล้วเราควรส่งใครไปเป็นเจ้าภาพจากฝั่งของวังเต๋าเรา”
“พอถึงเวลา เราต้องส่งคนที่สามารถปราบทุกคนได้สบายๆ ท่ามกลางศิษย์แท้จริงสูงสุดทั้งห้า ฉู่อู่จื่อได้กลับราชวงศ์เซียนฉู่ไปแล้วหลังบาดเจ็บ..”
“สามในสี่เก็บตัว ข้าคาดว่าพวกเขาคงไม่ออกมาเร็วๆนี้ เราจะต้องพึ่งพาคนอื่น ศิษย์แท้จริงที่อ่อนแอกว่า?เห้อ!ฐานบ่มเพาะพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะสามารถจัดการกับแรงกดดันได้”
เหล่าผู้อาวุโสนึกถึงบางเรื่องและกระซิบกันขณะจับตามองดูสีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่
พวกเขาไม่กล้าพูดชื่อกู่ฉางเกอออกมาก็เพราะเขา
เหนือสิ่งอื่นใด ความจริงที่กู่ฉางเกอไปทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ไม่พอใจได้กระจายไปทั่วแล้ว พวกเขาจะไปกล้าพูดชื่อกู่ฉางเกออกมาต่อหน้าเขาได้ไง?