693 - เปิดโลงศพ
693 - เปิดโลงศพ
ตะใคร่สีเขียวยาวมากและงอกออกมาตามช่องว่างในโลงศพ และปกคลุมไปทั่วบริเวณแห่งนี้
“มันเป็นศพของร่างศักดิ์สิทธิ์จริงๆหรือ ใครเป็นคนสร้างโลงศพให้เขา…” เย่ฟ่านพูดกับตัวเอง
"ควับ"
เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าโลงศพโบราณชายชราผู้บ้าคลั่งก็ใช้ฝีเท้าเทียนซวนเคลื่อนไหวโดยที่สายตาของเขายังจับจ้องไปยังแผนที่ทั้งสอง
ดูเหมือนว่าเขากำลังพยายามกระตุ้นมันด้วยทักษะการเคลื่อนไหว และเมื่อเย่ฟ่านเห็นเขาทำเช่นนี้เมล็ดโพธิ์ในมือของเขาก็เริ่มร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ปัง!”
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากโลงศพโบราณ ทุกคนเริ่มตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุดเพราะไอสังหารที่ไม่มีใครเทียบได้หลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตโบราณได้ตื่นขึ้นอีกครั้ง
ขนสีเขียวบนโลงศพสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และความหนาวเย็นก็ถูกปลดปล่อยออกมาก็เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนี้โดยสิ้นเชิง
“ที่นี่แปลกมาก”
หมอกหนาขึ้นเรื่อยๆ และพวกเขารู้สึกว่าทั้งหมดนี้เกิดจากโลงศพโบราณ หมอกหนาเหล่านี้ดูเหมือนจะพุ่งออกมาจากรอยแยกในโลงศพ
"ครืน"
ทันใดนั้นฝาครอบโลงศพก็สั่น และปลดปล่อยแสงสีแดงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่พวกมันจะเริ่มก่อตัวเป็นอักขระโบราณหลายพันคำ มันคือเก้าญาณวิเศษลึกลับหรือไม่?
ครั้งแรกที่เย่ฟ่านเห็นมัน เขาก็ได้ยืนยันได้ทันทีว่านี่คือเนื้อหาจากคัมภีร์ลับอย่างแน่นอน และมันมีความคล้ายคลึงกันมากกับศาสตร์ที่เขาฝึกฝน
“ศิลปะศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในตำนาน เมื่อเชี่ยวชาญแล้วมันจะทำให้เราไปได้ทุกที่ ไม่มีค่ายกลใดในโลกที่สามารถปิดกั้นความเคลื่อนไหวของพวกเราได้”
“มันยิ่งใหญ่มาก แต่ต้องเข้าใจให้ละเอียด”
ไม่มีใครไม่ตื่นเต้นและสายตาของพวกเขาทั้งหมดจับจ้องไปยังแผนที่เต๋าด้วยความรู้สึกทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเพราะกลัวว่าจะพลาดอะไรบางอย่าง
“ไม่ มันคลุมเครือเกินไป มันพุ่งออกมาจากโลงศพ เก้าญาณวิเศษลึกลับที่แท้จริงอยู่ในโลงศพ”
“เจ้าเห็นชัดเจนไหม”
เย่ฟ่านนั่งลงและถามเสี่ยวหนานหนาน
เด็กหญิงตัวเล็กย่นจมูกอันบอบบางของนาง กะพริบตาแล้วจ้องดูอย่างระมัดระวังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉียบคมว่า
“ข้างในนั้นมีบางอย่างที่โล่งมาก และบางแห่งก็มีบางอย่างขวางกั้น มันไม่เหมือนกัน”
ชายชราไม่ขยับ ราวกับว่ากลายเป็นหิน รูม่านตาที่ว่างเปล่ายิงแสงสีเงินขึ้นไปเชื่อมต่อกับแผนที่เต๋า
เห็นได้ชัดว่าแผนที่เต๋าไม่สมบูรณ์และเนื้อหาบางส่วนของมันถูกปิดกั้นอยู่ในโลงศพ การที่ดวงตาของเขาปลดปล่อยแสงสีเงินออกมานี้ก็เพื่อที่จะเชื่อมต่อกับตำราพิเศษที่แท้จริงที่อยู่ข้างใน
“ปัง”
โลงศพโบราณสั่นสะเทือนอีกครั้ง และแรงกดดันที่ไม่มีใครเทียบได้ก็ท่วมท้นเปลี่ยนให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความหนาวเหน็บอย่างรุนแรง
เมล็ดโพธิ์ในมือของเย่ฟ่านร้อนมาก เขากำลังดูแผนที่เต๋า อย่างจริงจังโดยทิ้งความคิดที่วอกแวกไปทั้งหมด มีชายชราผู้บ้าคลั่งอยู่ที่นี่ มันไม่มีอะไรที่สามารถทำอันตรายต่อเขาได้
แม้จะมีถ้อยคำที่ขาดหายไป แต่เขาก็ต้องตักตวงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่เช่นนั้นตลอดชีวิตของเขาคงเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างไม่อาจลบเลือน
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เย่ฟ่านหยุดและตื่นขึ้นจากสมาธิ เวลานี้ชายชราผู้บ้าคลั่งยืนอยู่บนโลงศพโบราณ และเขากำลังจะเปิดโลงศพ
จักรพรรดิดำและหลี่เหอซุยอยู่ข้างๆ พวกเขาไม่กล้าที่จะผ่อนลมหายใจ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ไกลเพราะกลัวว่าราชาปีศาจจะถูกปล่อยออกมา
ชายชราผู้บ้าคลั่งเดินไปรอบๆเก้ารอบเต็มราวกับว่าเขากำลังอนุมานอะไรบางอย่าง จากนั้นดวงตาของเขาก็ฉายแสงสีเงิน ในที่สุดเขาก็เริ่มเปิดโลงศพโบราณและนิมิตรของเก้าญาณวิเศษลึกลับที่ปรากฏออกมานอกโลงศพได้หายไปทันที
ในบริเวณนี้มีภูเขามากกว่าห้าสิบแห่งตั้งตระหง่านเรียงกันในบริเวณรอบๆ กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงคล้ายกับเผชิญหน้ากับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
ในขณะนี้ ค่ายกลที่แกะสลักโดยจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อู๋เป่ยได้แสดงออกถึงความลึกลับสูงสุด และแสงสีทองของมันได้ปลดปล่อยขึ้นสู่ความว่างเปล่าพร้อมกับทำให้สถานที่แห่งนี้สงบลงอย่างรวดเร็ว
“ถอยออกไป”
ชายชราผู้บ้าคลั่งพูดเบาๆ เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว หากเขาต้องการตำราวิเศษฉบับสมบูรณ์ มันมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นคือการเปิดโลงศพนี้
“เปิด”
หลายคนถอยหลังไปเรื่อยๆ ชายชราผู้บ้าคลั่งคำรามอย่างสุดกำลังและออกแรงทั้งหมดเพื่องัดฝาของโลงศพขึ้น
"บูม"
แรงกดดันที่ทำให้หายใจไม่ออกพุ่งขึ้นไปบนฟ้าและเปลี่ยนให้ดินแดนแห่งนี้ดำมืดลงราวกับเป็นเวลากลางคืน
หลี่เหอซุยและจักรพรรดิดำนิ่งสนิท ภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถพูดได้ ร่างกายของพวกเขาถูกปิดผนึกไว้อย่างสมบูรณ์ และเลือดกำลังไหลทะลักออกมาจากทวารทั้งเจ็ดบนใบหน้าของพวกเขา
"ครืน"
เส้นบางๆ พันกันและลวดลายที่แกะสลักโดยจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่มีเริ่มขยับพร้อมทั้งปลดปล่อยแสงเพลิงออกมาครอบคลุมโลงศพโบราณแห่งนี้
ในเวลาเดียวกันตำราผนึกเทพที่อยู่กลางหน้าผาก็ได้ปลดปล่อยแสงสีทองเข้าควบคุมโลงศพโบราณอีกชั้นหนึ่ง คล้ายกับว่ามันไม่มีทางที่จะปล่อยให้สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายในโลงศพหนีออกไปได้
เมื่อถึงจุดนี้ไอสังหารที่กำลังจะรั่วไหลออกมาก็ถูกดึงดูดกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว และภายใต้การดิ้นรนของมันนั้นได้ทำให้เย่ฟ่านและคนรู้สึกทนไม่ไหว
“ไอสังหารเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของข้า”
หลี่เหอซุยหมดแรง ร่างกายของเขากำลังจะแตก เขารีบหยิบยาศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมาจากเย่ฟ่านใส่ปากของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ขนสีดำของสุนัขตัวใหญ่สีดำกำลังจะร่วง และตอนนี้มันเกือบจะหัวโล้นอย่างสมบูรณ์แล้ว
เย่ฟ่านยังคงสบายดี ส่วนใหญ่แรงกดดันทางกายภาพนั้นไม่สามารถทำอะไรต่อร่างศักดิ์สิทธิ์เช่นเขาได้อย่างแน่นอน เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ถูกคุ้มกันไว้ตรงกลางก็ปลอดภัยเช่นกัน
เด็กหญิงตัวเล็กๆ มองซ้ายมองขวาก่อนที่สายตาของนางจะจับจ้องไปยังบางสิ่งบางอย่างซึ่งอยู่ในโลงศพโบราณแห่งนั้น
"เก้าญาณวิเศษลึกลับ"
"โอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว จะทำได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโอกาสของตัวเจ้าเอง"
พวกเขารีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วก่อนจะนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหน้าของโรงศพโดยไม่กล้ายื่นมือเข้าไปแตะต้องตำราโบราณเล่มนั้น
ส่วนสิ่งที่อยู่ในโลงศพโบราณถูกเปิดออกแล้ว และพวกเขาไม่กล้ามองดูสิ่งอื่นนอกเหนือจากเก้าญาณวิเศษลึกลับ นี่คือสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ตั้งแต่เข้าสู่หน้าผาศักดิ์สิทธิ์
“ข้าไม่เข้าใจเลย”
หลังจากที่หลี่เหอซุยดื่มชาแห่งการรู้แจ้ง เขาก็พยายามใช้สมาธิอย่างเต็มที่แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย
จักรพรรดิดำยิ่งกังวลและสาปแช่งไม่หยุด “ให้ตายสิ นี่เป็นทักษะลับสุดยอดที่สร้างขึ้นสำหรับสัตว์สองขา จักรพรรดิคนนี้ไม่สามารถเข้าใจได้เว้นแต่จะแปลงร่างเป็นมนุษย์”
จักรพรรดิดำพูดจบก็ยืนสองเท้าเหมือนมนุษย์และคำรามขึ้นสู่สวรรค์
“ถ้าไม่ใช่เพราะวิชาศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้ มันไม่มีทางที่ข้าจะยอมเสียศักดิ์ศรีกลายเป็นมนุษย์ได้”
"วิธีการเช่นนี้ก็ทำได้ด้วยหรือ..."
หลี่เหอซุยตะลึง แล้วความมั่นใจของเขาก็กลับมาอีกครั้ง แม้แต่สุนัขก็ยังมีความพยายามโดยไม่คิดจะล้มเลิก ตัวเขาที่เป็นมนุษย์ชัดๆจะยอมแพ้หมาตัวหนึ่งได้อย่างไร
ชายชราผู้บ้าคลั่งไม่เคลื่อนไหว ราวกับว่าเขากลายเป็นหินไปแล้ว เมื่อมองขึ้นไปที่แผนเต๋าเก้าญาณวิเศษลึกลับ จิตใจของเขาก็จงเข้าสู่สมาธิอย่างรวดเร็ว
หัวใจของเย่ฟ่านตกตะลึง เก้าญาณวิเศษลึกลับนั้นยากจะเข้าใจ และฝีเท้าของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวนก็เป็นเพียงเนื้อหาส่วนเล็กๆ เท่านั้น
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่การการฝึกฝนญาณวิเศษชนิดนี้จะทำให้มนุษย์สามารถเดินทางข้ามกาลเวลาได้ มันลึกลับและคาดเดาไม่ได้จริงๆ ข้าเกรงว่าต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตฝึกฝนก็ไม่มีทางฝึกได้สำเร็จ”