วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0027
บทที่ 11 ทิศใต้, เดินทางระยะสั้น (2)
* * *
หลังจากไม่ได้ไปโซลมานาน ฉันแวะซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการสำรวจ
ระหว่างที่คุณชาแทชิกทำงานอย่างหนักตลอดหนึ่งเดือน ฉันพักผ่อนด้วยการเที่ยวป่าเบอร์มิวด้าเพื่อฟื้นฟูจิตวิญญาณนักสำรวจ หรือไม่ก็ลิ้มลองเมนูใหม่ของโรงแรม
งานจากลูกค้ามีแต่งานง่ายๆ ส่วนใหญ่เป็นการหาสมุนไพรหรือวัตถุดิบ
งานใหญ่ที่สุดคือการช่วยเหลือพาธไฟน์เดอร์และลูกค้าของพวกเขา ซึ่งประสบภัยระหว่างสำรวจต่างโลกอย่างกล้าหาญ
แต่นั่นก็เป็นงานที่ร่วมมือกับหน่วยรักษาความปลอดภัย ระดับความยากจึงไม่ได้มากมายอะไร
ฉันทำเงินจากงานเหล่านั้นได้ประมาณหกร้อย
เงินออมทั้งหมดในตอนนี้จึงกลายเป็น
<41,324,120 วอน>
“…เงินหาง่ายขนาดนี้เชียว”
ฉันไม่ได้ใช้ชีวิตมัธยัสถ์ แต่ยอดเงินในบัญชีกลับเพิ่มขึ้นถึงแปดเท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เพิ่งกลับโลก
และแน่นอน ในอนาคตจะมีลูกค้าจ้างให้ไปรักษาเหยื่อของเมดูซ่ามากขึ้น
ดังที่เคยกล่าวไปในตอนแรก ฉันไม่ได้สนใจเงินเป็นอันดับหนึ่ง แค่อยากมีติดตัวไว้ในระดับที่สามารถใช้ชีวิตอย่างไม่มีอุปสรรค
ฉันคิดแค่นั้นจริงๆ
ทว่า
“ถ้าจริงจังกว่านี้อีกสักนิด เราอาจได้นอนบนกองเงินกองทอง”
ในหนึ่งเดือน แค่รับงานมูลค่าหนึ่งล้านวอนจำนวนห้า นั่นก็เท่ากับห้าร้อยแล้ว
และนี่เป็นเพียงราคาขั้นต่ำ ในความเป็นจริงจะสูงกว่านี้เสมอ
ถ้าใส่ใจให้มากขึ้น และจัดกลุ่มงานที่สามารถทำได้พร้อมกัน ฉันสามารถทำสิบงานได้ในหนึ่งสัปดาห์
แถมนี่ยังการคำนวณภายใต้ข้อกำหนดว่า ฉันไม่อยากทำงานหนัก
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันลองขยันเต็มพิกัดสักหนึ่งเดือนเต็ม? พูดตรงๆ ว่าประเมินราคาไม่ได้เลย
แต่แน่นอน ความโลภไม่ได้ก่อตัวภายในใจฉัน
ในสังคมสมัยใหม่ การมีเงินมาก หมายความว่างานก็ยุ่งตามไปด้วย
…ไว้ค่อยคิดวันหลัง ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาเรื่องเงิน
ฉันโทรหาจินซอยอน
“ว่างไหม ผมอยากคุยด้วย”
[ไปหาที่สำนักงานกิลด์ได้ไหม?]
ก่อนจะลงใต้ ฉันตัดสินใจฟังเรื่องราวจากปากพนักงาน OWIC ซึ่งรู้จักแถบนั้นเป็นอย่างดี
และคนที่เหมาะที่สุด หนีไม่พ้นจินซอยอน
ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมเธอถึงกระตือรือร้นที่จะให้ความร่วมมือนัก
เมื่อเดินทางกลับมายังต่างโลกด้วยสัมภาระพะรุงพะรัง จินซอยอนสะสางอยู่สักพักก่อนจะแวะมาหาฉัน
จินซอยอนกวาดตามองสิ่งของที่ฉันกำลังเตรียม จากนั้นก็เปิดปากพูด
“จะออกผจญภัยแล้วสินะ”
“ดูออกเลยหรือ”
“อุปกรณ์พวกนี้ ฉันเคยเห็นในสารคดีต่างประเทศ”
จินซอยอนที่มาถึงสำนักงาน นั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทีผ่อนคลาย
ทำไมนักวิจัยถึงว่างมาเยี่ยมคนอื่นได้ทุกครั้ง? งานไม่ยุ่งหรือ?
จินซอยอนอธิบายว่า ที่ทำแบบนี้ได้ เพราะเวลาอื่นเธออยู่บริษัทแทบจะตลอด
ยิ่งได้ยินอะไรแบบนี้ ฉันยิ่งไม่อยากทำงานประจำ
ฉันตัดสินใจถามจินซอยอนเกี่ยวกับหมู่บ้านทางใต้
“หมู่บ้านทางใต้? ความลับระดับ AO-4… ถ้ารู้เรื่องนี้ได้ แหล่งข่าวของคุณไม่ธรรมดาทีเดียว”
“ไม่กังวลเลยหรือ? ที่ความลับบริษัทรั่วไหลออกมาแบบนี้”
“นั่นเป็นความรับผิดชอบของแผนกยุทธศาสตร์ ไม่เกี่ยวกับฉัน”
“พนักงานบริษัทจริงๆ”
จินซอยอนพยักหน้า
“ว่าแต่ คุณอยากได้ข้อมูลของทิศใต้ใช่ไหม”
แค่รู้ว่ามีหมู่บ้านทางทิศใต้ ใช่ว่าเดินสุ่มๆ ไปแล้วจะเจอ
นอกจากนั้น สำหรับต่างโลก ไม่ว่าจะทิศตะวันออก ตะวันตก เหนือ หรือใต้ พวกมันถูกเรียกแบบนี้เพราะความสะดวก
ในความเป็นจริง ต่างโลกไม่มีทิศ แตกต่างจากโลกมนุษย์ของเรา
“ถ้า OWIC รู้จักที่นั่น ก็แปลว่าต้องรู้วิธีเดินทาง… ผมอยากได้ข้อมูลนั้น”
จินซอยอนพยักหน้า
ตอนแรกคิดว่าเธอจะอิดออดเนื่องจากเป็นความลับบริษัท แต่จินซอยอนกลับตอบตกลงทันทีราวกับไม่ใช่ปัญหา
“ถึงวันนี้จะพูดอะไรออกไป แต่ถ้าหลังจากนี้ฉันจำไม่ได้ มันก็ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น… เอานี่”
จินซอยอนดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากเสื้อนอก
“แผนที่ภาคใต้ เป็นเวอร์ชั่นปลายปีที่แล้ว แต่ตำแหน่งยังไม่เปลี่ยน น่าจะพอช่วยคุณได้”
เมื่อกางกระดาษพับออก แผนที่แสดงให้เห็นเส้นทางจากเบสแคมป์แผ่ขยายลงไปข้างล่าง
“ถ้าโดนบริษัทจับได้ คุณจะไม่แย่เอาหรือ”
“ถ้าโดนจับได้ล่ะนะ… คุณรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงชอบเล่าอะไรให้ฟังในต่างโลก”
ฉันส่ายหัวแผ่วเบา
พอมาคิดดูก็จริง คนส่วนใหญ่ไม่ชอบเดินทางมาต่างโลกเนื่องจากร่างกายต้องรับภาระ
จินซอยอนยิ้ม
“ในต่างโลก ฉันจะไม่ถูกดักฟัง”
“…”
พนักงานถูกติดเครื่องดักฟังทุกคน?
“บริษัทบ้าอะไรกันเนี่ย… แล้วทำไมคุณถึงยอมช่วยผมขนาดนี้”
“ก็ไม่รู้สินะ… ช่วยแล้วฉันจะผลได้ประโยชน์? หรืออาจจะฝากตัวเป็นลูกค้า? หรือเพื่องานวิจัยส่วนตัว? หรือบางที… อาจเพราะฉันเป็นแฟนตัวยงของคุณ”
แฟน?
ฉันมองจินซอยอนด้วยสายตาสับสน แต่เธอทำเพียงยิ้ม
* * *
วันถัดมา หลังจากสำนักงานจัดการหมู่บ้านออกใบอนุญาตสำรวจให้ ฉันเริ่มจัดกระเป๋าทันที
ไม่ถูกจำกัดระยะเวลาเหมือนคราวก่อน ถ้าเทียบกันแล้ว พวกเขาคงมีข้อมูลของทิศใต้มากกว่า
“เชือกนิรภัย เชือกสำรอง ถุงมือสำรอง หมากฝรั่ง กางเกงในและถุงเท้า…”
มีดกูรข่า มีดล่าสัตว์
ฉันสวมแจ็กเกตที่ค่อนข้างยาว ผ้าคลุมที่ถักจากด้ายถูกมัดไว้กับกระเป๋าเป้อย่างแน่นหนา
ลิลี่จ้องหน้าฉัน
“เครื่องมือแปลกดี… ทุกอย่างดูแข็งแรงมาก เดาไม่ออกเลยว่าผลิตจากวัสดุประเภทใด… ในอาณาจักรของข้า อุปกรณ์เกรดนี้ถือเป็นสินค้าคุณภาพสูง”
“เธอจะไปด้วยกันไหม”
“ไปสิ ข้าต้องทำหน้าที่ผู้นำทาง”
หงึก
ลิลี่อาจดูบอบบาง แต่ในหลายครั้ง ฉันพบว่าเธอมีพละกำลังมากกว่าที่คิด
ไม่ใช่แวมไพร์ทุกตนที่เป็นเช่นนี้ แค่เห็นการเคลื่อนไหวก็เดาได้ทันที ว่าลิลี่ถูกฝึกมาหนักแค่ไหน
ฉันทยอยนำสัมภาระที่เตรียมไว้เก็บใส่กระเป๋าเป้ จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยภายในเวลาไม่นาน
จริงสิ ยังเหลือเจ้านี่
“ลิลี่”
“หือ?”
“เอ้าไป”
ลิลี่จ้องสิ่งที่ฉันยื่นให้
ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา สิ่งที่ฉันจ้างให้ชาแทชิกสร้าง ไม่ได้มีแค่เสื้อคลุมหรือแจ็กเกต
แต่ยังรวมไปถึงเสื้อและกางเกงสำหรับการสำรวจ ซึ่งเย็บจากหนังหมาป่าสคาเวน
เนื่องจากเป็นคำขอแยก ฉันจึงต้องจ่ายเงิน แต่ราคาก็ไม่ได้สูงอะไร
“…”
“คิดจะผจญภัยด้วยเสื้อผ้าชุดนี้จริงหรือ? ถ้าสะดุดล้ม เธอได้อับอายแน่”
“เสียมารยาท”
“งั้นก็ใส่ซะ”
ลิลี่จ้องเสื้อผ้า
“ข้าซึ้งใจมาก แต่เผ่าพันธุ์ของข้ามีผิวพรรณบอบบาง ใช่ว่าจะสวมใส่เครื่องนุ่งห่มใดก็ได้… มีเพียงชุดที่ถูกสร้างอย่างประณีตด้วยวัสดุพิเศษเท่านั้น…”
“ก็นี่ไง สร้างอย่างประณีต ด้วยวัสดุพิเศษ”
ฉันขอให้คุณชาแทชิกปรับแต่งด้านในของชุดหนังหมาป่าสคาเวนเป็นกรณีพิเศษ
ฝีมือของเขาน่าทึ่งมาก ทั้งที่บอกไปปากเปล่า แต่กลับสร้างผลงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากลิลี่ฟังจบและจ้องมองสักพัก เธอเดินเข้าไปในห้อง ปิดประตูและกลับออกมาในเวลาไม่นาน
“โฮ่…”
เหมือนกับที่เคยเห็นในหนัง เซตหมวกกันแดดและชุดนักผจญภัย
มอบความรู้สึกตรงข้ามกับภาพลักษณ์ที่เรียบร้อยและสง่างามของลิลี่ แต่ก็ช่วยให้เธอมีเสน่ห์แปลกใหม่
ชุดค่อนข้างหนักเพราะถักจากหนังสัตว์ แต่ก็ทนทานมาก
เป็นผลิตภัณฑ์หรูหราที่ตามจุดสำคัญทำจากเศษเปลือกดักแด้
“ใส่ขึ้นกว่าที่คิด”
“ข้าจะตอบแทนอย่างแน่นอน”
“คิดซะว่าเป็นสวัสดิการพนักงานก็แล้วกัน”
“รอยัลบลัดจ่ายหนี้เสมอ”
จากมุมมองของฉัน เท่านี้ก็มีคู่หูนักสำรวจกับเขาแล้ว ที่เคยสร้างวิลสันเป็นงานอดิเรกก็เพราะความเหงา
ทุกสิ่งกำลังไปได้ดี
“ออกเดินทางกันเถอะ… จำเอาไว้ว่าพวกเราพกอาหารไปไม่มาก ถ้าหมดก็ต้องล่า”
เมื่อเห็นลิลี่พยักหน้ารับ ฉันสะพายเป้
ความรู้สึกหนักจากแผ่นหลังที่ไม่ได้สัมผัสมานาน
กึก
ฉันเปิดประตูและมองไปยังที่ราบกว้าง ซึ่งทอดยาวไปทางทิศใต้
ปลายทางคือด้านหลังเทือกเขาที่เด่นตระหง่านตามแนวขอบฟ้า ได้ยินว่าในป่าลึกมีหมู่บ้านซ่อนอยู่
เดินเท้าประมาณสิบห้าวัน
พิจารณาจากแผนที่ เส้นทางไม่ได้ราบรื่นสักเท่าไร
“พวกเราจะไปให้ถึงภายในหนึ่งสัปดาห์”
หลังจากยืนยันแผนที่ ฉันสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและรูดซิปจนแน่น
การดูแผนที่เพียงอย่างเดียวโดยไม่พึ่งพาเข็มทิศ ฉันคิดว่านั่นยังแม่นยำไม่พอ
ดูเหมือนว่า OWIC จะใช้เทคนิคบางอย่าง ช่วยให้เจ้าหน้าที่เดินทางได้แม่นยำผ่านการอ่านแผนที่เพียงอย่างเดียว…
แต่ฉันไม่ต้องพึ่งพาเทคนิคอ่อนหัดแบบนั้น
ยื่นมือไปข้างหน้า
“มาร์คามา ทูซาลี-วอนด์ เดอโมห์สmarlkaama to sali-wond de mohs”
— ก่อตัวเป็นไฟและตามรอยสุสานดวงดาว
เปลวไฟโผล่ขึ้นจากอากาศและเรียงตัวกันด้านหน้าฉัน
สุสานดวงดาว
ฉันก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ลูกไฟจะชี้ไปยังทิศทางเดิมเสมอ
สถานที่ซึ่งเหมือนกับขั้วโลกของโลกมนุษย์
นี่คือเข็มทิศในแบบของฉัน
“…พูดภาษารูนได้ระดับนี้เชียว”
“จู่ๆ ก็ทำได้เองน่ะ”
ลิลี่จ้องฉันด้วยดวงตาเบิกกว้าง เป็นสีหน้าตกตะลึงที่สุดเท่าที่เคยเห็นจากเธอ
ฉันยักไหล่แผ่วเบาและเริ่มก้าวขา
* * *
ป่าที่เกิดบนภูเขา
สิ่งมีชีวิตชนิดนี้แทบไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก
เนื่องจากเกิดพร้อมภูเขาและมีอายุเท่าภูเขา จึงทำตัวเหมือนกับคนแก่หัวรั้น
ป่าประเภทนี้จะขยับตัวไม่มาก ไม่กระฉับกระเฉงเหมือนวัยรุ่น เพราะตระหนักดีว่าไม่มีสิ่งใดทำอันตรายตนได้
พวกมันเฝ้ามองนักท่องเที่ยวผ่านเข้าออกด้วยความบันเทิง และหากมีเวลาว่างก็จะแจกผลไม้ให้สักหนึ่งหรือสองลูก
ทว่า สิ่งมีชีวิตในป่าอาจไม่ได้ใจกว้างเหมือนป่า
“แฮ่ก… อึก…”
ในภูเขาลูกหนึ่งทางทิศใต้ ฮาวนด์ร่างชุ่มเลือดกำลังซ่อนตัวในพุ่มไม้
“แค่ก… แค่ก…”
ทิศใต้คือเขตที่มนุษย์โลกสำรวจได้ค่อนข้างลึก แต่นั่นไม่ได้แปลว่าความลับทั้งหมดจะถูกเปิดเผย
วิหารเก่าแก่ถูกที่ฝังอยู่ใต้ดินหลายแห่ง กลายเป็นดันเจี้ยนให้เหล่าฮาวนด์หวังเข้ามาสร้างความมั่งคั่ง
ฮาวนด์นิรนามห้าคนบังเอิญค้นพบทางเข้าดันเจี้ยนซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในภูเขา
“อั่ก… แค่ก…”
สี่คนถูกตัดแขนขาและตายไป
ครืด ครืด
เสียงโลหะเสียดสี เสียงรองเท้าเหล็กย่ำพื้น
ฮาวนด์คนสุดท้ายพยายามปิดกั้นลมหายใจตัวเอง
กึก
ด้านหน้ามัน ชุดเกราะสวมดาบชะงักฝีเท้า
ชุดเกราะที่ว่างเปล่า
กลุ่มก้อนโลหะซึ่งคอยสังหารผู้บุกรุกที่ขาดคุณสมบัติ
โกเล็ม หรือลิฟวิงเมทัล (Living Metal)
กึก
เมื่อลิฟวิงเมทัลหันหลัง ฮาวนด์คนดังกล่าวมองเห็นอักขระที่ถูกเขียนเรียงกันเป็นวงกลม
มันอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
พวกพ้องของตนต่อสู้กับลิฟวิงเมทัลอย่างสุดกำลัง แม้แต่ปืนเถื่อนซึ่งลักลอบนำเข้าในราคาหลายล้านวอนก็ถูกนำมาใช้
ทว่า ไม่มีทางที่ฮาวนด์ห้าคนจะเอาชนะสิ่งมีชีวิตซึ่งปราศจากสัญญาณชีพหรือรูปร่าง
ขณะฮาวนด์คนที่สี่ล้มลง มันบังเอิญลบประโยคที่เขียนไว้บนหลังลิฟวิงเมทัลตัวหนึ่งสำเร็จ
ทันใดนั้น คล้ายกับการดำรงอยู่เลือนหายไป กลุ่มก้อนโลหะร่วงกราวลงกับพื้นทันที
พลังงานที่ขับเคลื่อนลิฟวิงเมทัลแฝงอยู่ในประโยคดังกล่าว เป็นจุดอ่อนเดียวของสัตว์ประหลาดชนิดนี้
ภาษาที่แค่เขียนหรือพูดก็สามารถสำแดงพลัง
ฮาวนด์รู้ได้ทันทีว่าประโยคนั่นคืออะไร
“…ภาษารูน…”
แต่ก็สายไปแล้ว เลือดที่พรั่งพรูจากช่องท้อง ลำพังสองมือไม่สามารถยับยั้งได้
“แค่ก…!”
ฮาวนด์คนสุดท้ายมิอาจทนต่อความเจ็บปวด
ดาบคมๆ ของลิฟวิงเมทัลที่หันกลับมา พุ่งตรงเข้าหาลำคอในทันที
ศีรษะของฮาวนด์หลุดออกจากบ่า
ก่อนที่ทัศนวิสัยจะมืดสนิทตลอดกาล มันเห็นลูกโป่งที่มีตาและจมูกกำลังก้มมองตน
เป็นภาพหลอนจากสมองก่อนตาย หรือแค่ตาฝาดไป?
มันไม่มีเวลามากพอที่จะหาข้อสรุป
______________________
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel