SWO ตอนที่ 10 ซื้อ ซื้อ ซื้อ
หลังจากนั่งรถไฟใต้ดิน และเดินอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดหวังชูหยุน และโจวเสวียกั๋วก็มาถึงทางเข้าของชุมชนหยางหยวน
เมื่อเห็นโจวเฮา หวังชูหยุนก็รีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และถามออกมาด้วยความเป็นห่วง “เสี่ยวเฮา เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
โจวเฮาที่เห็นพ่อแม่รีบกล่าวอย่างตื่นเต้นทันที “ข้าสบายดี ไปกันเถอะ ข้าจะพาพวกท่านไปดูบ้านใหม่”
"บ้านใหม่?"
ใบหน้าของหวังชูหยุนเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ขณะที่โจวเสวียกั๋วก็งุนงงไม่ต่างกัน อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งสองยังอดทนตามโจวเฮาไปเข้าไปในชุมชนหยางหยวนจนมาถึงวิลล่าหลังหนึ่ง
“เสี่ยวเฮา เจ้าลากแม่มาที่นี่ทำไม?” หวังชูหยุนอดถามออกไปไม่ได้ “แม่รู้ว่าเจ้าอยากเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่เจ้าอาศัยมาตลอด แต่ช่วยรออีกหน่อยนะ วันหนึ่งแม่จะให้เจ้าอยู่ที่นี่แน่นอน”
โจวเสวียกั๋วถอนหายใจขณะฟัง เขาโทษตัวเองที่ไร้ประโยชน์...
โจวเฮายิ้มก่อนกล่าว “ไม่จำเป็นต้องรอแล้ว นับจากนี้เป็นต้นไปบ้านหลังนี้จะเป็นของเรา!”
"ฮะ?"
ทั้งสองสับสนเล็กน้อย
“เราเข้าไปดูข้างในกันเถอะ” โจวเฮายิ้ม “หากพ่อแม่ไม่ถูกใจ เราสามารถเปลี่ยนมันเป็นหลังอื่นได้”
จากนั้นเขาก็หยิบกุญแจออกมา และเปิดประตูเข้าไป
เมื่อเห็นสิ่งนี้หวังชูหยุนก็ตกตะลึง
โจวเสวียกั๋วยิ่งตกตะลึงมากขึ้น
อย่างไรก็ตามทันทีที่เธอกลับมารู้สึกตัว หวังชูหยุนจึงถามออกไปทันที “เสี่ยวเฮา บอกแม่มาตามตรง เจ้าไปได้กุญแจนี่มาจากไหน?”
โจวเสวียกั๋วยังเพิ่มเสียงของเขาด้วย “เจ้าลูกชาย เราไม่ได้สอนเจ้างั้นรึว่าอย่าทำผิดกฎหมาย!”
โจวเฮาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขารีบเอาโฉนดที่ดินของเขาออกมา “พ่อ แม่ นี่คือบ้านของเราจริง ๆ ดูสิ มันเขียนไว้ในโฉนดที่ดิน”
หวังชูหยุน และโจวเสวียกั๋วรีบเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ
นั่นทำให้ทั้งสองต้องตกตะลึงอีกครั้ง
“สะ… เสี่ยวเฮา จะ… เจ้าซื้อวิลล่าหลังนี้?” เสียงของหวังชูหยุนสั่น
“เจ้าลูกชาย...เจ้าไปเอาเงินพวกนี้มาจากไหน” โจวเสวียกั๋วรู้สึกว่าสมองของเราเริ่มรับไม่ไหว
ต้องรู้ว่าวิลล่านี้ราคาหนึ่งล้านหยวน
เขาต้องทำงานกี่ปีกันถึงจะเก็บเงินได้ขนาดนั้น?
หวังชูหยุนกัดฟันและกล่าวอย่างกังวล “เสี่ยวเฮารีบคืนบ้านและเอาเงินกลับมาเถอะ เราไม่สามารถทำผิดกฎหมายได้ เราจะพาเจ้าไปสารภาพถ้าเจ้าทำอะไรผิดกฎหมาย”
โจวเสวียกั๋วยังนึกถึงความร้ายแรงของปัญหา
ลูกชายของเขาเป็นแค่นักเรียนปีสามเท่านั้น ดังนั้นเขาจะมีเงินมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร? เขาคงต้องทำอะไรที่ผิดกฎหมายมาแน่
โจวเฮาพูดไม่ออก
แต่เมื่อคิดดูแล้วมันก็สมเหตุสมผล
ในฐานะนักเรียนปีสามที่ยังไม่ได้ทะลุถึงแก่นโลหิตขั้นแรกด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจะไปหาล้านหยวนได้จากไหน? นอกจากการทำงานผิดกฎหมายแล้ว มันก็ไม่มีทางอื่นอีก
อันที่จริงแหล่งที่มาของเงินเขานั้นก็ไม่ถูกต้องตามกฎหมายซะทีเดียว แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็ได้รับมันมาด้วยกำลังของเขา
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายมาจริง ๆ”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงบอกเธอเกี่ยวกับการแข่งของโรงเรียนอย่างช่วยไม่ได้ ขณะเดียวกันเขายังเล่าไปด้วยว่าแม้จะเป็นเงินจากการเดิมพัน แต่เป้าหมายหลักของเขาคือการช่วยเพื่อนร่วมชั้นของเขา
นอกจากนี้ เขายังแสดงใบเสร็จรับเงินจากบริษัทพนันด้วย
หวังชูหยุนไม่รู้เรื่องนี้มากนัก ดังนั้นจึงส่งต่อให้โจวเสวียกั๋วอ่าน
โจวเสวียกั๋วตรวจอย่างจริงจังแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาดูแผนที่และบริษัท
หลังจากยืนยันหลายครั้ง ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ที่รัก ดูเหมือนว่าลูกชายของเรากำลังพูดความจริง”
ดวงตาของหวังชูหยุนเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ “เสวียกั๋วนั่นหมายความว่าโจวเฮาทำเงินได้มากกว่าล้านหยวนจริง ๆ งั้นรึ?”
โจวเสวียกั๋วพยักหน้าอย่างหนักแน่น แต่ไม่นานเขาก็คิดอะไรบางออก และถามด้วยใบหน้าบูดบึ้ง "เดี๋ยวสิ เจ้าไปเอาเงินเดิมพันมาจากไหน?"
หัวใจของโจวเฮาเต้นผิดจังหวะ เขาไม่ได้คาดหวังสิ่งนี้ จิตใจของเขาปั่นป่วน เมื่อเห็นสีหน้าของพ่อแม่ที่เริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ เขาจึงรีบกล่าวว่า “ข้ายืมมาจากเพื่อนร่วมชั้น”
“เพื่อนร่วมชั้น? เพื่อนร่วมชั้นคนไหนกันที่ให้เจ้ายืมเงินได้มากขนาดนี้?” โจวเสวียกั๋วขมวดคิ้ว
โจวเฮาก้มหน้าลงและกล่าว “ปะ… เป็นซูหลิง”
“ซูหลิง? ทำไมนางถึงให้เจ้ายืมเงินมากมายขนาดนี้?” โจวเสวียกั๋วยังคงสงสัย
“เพราะข้าเคยช่วยนางมาก่อน และครั้งนี้ ข้าบังเอิญได้ยินว่ามีคนกำลังจะโจมตีพวกตัวเต็ง ดังนั้นข้าเลยลองเสี่ยงดวง” โจวเฮากล่าวอย่างหนักแน่น
“จริงรึ?” โจวเสวียกั๋วจ้องไปที่โจวเฮา
“หยุดกดดันเขาเถอะเฒ่าโจว เราเฝ้าดูลูกชายของเราเติบโตขึ้นมาตลอด เขาจะทำสิ่งที่ผิดกฎหมายได้อย่างไร?” หวังชูหยุนกล่าวอย่างเร่งรีบ
โจวเสวียกั๋วคิดเกี่ยวกับมันและเห็นด้วย แม้ว่าพรสวรรค์ของลูกชายเขาจะธรรมดา แต่บุคลิกของเขายังน่าเชื่อถือ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้าลูกชาย ครั้งนี้ข้าจะมองข้ามเรื่องที่เจ้าเล่นพนันไป แต่หลังจากนี้เจ้าห้ามแตะต้องมันอีกเด็ดขาด!”
โจวเฮารีบกล่าวขึ้นทันที “ครับท่านพ่อ นี่เป็นครั้งสุดท้าย คราวหน้าข้าจะไม่ทำอีก”
สีหน้าของโจวเสวียกั๋วดีขึ้นเล็กน้อย เขาภูมิใจมากที่ลูกชายทำเงินได้มากกว่าเขา
อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น ดวงตาของเขายังคงแสดงความกังวล
ต่อมาโจวเฮาพาพ่อแม่ของเขาเดินสำรวจรอบ ๆ วิลล่า แม้ว่ามันจะว่างเปล่า แต่ก็ดูอบอุ่นไม่ใช่น้อย
“ท่านแม่ คืนนี้ไปเราออกไปช้อปปิ้งกันเถอะ เราจะได้ซื้อพวกเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นทั้งหมด และซื้อเสื้อผ้าสองสามชุดบวกกับของจำเป็นอื่น ๆ ให้ท่านด้วย” โจวเฮากล่าวอย่างตื่นเต้น
หวังชูหยุนไม่อยากขัดความตื่นเต้นของลูกชาย ดังนั้นเธอจึงตกลงทันที ด้วยเหตุนี้เองทั้งสามคนจึงไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้เคียงเพื่อซื้อของ
จนกระทั่ง 23.00 น. เป็นเวลาที่พวกเขากลับมายังสลัมยากจนที่พวกเขาเคยอยู่ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ซื้อมานั้น ทางร้านค้าจะจัดการส่งให้ถึงหน้าบ้านในวันพรุ่งนี้
“ดี ดี ดูสิว่านั่นใครมาได้ทันเวลาพอดี เร็วเข้า! รีบจ่ายค่าเช่าที่พวกเจ้าค้างอยู่มาได้แล้ว!” หญิงอ้วนที่เฝ้าประตูตะโกนออกมาทันทีที่เธอเห็นโจวเฮาและพ่อแม่ของเขา
หลายครอบครัวที่อยู่ใกล้เคียงแอบมอง
โจวเฮาโยนเงิน 3,000 หยวนลงต่อหน้าหญิงอ้วน “นี่คือค่าเช่าที่เราค้างเจ้า พรุ่งนี้เราจะย้ายออก!”
แต่ไหนแต่ไรแล้วโจวเฮาไม่เคยชอบเจ้าของบ้านที่เย่อหยิ่งคนนี้เลย
พูดจบเขาก็ดึงแม่เข้าไปในบ้าน
โจวเสวียกั๋วพยักหน้าเล็กน้อย และขอโทษครอบครัวที่อยู่ใกล้เคียง “ขอบคุณที่ดูแลพวกเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา พรุ่งนี้เราจะย้ายออกจากที่นี่”
ในห้องนั่งเล่น
หวังชูหยุนนั่งบนโซฟาและบ่นว่า “เสี่ยวเฮา แม้ว่าเจ้าจะมีเงิน แต่เจ้าไม่สามารถเสียมันไปกับเรื่องแบบนี้ได้ ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องใช้มันซื้อของอีกหลายอย่าง”
“ข้ารู้ หลังจากนี้ข้าจะระวัง” โจวเฮานวดไหล่ของหวังชูหยุน
“เด็กดี บีบไปทางซ้ายอีกหน่อย”
หลังจากพูดคุยกันสักพัก หวังชูหยุนก็ปล่อยให้โจวเฮากลับไปที่ห้องของเขาเพื่อพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เขายังต้องไปโรงเรียน
เกือบเที่ยงคืนโจวเฮาซึ่งกำลังดูโทรศัพท์อยู่กำลังจะเข้านอน แต่ในตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงจงใจลดต่ำจากห้องนอนของพ่อแม่