ตอนที่ 105 คนดี
สุดท้าย ไป่เล่ยก็ไม่สู้กับกู่ฉางเกอภายในหอคอย
การตัดสินใจถอยของเขาทำให้อัจฉริยะหลายคนผิดหวัง เพราะพวกเขาอยากเห็นพลังของกู่ฉางเกอด้วยตาตัวเอง
แต่พวกเขาก็รู้ว่าการถอยของไป่เล่ยสมเหตุสมผล ถ้าไม่ใช่เพราะคู่หมั้นเขา หยินเม่ยที่มาหยุด เขาคงไม่มีทางเลือกนอกจากสู้
เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งสองคืออัจฉริยะสูงสุด ช่องว่างเล็กน้อยในฐานบ่มเพาะพวกเขาจึงหมายถึงความห่างชั้นในพลังต่อสู้จริง
เนื่องจากไป่เล่ยยังไม่ทะลวงไปอาณาจักรจักรพรรดิขั้นกลาง พวกเขาจึงไม่เชื่อว่าเขาจะอยากปะทะกับกู่ฉางเกอ
ในยุคปัจจุบัน ใครบ้างที่ไม่กลัวกู่ฉางเกอ?
แน่นอน พลังของไป่เล่ยไม่อาจกังขาได้!เหนือสิ่งอื่นใด วิชาทำลายล้างทองคำของเขาคือสิ่งที่หลายคนอิจฉา
สุดท้าย พองานเลี้ยงจบ ไป่เล่ยก็มองกู่ฉางเกอด้วยสายตาเย็นชาและกลับไปโดยไม่พูดสักคำ มันราวกับเขาจะจำหน้าของศัตรูคู่แค้นไว้และจะไม่ปล่อยวางจนกว่าจะได้แก้แค้น
กู่ฉางเกอไม่ตอบสนองต่อการกระทำของเขา และเอาแต่จิบสุรา
“ศิษย์พี่กู่ โปรดให้อภัยหยินเม่ยด้วย”
จากนั้น หยินเม่ยก็มาขอโทษกู่ฉางเกอ จากนั้น โดยไม่รอคำตอบของกู่ฉางเกอ นางรีบตามไป่เล่ยที่ออกไปข้างนอกหอคอย
ชุดเดรสสีแดงของนางพริ้วสะบัดและนางก็หายตัวไปผ่านประตูหอคอย
ฉากนี้ทำให้ทุกคนข้างในตกใจและพวกเขาก็กลัวว่ากู”ฉางเกอจะดกรธ
แต่พวกเขาก็เข้าใจเหตุผลที่หยินเม่ยไล่ตามไป่เล่ยได้ เหนือสิ่งอื่นใด นางคือคู่หมั้นเขา
นี่สมเหตุสมผล
“น้องกู่ เบื้องหลังไป่เล่ยเองก็มีตระกูลเซียนโบราณ ข้าได้ยินว่าราชันย์พยัคฆ์องค์ก่อนได้แตะธรณีของอาณาจักร’นั้น’แล้ว..”
ครั้งนี้ เย่หลางเทียนพูดด้วยใบหน้าเห็นห่วง หวังให้กู่ฉางเกอไม่ทำอะไรเกินเลย
ไม่จำเป็นต้องฉีกหน้าทั้งตระกูลเพราะเรื่องเล็กน้อย
“พี่เย่ ท่านกังวลมากไป นี่คือเรื่องส่วนตัวของศิษย์น้องหยินเม่ย ทำไมข้าต้องใส่ใจ?”
กู่ฉางเกอตอบด้วยรอยยิ้มไม่แยแส
มันดันว่าเขาไม่โกรธกับการไปของหยินเม่ยและมันก็ทำให้คนโดยรอบยากจะคาดเดาความคิดในหัวเขา
พวกเขาทำได้แค่ถอนหายใจ กู่ฉางเกอคือคนน่ากลัวที่ไม่แสดงความสุขหรือโกรธบนหน้าเลย
แต่ทว่า จากวันนี้ไป พวกเขาเดาว่า หยินเม่ยคงมีชีวิตไม่ดีนักในวังเต๋า
หลังจากนั้น ทุกคนก็เริ่มคุยกันถึงการกำเนิดของสมบัติเทพในส่วนลึกของวังเต๋าและบางคนยังถามข้อมูลจากกู่ฉางเกอ หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือของเขา
หลังไป่เล่ยไป บรรยากาศภายในหอคอยก็ดีขึ้นมาก
อัจฉริยะหลายคนเริ่มหาทางเอาใจกู่ฉางเกอโดยการด่าไป่เล่ย
กู่ฉางเกอแสดงรอยยิ้มกับคำพูดพวกเขาและเย่หลิวลี่ ผู้นั่งใกล้ๆเองก็อดขนลุกไม่ได้พอเห็นรอยยิ้มลึกลับของเขา
..
[อีกด้าน ด้านนอกของหอคอยประชันสวรรค์]
ความไม่สบายใจเกาะกุมหัวใจเขาแม้ว่าเขาจะออกหอคอยมาแล้ว
ตอนนี้ เขาอดใจไม่ไหวที่จะไปพบน้องชายแสนดีของเขา เย่หลิงเพื่อคุยถึงทุกสิ่งเพื่อระบายความโกรธ ถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น เขาจะไม่สามารถระบายความโกรธและระงับจิตสังหารในใจได้
กู่ฉางเกอทำให้เขาอับอายมากในวันนี้ เขาปรารถนาจะทำลายฐานบ่มเพาะอีกฝ่ายและเหยียบกู่ฉางเกอให้ตาย!
ทว่า ไป่เล่ยรู้ศักยภาพเขาดี
มากสุดเขาก็ทำได้แค่จินตนาการภาพตัวเองชนะกู่ฉางเกอ
ด้วยความสามารถปัจจุบันเขา นับประสาอะไรกับการฆ่า เขาอาจเอาชนะไม่ได้ด้วยซ้ำ
‘เขาคืองูเจ้าถิ่นของวังเตต๋า ทุกคนต้องไว้หน้าเขา!สารเลวนั่น’
‘แม้แต่หยินเม่ยก็ต้องจำนนต่อเขา ทว่า!นางคือศิษย์ของวังเต๋าอมตะสวรรค์ ข้าสามารถเข้าใจความลำบากใจของนางได้’
ไป่เล่ยสงบลงหลังคิดเช่นนี้
เหนือสิ่งอื่นใด หยินเม่ยไม่มีทางเลือก
ในเวลาเดียวกัน เขาก็วางแผนกลับไปที่พักเขาในเมืองโบราณเต๋าสวรรค์ เหนือสิ่งอื่นใด โอกาสภายในวังเต๋ายังรอพวกเขาอยู่ เขาไม่สามารถไปได้ตอนนี้
จากัน้น ไป่เล่ยก็สังเกตเห็นเสียงเท้าด้านหลังเขา ทันทีที่เขาหันไป เขาก็ต้องตกตะลึง
ร่างในชุดแดงวิ่งตามเขามา
หางจิ้งจอกสีขาวฟู่ฟองทั้งเก้าเปล่งแสงสว่างภายในอ้อมแขนนาง
นางมีเสน่ห์ล้นเหลือและคนก็สามารถเห็นความรู้สึกผิดบนใบหน้างดงามของนางได้
คนที่มาไม่ใช่ใครนอกจากหยินเม่ย
ไป่เล่ยพลันมีความสุขหลังเห็นคู่หมั้นไล่ตามเขามา
เหนือสิ่งอื่นใด การทำเช่นนี้ก็หมายความว่านางทำให้กู่ฉางเกอเสียหน้าอย่างขีดสุด!
นางจะอยู่รอดในวังเต๋าได้ไงในอนาคต?
“หยินเม่ย..”
ไป่เล่ยตื่นเต้นมากและอดพยายามจะจับมือของสาวงามตรงหน้าเขาไม่ได้
พูดก็พูด นี่ถือเป็นการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างทั้งสอง ถ้าไม่นับเรื่องในหอคอย
ทั้งสองไม่เคยพูดอะไรต่อกันเลย
แต่หัวใจของไป่เล่ยก็ยังเบ่งบานด้วยความสุข
และถ้าเขาพิจารณาว่านางกล้าต่อต้านกู่ฉางเกอเพื่อเขาภายในวังเต๋า เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าหยินเม่ยไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาคิดจะให้เป็นได้ตามใจตต้องการ
ในทางกลับกัน หยินเม่ยกลับก้าวถอยเงียบๆและยืนห่างจากเขาสามเมตร ไม่ยอมให้ไป่เล่ยแตะตัวนาง
“ข้าขอโทษต่อเรื่องที่เกิดวันนี้!มันเป็นเพราะหยินเม่ยไม่คิดให้ดี ข้าไม่คิดว่าศิษย์พี่กู่จะทำอะไรแบบนั้น”
หยินเม่ยพูดด้วยสีหน้าขอโทษ
ไป่เล่ยยืนอายตอนเห็นว่าหยินเม่ยไม่ยอมให้เขาแตะตัวนาง แต่จากนั้นเขาก็ตระหนักว่านี่คือการพบกันครั้งแรก มันหยาบคายเกินไปสำหรับเขาที่จู่ๆจะไปจับมือนาง
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ส่ายหัว”ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจเจ้า เหนือสิ่งอื่นใด เจ้าคือศิษย์ของวังเต๋าอมตะสวรรค์ และกู่ฉางเกอนั่นก็ถือได้ว่าบดบังท้องฟ้าเหนือวังเต๋าด้วยมือเดียว ข้าได้ยินว่าแม้แต่ผู้อาวุโสของวังก็ไม่กล้ายั่วยุเขา!ข้าซึ้งใจมากที่เจ้ายืนหยัดเพื่อข้า’
ไป่เล่ยกำลังพูดความจริง
ตอนนี้ที่หยินเม่ยตามเขามา การกระทำของนางจึงไขข้อสงสัยทั้งหมดในใจเขา
หยินเม่ยดูเหมือนจะประทับใจเขา“ข้ากลัวว่าท่านอาจเข้าใจข้าผิด แต่คำพูดของท่านทำให้ข้าสบายใจ ข้าไม่สามารถออกวังเต๋าได้เพราะการกำเนิดของสมบัติสวรรค์ เราทำได้แค่รออีกหน่อย!เมื่อเรื่องของสมบัตินี้สะสาง ข้าจะออกวังเต๋าทันทีและกลับตระกูล ศิษย์พี่กู่จะไม่สามารถทำอะไรข้าได้อีก”
“ดี ข้าเข้าใจ!เรื่องของสมบัติคือสิ่งสำคัญสุดตอนนี้ ทุกอย่างไว้ค่อยคุยทีหลังได้ เมื่อข้าทะลวงไปอาณาจักรจักรพรรดิขั้นกลาง ข้าจะจัดการกู่ฉางเกอเอง..”
“ข้าจะทำให้มันเสียใจที่มารังแกเจ้า!”
ไป่เล่ยพยักหน้าและตอบนางด้วยสีหน้ามั่นใจ
เหนือสิ่งอื่นใด เขากำลังยืนต่อหน้าคู่หมั้นเขา เขาต้องพูดคำโตให้ตัวเองดูดีบ้าง
แถม การพูดคำเหล่านี้ต่อหน้านางจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเขาเองด้วย
นอกจากนี้ คนเขาพูดกันว่าผู้หญิงชอบผู้ชายที่มั่นใจในตัวเองนี่?
ไป่เล่ยได้คิดวิธีทำให้กู่ฉางเกออับอายไว้แล้ว
“ดี!ข้าเชื่อในตัวท่าน”
หยินเม่ยแสดงสีหน้ามั่นใจ และตอบกลับ
“ว่าแต่ ชีวิตเจ้าในวังเต๋าจะไม่แย่หรือ?ข้าเป็นห่วงเจ้า”
ไป่เล่ยพูด
เหนือสิ่งอื่นใด เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่เกาะกุมใจเขาว่าตอนนี้หยินเม่ยกำลังจะลำบากภายในวังเต๋าเพราะเขา
ในเวลาเดียวกัน ความเกลียดชังที่เขามีต่อกู่ฉางเกอก็เพิ่มขึ้น
หยินเม่ยส่ายหัว“ยังไงข้าก็เป็นศิษย์แท้จริงของวังเต๋า ศิษย์พี่กู่ไม่สามารถข่มเหงข้าได้มากเกินไป”
หลังจากนั้น นางก็เหลือบมองไปทางหอคอยและพูดต่อ“มันได้เวลาที่ข้าต้องกลับไปแล้วเพราะมันคงหยาบคายต่ออัจฉริยะคนอื่นที่ข้าออกมานานขนาดนี้”
ไป่เล่ยอยากรั้งหยินเม่ยไว้นานกว่านี้ แต่หลังได้ยินคำพูดนาง เขาก็อดปิดปากไม่ได้ หลังจากนั้น สุดท้ายเขาก็นำหยกรูปพยัคฆ์ออกมาและส่งให้หยินเม่ย“ช่วงนี้ข้าจะอยู่ในเมืองโบราณเต๋าสวรรค์ เจ้าสามารถติดต่อข้าได้ผ่านหยกนี้ถ้าเจ้าอยากเจอข้า”
หยินเม่ยลังเลสักพักหลังได้ยินแต่จากนั้นก็รับหยกมา
หลังจากนั้น นางก็เดินกลับไปในหอคอย
ใบหน้าขอโทษและประทับใจของนางหายไปทันที มันมีแต่ความเย้ยหยัยและดูถูกประทับหน้านาง
นางไม่พอใจการหมั้นหมายนี้ที่ตระกูลจัดการให้นางอยู่แล้ว และตั้งตารอจะกำจัดมัน เหนือสิ่งอื่นใด ทำไมนางถึงขังตัวเองในวังเต๋าเพื่อบ่มเพาะและไม่เคยกลับตระกูล?
คู่หมั้นที่นางไม่เคยเจอหน้ามาก่อน..แม้จะเป็นอัจฉริยะสูงสุด และนายน้อยที่ทรงอำนาจสุดของตระกูลพยัคฆ์ขาวในรอบหมื่นปี หยินเม่ยก็ไม่สนใจ
ตอนนี้ที่ไป่เล่ยไปตอแยกู่ฉางเกอ และอ้างว่าจะไม่หยุดจนกว่าจะได้ฆ่าอีกฝ่าย นางจะพูดอะไรได้อีกนอกจากว่าเขากำลังขุดหลุมฝังศพตัวเอง
สำหรับความเห็นใจหรือความรู้สึกอื่นที่มีต่อเขา?นางไม่มีเลย
ทุกอย่างแค่เป็นไปตามทางที่นางปรารถนา
‘เจ้านะหรือจะสู้เขาได้แค่เพราะเจ้าทะลวงไปอาณาจักรจักรพรรดิขั้นกลาง?’
หยินเม่ยอดหัวเราะไม่ได้พอนึกถึงคำประกาศของไป่เล่ย
เขาไร้เดียงสาเกินไป
นางสงสัยว่าไป่เล่ยจะไม่สามารถรับมือสามกระบวนท่าจากกู่ฉางเกอได้ด้วยซ้ำถ้าสู้กันจริง
แถม กู่ฉางเกอยังมีไพ่ตายมากมายที่สามารถส่งอัจฉริยะสูงสุดไปลงนรกได้
นางเดาว่าเหตุผลที่กู่ฉางเกอไม่กำจัดไป่เล่ยทันทีคงเพราะเขาสนใจในวิชาทำลายล้างทองคำ
เหนือสิ่งอื่นใด นางทำงานให้กู่ฉางเกอมาหลายปี นางจึงพอเข้าใจดีว่ากู่ฉางเกอต้องการทรัพยากรบ่มเพาะแบบไหน
‘ข้าได้ยินว่าน้องชายเย่หลิงจะมาเมืองโบราณเต๋าสวรรค์ในไม่ช้า ข้าต้องไปนั่งคุยกับเขา’
ผู้บ่มเพาะหลายคนเดินผ่านถนนที่พวกเขาเพิ่งคุยกัน สุดท้ายไป่เล่ยก็ละสายตาจากหยินเม่ยและยิ้ม
หลังจากนั้น เขาก็วางแผนไปพบน้องชายเขา เย่หลิงเพื่อคุยเรื่องการกำเนิดของสมบัติสวรรค์
...
เมื่องานเลี้ยงหมื่นเต๋าสิ้นสุด อัจฉริยะทั้งหมดก็อำลากันและออกหอคอยไปที่พักตัวเอง
สิ่งที่เกิดภายในวันนี้กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วและลากความสนใจนับไม่ถ้วน ความจริงที่นายน้อยตระกูลพยัคฆ์ขาวไม่กล้าแตกหักกับกู่ฉางเกอทำให้หลายคนผิดหวัง
ไป่เล่ยสามารถเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่มีทางชนะได้หลังกู่ฉางเกอไว้หน้าศิษย์น้องหญิงของเขา
ในเวลาเดียวกัน โลกก็ได้เห็นว่ากู่ฉางเกอมีอำนาจแค่ไหนในวังเต๋า
การพูดว่าเขาบดบังท้องฟ้าเหนือวังด้วยมือเดียวไม่ใช่เรื่องเกินจริง!
..
[ภายในวังหรูหรา]
กู่ฉางเกอลูบหางสีขาวหิมะด้วยมือหนึ่ง และในอีกมือ เขาถือหยกรูปพยัคฆ์ไว้ ซึ่งเขามองมันด้วยสายตาสนใจ
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ถาม“เขาพูดแบบนั้นแน่นะ?”
“ข้าไม่กล้าปิดบังจากนายท่านอยู่แล้ว!นั่นคือสิ่งที่ไป่เล่ยพูด เขามอบหยกนี้ให้ข้าและบอกว่าข้าสามารถหาตัวเขาได้โดยใช้สิ่งนี้”
หยินเม่ยตอบด้วยความเคารพ และทวนคำพูดซ้ำ
“ดี ดี ดี!ข้ากำลังสงสัยพอดีว่าจะหาตัวเย่หลิงนั่นได้ไง และไป่เล่ยผู้นี้ก็ส่งของมาให้ข้าแล้ว!เขาเป็นคนดีจริงๆ”
กู่ฉางเกอพยักหน้า
ตอนนี้ ไป่เล่ยคือคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับเย่หลิง เขาจึงต้องพึ่งพาไป่เล่ยเพื่อหาเย่หลิง แน่นอน ไป่เล่ยยังมีของที่กู่ฉางเกอปรารถนาด้วย’พรสวรรค์กำเนิดของเขา วิชาทำลายล้างทองคำ!’
หยินเม่ยสับสนกับคำพูดของกู่ฉางเกอ แต่ไม่กล้าถาม
นางไม่กล้าถามอะไรเขามาก เหนือสิ่งอื่นใด บางสิ่งดีกว่าที่จะไร้คำอธิบาย นางคือหญิงฉลาดที่เข้าใจดี
ตราบเท่าที่นางไม่คิดทรยศกู่ฉางเกอ กู่ฉางเกอจะไม่ฆ่านาง
ชีวิตของนางมีประโยชน์ต่อเขามากกว่าศพ
“วันนี้เจ้าทำได้ดีมาก จับตาดูที่อยู่ของไป่เล่ยไว้ และรายงานข้าทันทีถ้าเขาติดต่อกับชายที่ชื่อเย่หลิง”
กู่ฉางเกอสั่ง
“ขอบคุณสำหรับคำชม นายท่าน!หยินเม่ยจะทำตามที่ท่านสั่ง”
หยินเม่ยรีบตอบ
สำหรับว่าเย่หลิงเป็นใคร?นางได้รู้เกี่ยวกับเขาจากคำอธิบายของเย่หลางเทียนที่งานเลี้ยงแล้ว
ในฐานะสตรีศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง นางมีหูตาอยู่ทั่ว มันไม่ยากสำหรับนางที่จะแกะรอยที่อยู่คนคนเดียว