ตอนที่แล้วตอนที่ 106 ข้าจะฆ่าใครก็ตามที่เจ้าอยากฆ่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 108 ชีวิตที่น่าสงสาร

ตอนที่ 107 ขโมยโอกาส


เขาจะฆ่าใครก็ตามที่นางอยากฆ่า?

นี่คือวิธีแสดงความรักในแบบของเขา?

ทำไมนางถึงได้ยินแค่ความปรารถนาที่จะฆ๋าจากคำพูด?

เยวี่ยหมิงคงตกอยู่ในอารมณ์ซับซ้อนมาก นางไม่คิดว่ากู่ฉางเกอจะพูดคำเช่นนี้ที่ทำให้นางประทับใจ

บางที แค่บางที…มันไม่ใช่ว่าเขาไม่มีที่ให้นางในหัวใจ แต่ที่น้อยๆของนางในหัวใจเขาไม่ได้สำคัญมาก

ตราบเท่าที่นางไม่สอดส่องความลับเขาและยืนขวางทาง มันเป็นไปได้ที่กู่ฉางเกอจะไม่หันมาหาทางและลืมเรื่องความสัมพันธ์

ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน ความโหดเหี้ยมของกู่ฉางเกอไม่เปลี่ยน มันแค่ว่าเขาปฏิบัติต่อนางแปลกไป

ในชาติก่อน นางมักยอมกู่ฉางเกอ กู่ฉางเกอจึงปฏิบัติต่อนางอย่างไม่แยแสเพราะนางไม่ต่างอะไรจากเบี้ยวที่สามารถเสียสละได้

แต่ในชีวิตนี้ นางแข็งแกร่ง และยังเป็นว่าที่ผู้ปกครองราชวงศ์เซียนสูงสุด และยังมีไพ่ตายมากมาย

เพราะเหตุนี้ กู่ฉางเกอจึงอาจรู้สึกว่านางมีประโยชน์และตัดสินใจปฏิบัติต่อนางดีขึ้น

มันใช้เวลาไม่นานสำหรับเยวี่ยหมิงคงที่จะได้ข้อสรุปนี้ แม้นางจะรู้ว่ากู่ฉางเกอไม่ได้รักนางจริง นางก็ยังรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม

[ติ้ง!ทัศนคติของธิดาสวรรค์ เยวี่ยหมิงคงได้เปลี่ยนไป ท่านได้รับค่าโชคแปดร้อยแต้มและค่าโชคชะตาสี่พันแต้ม!]

จากนั้น ความพึงพอใจก็ฉาบหน้ากู่ฉางเกอ

คำพูดที่เขาพูดไม่เสียเปล่า!

แน่นอน เยวี่ยหมิงคงยังมีความแค้นและเจตนาฆ่าต่อเขา แต่เหมือนกับกู่เซียนเอ๋อร์ นางไม่สามราถนำตัวเองไปมาชี้ดาบใส่เขาได้

แถม เยวี่ยหมิงคงต่างจากกู่เซียนเอ๋อร์เพราะไม่มีความเกลียดหรือขุ่นเคืองระหว่างเขากับนางในชีวิตนี้

เส้นชีวิตที่นางประสบในชาติที่แล้วต่างจากชาตินี้

ต่อให้เยวี่ยหมิงคงจะปรารถนาแก้แค้น นางก็ต้องเก็บไว้ในใจ เหนือสิ่งอื่นใด ถ้านางแสดงมันออกมา มันจะเท่ากับการเปิดเผยความลับนาง

มันแค่ว่ากู๋ฉางเกอรู้ความลับนางแล้ว

ด้วยความลับของนางในกำมือ มันไม่ยากสำหรับเขาที่จะพิชิตนาง

“ข้าสามารถสืบรายละเอียดเองได้ถ้าเจ้าไม่อยากพูดถึง”

กู่ฉางเกอพูดเสริม

ตอนนี้ สีหน้าเขากลับเป็นปกติ ถ้าเยวี่ยหมิงคงไม่บอกอะไรเขา งั้นเขาก็จะใช้วิธีอื่นเพื่อขุดข้อมูลเอง

เหนือสิ่งอื่่นใด เย่หลิงคือบุตรฟ้าประทาน

มันแค่ว่ากู่ฉางเกอไม่รู้ว่าเขาซ่อนไพ่ไว้มากแค่หไน

เพื่อให้รู้เกี่ยวกับบุตรฟ้าประทานมากขึ้น เขาต้องทำให้เยวี่ยหมิงคงริเริ่มบอกเขาเอง เขาจึงตัดสินใจฉวยโอกาสนี้เพื่อหาข้อมูลจากนางให้ได้มากที่สุด

เยวี่ยหมิงคงเงียบไปพอได้ยินคำพูดเขา และละสายตาจากเขา ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ

ถ้านางไม่จัดการเรื่องนี้ให้ดี งั้นนางจะทำให้กู่ฉางเกอสงสัยได้ มันไม่ยากสำหรับเขาที่จะรู้ว่าไม่มีความบาดหมางระหว่างเย่หลิงกับนาง และทั้งสองก็ไม่เคยเจอกันก่อนนางจะโจมตีเขา แล้วนางจะอธิบายได้ไงว่าทำไมนางถึงคิดฆ่าเย่หลิง?

หัวนางมีอะไรผิดปกติ?นางปัญญาอ่อน?ทำไมนางถึงพยายามฆ่าคนที่นางไม่เคยเจอ?

กู่ฉางเกอไม่ได้โง่ มันไม่มีทางที่นางจะปิดบังอะไรจากเขาได้

เยวี่ยหมิงคงรู้สึกเหมือนมีมือเกาะกุมใจนาง และนางก็อดกำหมัดไม่ได้

ไม่เคยมีเรื่องดีเกิดขึ้นเลยทุกครั้งที่นางเจอกู่ฉางเกอ

“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าแค่พบบันทึกของมรดกจักรพรรดิสวรรค์โบราณจากตำราโบราณ และพบว่ามันอยู่กับเย่หลิง ข้าเคยคิดแย่งไปจากเย่หลิง.”

เยวี่ยหมิงคงพิจารณาคำพูดนางและตอบกลับ

นางไม่มีทางเลือกนอกจากคิดคำอธิบายที่ฟังดูน่าเชื่อนี้เพื่อไม่ให้เปิดเผยความลับของนาง

แม้มันอาจฟังดูไม่ยุติธรรมที่นางพยายามขโมยโชคของคนอื่น โลกที่พวกนางอยู่ก็ไม่มีที่ให้คนอ่อนแอ

การที่ผู้แข็งแกร่งแย่งของจากคนอ่อนแอคือเรื่องถูกต้อง

นางจะไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ในชาติก่อนนาง แต่ในชีวิตนี้ นางทำเรื่องแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว

เพื่อให้แข่งขันกับกู่ฉางเกอได้ นางต้องเพิ่มพลัง และเพื่อทำเช่นนั้น นางต้องหาโอกาสและสมบัติทุกประเภท

มันแค่ว่านางไม่เคยคิดว่าการจัดการกับเย่หลิงจะลำบากขนาดนี้

จากข้อมูลนางนำมาพร้อมการย้อนเวลา นางรู้ว่าเย่หลิงไม่ใช่คนธรรมดา จากผู้อ่อนแอ เขาปีนไปจุดสูงสุดของอาณาจักรเบื้องบนทีละก้าว

ตอนนี้ที่ความบาดหมางก่อตัวระหว่างพวกเขา มันจะเปลี่ยนเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับนางในทีหลังถ้านางไม่รีบแก้

เย่หลิงจะไม่มีทางปล่อยนางไป!

กู่ฉางเกอเผยสีหน้าตกตะลึงพอได้ยินคำนาง และจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงติดตลก”ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโจมตีเขาด้วยเหตุผลเช่นนี้!สามีเจ้าแปลกใจมาก หมิงคง ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนโหดเหี้ยมเช่นนั้น’

“ข้าคิดว่าอีกฝ่ายทำให้เจ้าไม่พอใจ มันกลายเป็นว่าเจ้าวางแผนฆ่าเขาเพื่อแย่งของซะได้”

“แต่ก่อนเจ้าไม่ได้เป็นแบบนี้นะ”

กู่ฉางเกอส่ายหัวอย่างเสียใจและแสดงสีหน้าผิดหวัง

แน่นอน คำพูดเหล่านี้แค่พูดไปตามคำอธิบายของเยวี่ยหมิงคง เพื่อมอบภาพลวงตาให้นางคิดว่าเขาไม่รู้เรื่องการย้อนเวลา

แต่เขาก็ได้ข้อมูลชิ้นสำคัญมาจากนางแล้ว

เย่หลิงคือผู้สืบทอดจักรพรรดิสวรรค์โบราณ

กู่ฉางเกอตกตะลึง แต่ก็ตระหนักว่ามันสมเหตุสมผล

คนหนุ่มไร้ประโยชน์และธรรมดากลับได้รับมรดกของผู้ยิ่งใหญ่ และตรงไปตบหน้าเรียงคน เอาชนะนายน้อยที่หยิ่งยโส และพิชิตสาวงาม

จักรพรรดิสวรรค์โบราณ! นั่นคือตัวตนในตำนานจากยุคโบราณ ว่ากันว่าพวกเขาได้แตะธรณีสู่ความเป็นอมตะแล้ว หรืออาจไปถึงแล้วด้วยซ้ำ

มันไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ แต่ไม่มีใครยืนยันความถูกต้องเพราะยุคสมัยนั้นได้ผ่านมานนแล้ว

การปรากฏของมรดกจักรพรดริสวรรค์โบราณสามารถกระตุ้นตระกูลเซียนโบราณ ราชวงศ์เซียนสูงสุด สำนักเต๋าศูงสุดและขุมอำนาจอื่นได้!เหนือสิ่งอื่นใด สุสานของจักรพรรดิสวรรค์โบราณมีสมบัติมากมายที่มากพอจะดึงดูดความสนใจของทุกคนภายใต้สวรรค์

ความจริงที่เย่หลิงได้รับมรดกของจักรพรรดิสวรรค์โบราณมาเงียบคือเรื่องที่จะทำให้ทุกคนที่ได้ยินแปลกใจ เขาต้องได้รับทุกอย่างภายในสุสานมา อย่างสมบัติ ค่ายกล อาวุธ เม็ดยาและอื่นๆ

ไม่น่าแปลกที่เยวี่ยหมิงคงจะจัดการเขาไม่ได้

“ต่อให้ข้าจะเป็นแบบนั้น มันก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า’

เยวี่ยหมิงคงเหลือบมองกู่ฉางเกออย่างไร้อารมร์”เจ้าพูดเหมือนเจ้าเป็นคนดี!กู่ฉางเกอ ข้าอาจโหดเหี้ยม แต่ข้าก็ยังด้อยกว่าเจ้าในเรื่องนี้’

คำพูดของเยวี่ยหมิงคงเต็มไปด้วยความแค้น

ต่อให้นางจะโหดกว่านี้หมื่นเท่า นางก็ยังเทียบไม่ได้กับกู่ฉางเกอ

คนอื่นอาจไม่รู้ แต่นางรู้

กุ่ฉางเกอฆ่าคนไปนับไม่ถ้วนในเงามืดแค่เพื่อยกระดับพลังของวิชาต้องห้าม จำนวนอัจฉริยะที่ตายในมือเขาไม่อาจนับได้!

ถ้าพลังแท้จริงของกู่ฉางเกอเปิดเผย มันจะทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือน และผู้บ่มเพาะทั้งหมดจะรุมกันฆ่าเขาด้วยความกลัว

ตอนนั้น เขาจะเจอกับสถานการณ์ที่ทั้งโลกหันมาหาเขา

สำหรับว่ากู่ฉางเกอจะเพิ่มพลังในความมืดต่อได้ไหม?

นางไม่มีหลักฐาน

ต่อให้นางเปิดเผยเรนื่องตอนนี้ ก็มีคนไม่มากในโลกที่จะเชื่อ

เหนือสิ่งอื่นใด วิชาต้องห้ามได้หายไปในแม่น้ำแห่งเวลานานแล้ว มันเป็นมรดกที่โดนตัดและทุกขุมอำนาจของอาณาจักรเบืองบนก็ได้ทำลายชิ้นส่วนมรดกที่เหลือนั่นไปหมดแล้ว

กู่ฉางเกอจะไปหามาได้ไง?

นี่ลึกลับมาก

เยวี่ยหมิงคงสงสัยว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับอาจารย์ลึกลับเบื้องหลังกู่ฉางเกอ มันแค่ว่ากู่ฉางเกอไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้กับใคร

“อย่าพูดแบบนั้น หมิงคง บางครั้ง เราก็ต้องทำตัวโหดบ้างในโลกนี้”

กู่ฉางเกอพูดเสริม“คนดีจะอายุสั้น ส่วนคนชั่วมักอายุยืน”

เยวี่ยหมิงคงยืนเงียบหลังได้ยิน

ถ้านางยังเป็นหญิงไร้เดียงสาจากชาติก่อน นางคงหัวเราะเยาะ การเป็นคนดีผิดตรงไหน?

คนดีคือคนที่ถูกต้อง พวกเขาคือคนที่ถูกลิขิตให้อยู่นานสุด

ทว่า!ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ใครบ้างที่ไม่ได้ปีนไปจุดสูงสุดของโลกโดยปราศจากภูเขากระดูกกับแม่น้ำเลือดใต้ฝ่าเท้า?

หลังจากทุกอย่างที่นางประสบ นางสามารถพูดได้ว่านางคิดเช่นกัน

“แล้ว เย่หลิงได้รับมรดกของจักรพรรดิสวรรค์โบราณคนไหน?สามีเจ้าอาจช่วยเจ้าได้”

จากนั้น กู่ฉาเงกอก็ถาม

เยวี่ยหมิงคงเหลือบมองเขา“จักรพรรดิสวรรค์โบราณแห่งการเกิดใหม่”

ข้อมูลนี้ไม่อาจปกปิดจากกู่ฉางเกอได้เพราะมันไม่ยากที่เขาจะตรวจสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตอนนี้เย่หลิงอยู่ในสวรรค์ไร้ขอบเขต นางจึงควรพูดเอง

สำหรับที่กู่ฉางเกอจะช่วยจัดการ?นางไม่เก็บมาใส่ใจ

แม้คำพูดจะฟังดูดี แต่สุดท้าย เขาแค่อยากกลืนกินมรดกของเย่หลิงเอง

เมื่อเขาฆ่าเย่หลิง มรดกของเขาย่อมตกอยู่ในมือของกู่ฉางเกอ

เยวี่ยหมิงคงไม่เชื่อว่ากู่ฉางเกอจะใจดีพอส่งต่อมรดกให้นาง

‘จักรพรรดิแห่งการเกิดใหม่?พลังเกิดใหม่ เอ่อ..’

กู่ฉางเกอหรี่ตาพอได้ยินคำตอบนาง

พลังแห่งการเกิดใหม่เกี่ยวข้องกับพลังแห่งเวลา ซึ่งคือพลังสูงสุดเช่นเดียวกับพลังมิติ และก็ยังเกี่ยวข้องกัน

ตอนนี้เขามีพรสวรรค์มิติแล้ว เขาย่อมเข้าใจกฏแห่งมิติ เต๋ามิติ ต้นกำเนิดมิติและอื่นๆ

พลังแห่งการเกิดใหม่ล่อลวงเขาทันที

แต่พอมองสีหน้าของกู่ฉางเกอครั้งเดียว เยวี่ยหมิงคงก็รู้แล้วว่าเขาได้วางแผนเล่นงานเย่หลิงแล้ว!

นางอดรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้ที่กู่ฉาเงกอคิดอยากขโมยโอกาสนี้เอง

นางเข้าใจความน่ากลัวของกู่ฉางเกอดีและรู้ว่ามันไม่ง่ายที่นางจะแย่งต่อจากกู่ฉางเกอ

แม้เย่หลิงจะจัดการได้ยาก ก็ยังมีความจริงที่นางคือผู้ย้อนเวลา นางไม่กังวลถึงการแก้แค้นของเขา เหนือสิ่งอื่นใด นางถึงขั้นกล้าสู้กับกู่ฉางเกอ แต่ตอนนี้ เย่หลิงดันกลายเป็นเหยื่อของกู่ฉางเกอ

เย่หลิงจะไปทำอะไรได้ในตอนนี้ที่กู่ฉางเกอคิดจัดการเขา?

แม้กระทั่งตอนเย่หลิงอยู่ในจุดสูงสุดของพลังในชาติก่อน เขาก็แทบตายในเงื้อมมือของกู่ฉางเกอ และหายตัวไป

สำหรับเย่หลิงคนปัจจุบัน?มันยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่

“ทำไมเจ้าถึงดูไม่มีความสุขนัก?เจ้าไม่พอใจที่สามีจะช่วยเจ้าคว้าโอกาส?”

กู่ฉางเกอดหัวเราะไม่ได้ตอนเห็นสีหน้าของนาง

แน่นอนเขาจะเป็นคนกินเนื้อทั้งหมด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เหลือซุปให้เยวี่ยหมิงคง

เขาไม่ใช่คนโหดเหี้ยมที่จะกินไม่แบ่งใคร

ในทางกลับกัน เยวี่ยหมิงคงไม่เชื่อคำพูดเขาส

ยังไงซะ ถนนอมตะก็จะปรากฏในไม่ช้า และนางคือคนเดียวที่รู้ว่าวิญญาณอมตะจะปรากฏที่ไหน

ตอนเทียบกับวิญญาณอมตะ มรดกของจักรพรรดิโบราณนั้นไม่ได้มากขนาดนั้น

แม้กู่ฉางเกอจะวางแผนสำหรับวิญญาณอมตะมานาน เยวี่ยหมิงคงก็ยังเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแย่งมันไปจากนาง

หลังจากนั้น เยวี่ยหมิงคงก็ปักหลักอยู่บนยอดเขาสูงสุดเพื่อรอการปรากฏของถนนอมตะ เหนือสิ่งอื่นใด นางกับกู่ฉางเกอหมั้นกันแล้ว และความจริงที่ว่าทั้งสองผ่านคืนสุขสมมาก็ทำให้นางกล้าอยู่

ไม่มีใครกล้าพูดอะไร

ข่าวที่เยวี่ยหมิงคงได้มาวังเต๋ากระจายไปทั่วทันทีและทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่

ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ของวังเต๋าอมตะสวรรค์ หรือผู้บ่มเพาะสำนักอื่น ทั้งหมดต่างตกใจ!

เหนือสิ่งอื่นใด กู่ฉางเกอคนเดียวก็เป็นตัวแปรใหญ่แล้ว

ตอนนี้ที่คู่หมั้นเขา เยวี่ยหมิงคงเองก็มา ใครในรุ่นเยาว์ที่จะต่อกรกับทั้งสองได้?

และนั่นก็ทำให้มีคนมารวมตัวกันในเมืองโบราณเต๋าสวรรค์มากขึ้นและอัจฉริยะสูงสุดหลายคนที่ไม่เคยปรากฏตัวในโลกก็เผยตัว อัจฉริยะจากทุกทิศทางบินมายังสวรรค์ไร้ขอบเขตเพื่อแสดงพลัง

ทั้งโลกตกอยู่ในความวุ่นวาย

...

[ในส่วนลึกของวังเต๋าอมตะสวรรค์]

วังเรียบง่ายถูกห่อหุ้มด้วยเมฆหมอกเซียน กลิ่นอายน่ากลัวพวยพุ่งรอบวังและแสงศักดิ์สิทธิ์ก็สอดประสนาทำให้เกิดฉากที่ว่ามันกำลังพยายามฉีกสวรรค์ให้เปิด

ภายในวัง เหล่าผู้อาวุโสของวังเต๋ากำลังหารือกันด้วยใบหน้าน่าเกลียด

ผู้อาวุโสใหญ่นั่งหัวโต๊ะด้วยใบหน้าซับซ้อน สูงส่งเหมือนเทพเซียน

“คนจากทุกขุมอำนาจได้มารวมตัวกันในวังเต๋าอมตะสวรรค์และพวกคนเบื้องหลังพวกเก็อยากให้ข้าเปิดส่วนลึกของวังเต๋าให้คนรุ่นใหม่ เพื่อให้พวกเขาได้หาประสบการร์ เหล่าผู้อาวุโสคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”

คนที่พูดคือชายวัยกลางคนที่นั่งข้างผู้อาวุโสใหญ่ เขาสวมชุดสีเขียว มีใบหน้าใจดี และหนวดยาว เขาเป็นชายตัวสูงที่มีดวงตาใสเหมือนดาว ผมของเขาเหมือนหิมะ และมีท่วงท่าเหมือนวีรบุรุษ

มันสามารถเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆลอบรอบตัวเขา ขณะที่เงามากมายร่ายรำรอบตัวเขา

เขาไม่ใช่ใครนอกจากเจ้าวังของวังเต๋าอมตะสวรรค์ ในวันปกติ เขาจะฝังตัวเองกับการบ่มเพาะในส่วนลึกของวัง และแทบไม่เผยตัว

แต่มันก็คือความจริงที่ฐานบ่มเพาะของเขานั้นยากจะหยั่งถึง

ในทางกลับกัน เหล่าผู้อาวุโสได้แต่นั่งเงียบขณะฟังคำพูดของเจ้าวัง ตอนนี้ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเขา

“ท่านเจ้าวัง ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องหารือกับทุกฝ่าย ยังไงซะ ก็มีอันตรายมากมายในส่วนลึกของวัง มีโอกาสที่ศิษย์พวกเขาอาจได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตถ้าเข้าไป และหากเกิดเรื่องแบบนั้น พวกเขาอาจโทษเราได้!”

ชายชราตัวสูงที่มีกลิ่นอายดุดันยืนขึ้น

เขาคือผู้อาวุโสสองของวังเต๋าและก็เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ไม่อาจประเมินฐานบ่มเพาะได้

เขาขมวดคิ้วพอพูดและก็อดรู้สึกโกรธไม่ได้

การกำเนิดของสมบัติอมตะเป็นแค่ข้ออ้าง แต่จริงๆ ทุกขุมอำนาจต่างหมายตาเกาะเซียนโบราณที่ดำรงอยู่ในส่วนลึกของวังเต๋าอมตะสวรรค์ต่างหาก

มันแค่เพราะพวกตาแก่เหล่านี้เคยเป็นศิษย์ของวัง พวกเขาจึงไม่กล้าพูดเสียงดังและตัดสินใจให้ผู้เยาว์มาหาผลประโยชน์แทน

ผู้อาวุโสของวังเต๋าจะมองไม่ออกได้ไง?

“มีโอกาสมากมายบนเกาะเซียนโบราณ แต่ก็มีอันตรายมากมายเช่นกัน แถม หลายส่วนยังปกคลุมด้วยหมอกเซียนโบราณที่สามารถทำให้เราสับสนได้ด้วยซ้ำถ้าเข้าไปโดยไม่เตรียมตัว มีโอกาสที่จะมีคนตายในนั้นสูง”

ผู้อาวุโสหลายคนออกความคิด

คำพูดของผุ้อาวุโสสองได้รับการเห็นด้วยอย่างมาก

พวกเขาสามารถเปิดส่วนลึกของวังเต๋าให้โลกภายนอกได้ แต่ใครจะรับผิดชอบถ้าเกิดอะไรขึ้น?

ถ้าอยากเข้าไป พวกเขาก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบเอง!

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นเรื่องก็จะถูกตัดสินตามนี้ ‘ผู้เยาว์จะได้รับอนุญาตให้เข้า แต่พวกที่เข้าจะต้องรับผิดชอบชีวิตและความตายกันเอง”

เจ้าวังพูดขึ้น

“มันมีอัจฉริยะมากมายมารวมตัวกัน พวกเขาจะต้องแข่งขันกันแน่ แล้วเราควรส่งใครไปเป็นเจ้าภาพจากฝั่งของวังเต๋าเรา”

“พอถึงเวลา เราต้องส่งคนที่สามารถปราบทุกคนได้สบายๆ ท่ามกลางศิษย์แท้จริงสูงสุดทั้งห้า ฉู่อู่จื่อได้กลับราชวงศ์เซียนฉู่ไปแล้วหลังบาดเจ็บ..”

“สามในสี่เก็บตัว ข้าคาดว่าพวกเขาคงไม่ออกมาเร็วๆนี้ เราจะต้องพึ่งพาคนอื่น ศิษย์แท้จริงที่อ่อนแอกว่า?เห้อ!ฐานบ่มเพาะพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะสามารถจัดการกับแรงกดดันได้”

เหล่าผู้อาวุโสนึกถึงบางเรื่องและกระซิบกันขณะจับตามองดูสีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่

พวกเขาไม่กล้าพูดชื่อกู่ฉางเกอออกมาก็เพราะเขา

เหนือสิ่งอื่นใด ความจริงที่กู่ฉางเกอไปทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ไม่พอใจได้กระจายไปทั่วแล้ว พวกเขาจะไปกล้าพูดชื่อกู่ฉางเกออกมาต่อหน้าเขาได้ไง?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด