ตอนที่แล้วตอนที่ 104 ถูกกู่ฉางเกอบังคับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 106 ข้าจะฆ่าใครก็ตามที่เจ้าอยากฆ่า

ตอนที่ 105 คนดี


สุดท้าย ไป่เล่ยก็ไม่สู้กับกู่ฉางเกอภายในหอคอย

การตัดสินใจถอยของเขาทำให้อัจฉริยะหลายคนผิดหวัง เพราะพวกเขาอยากเห็นพลังของกู่ฉางเกอด้วยตาตัวเอง

แต่พวกเขาก็รู้ว่าการถอยของไป่เล่ยสมเหตุสมผล ถ้าไม่ใช่เพราะคู่หมั้นเขา หยินเม่ยที่มาหยุด เขาคงไม่มีทางเลือกนอกจากสู้

เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งสองคืออัจฉริยะสูงสุด ช่องว่างเล็กน้อยในฐานบ่มเพาะพวกเขาจึงหมายถึงความห่างชั้นในพลังต่อสู้จริง

เนื่องจากไป่เล่ยยังไม่ทะลวงไปอาณาจักรจักรพรรดิขั้นกลาง พวกเขาจึงไม่เชื่อว่าเขาจะอยากปะทะกับกู่ฉางเกอ

ในยุคปัจจุบัน ใครบ้างที่ไม่กลัวกู่ฉางเกอ?

แน่นอน พลังของไป่เล่ยไม่อาจกังขาได้!เหนือสิ่งอื่นใด วิชาทำลายล้างทองคำของเขาคือสิ่งที่หลายคนอิจฉา

สุดท้าย พองานเลี้ยงจบ ไป่เล่ยก็มองกู่ฉางเกอด้วยสายตาเย็นชาและกลับไปโดยไม่พูดสักคำ มันราวกับเขาจะจำหน้าของศัตรูคู่แค้นไว้และจะไม่ปล่อยวางจนกว่าจะได้แก้แค้น

กู่ฉางเกอไม่ตอบสนองต่อการกระทำของเขา และเอาแต่จิบสุรา

“ศิษย์พี่กู่ โปรดให้อภัยหยินเม่ยด้วย”

จากนั้น หยินเม่ยก็มาขอโทษกู่ฉางเกอ จากนั้น โดยไม่รอคำตอบของกู่ฉางเกอ นางรีบตามไป่เล่ยที่ออกไปข้างนอกหอคอย

ชุดเดรสสีแดงของนางพริ้วสะบัดและนางก็หายตัวไปผ่านประตูหอคอย

ฉากนี้ทำให้ทุกคนข้างในตกใจและพวกเขาก็กลัวว่ากู”ฉางเกอจะดกรธ

แต่พวกเขาก็เข้าใจเหตุผลที่หยินเม่ยไล่ตามไป่เล่ยได้ เหนือสิ่งอื่นใด นางคือคู่หมั้นเขา

นี่สมเหตุสมผล

“น้องกู่ เบื้องหลังไป่เล่ยเองก็มีตระกูลเซียนโบราณ ข้าได้ยินว่าราชันย์พยัคฆ์องค์ก่อนได้แตะธรณีของอาณาจักร’นั้น’แล้ว..”

ครั้งนี้ เย่หลางเทียนพูดด้วยใบหน้าเห็นห่วง หวังให้กู่ฉางเกอไม่ทำอะไรเกินเลย

ไม่จำเป็นต้องฉีกหน้าทั้งตระกูลเพราะเรื่องเล็กน้อย

“พี่เย่ ท่านกังวลมากไป นี่คือเรื่องส่วนตัวของศิษย์น้องหยินเม่ย ทำไมข้าต้องใส่ใจ?”

กู่ฉางเกอตอบด้วยรอยยิ้มไม่แยแส

มันดันว่าเขาไม่โกรธกับการไปของหยินเม่ยและมันก็ทำให้คนโดยรอบยากจะคาดเดาความคิดในหัวเขา

พวกเขาทำได้แค่ถอนหายใจ กู่ฉางเกอคือคนน่ากลัวที่ไม่แสดงความสุขหรือโกรธบนหน้าเลย

แต่ทว่า จากวันนี้ไป พวกเขาเดาว่า หยินเม่ยคงมีชีวิตไม่ดีนักในวังเต๋า

หลังจากนั้น ทุกคนก็เริ่มคุยกันถึงการกำเนิดของสมบัติเทพในส่วนลึกของวังเต๋าและบางคนยังถามข้อมูลจากกู่ฉางเกอ หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือของเขา

หลังไป่เล่ยไป บรรยากาศภายในหอคอยก็ดีขึ้นมาก

อัจฉริยะหลายคนเริ่มหาทางเอาใจกู่ฉางเกอโดยการด่าไป่เล่ย

กู่ฉางเกอแสดงรอยยิ้มกับคำพูดพวกเขาและเย่หลิวลี่ ผู้นั่งใกล้ๆเองก็อดขนลุกไม่ได้พอเห็นรอยยิ้มลึกลับของเขา

..

[อีกด้าน ด้านนอกของหอคอยประชันสวรรค์]

ความไม่สบายใจเกาะกุมหัวใจเขาแม้ว่าเขาจะออกหอคอยมาแล้ว

ตอนนี้ เขาอดใจไม่ไหวที่จะไปพบน้องชายแสนดีของเขา เย่หลิงเพื่อคุยถึงทุกสิ่งเพื่อระบายความโกรธ ถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น เขาจะไม่สามารถระบายความโกรธและระงับจิตสังหารในใจได้

กู่ฉางเกอทำให้เขาอับอายมากในวันนี้ เขาปรารถนาจะทำลายฐานบ่มเพาะอีกฝ่ายและเหยียบกู่ฉางเกอให้ตาย!

ทว่า ไป่เล่ยรู้ศักยภาพเขาดี

มากสุดเขาก็ทำได้แค่จินตนาการภาพตัวเองชนะกู่ฉางเกอ

ด้วยความสามารถปัจจุบันเขา นับประสาอะไรกับการฆ่า เขาอาจเอาชนะไม่ได้ด้วยซ้ำ

‘เขาคืองูเจ้าถิ่นของวังเตต๋า ทุกคนต้องไว้หน้าเขา!สารเลวนั่น’

‘แม้แต่หยินเม่ยก็ต้องจำนนต่อเขา ทว่า!นางคือศิษย์ของวังเต๋าอมตะสวรรค์ ข้าสามารถเข้าใจความลำบากใจของนางได้’

ไป่เล่ยสงบลงหลังคิดเช่นนี้

เหนือสิ่งอื่นใด หยินเม่ยไม่มีทางเลือก

ในเวลาเดียวกัน เขาก็วางแผนกลับไปที่พักเขาในเมืองโบราณเต๋าสวรรค์ เหนือสิ่งอื่นใด โอกาสภายในวังเต๋ายังรอพวกเขาอยู่ เขาไม่สามารถไปได้ตอนนี้

จากัน้น ไป่เล่ยก็สังเกตเห็นเสียงเท้าด้านหลังเขา ทันทีที่เขาหันไป เขาก็ต้องตกตะลึง

ร่างในชุดแดงวิ่งตามเขามา

หางจิ้งจอกสีขาวฟู่ฟองทั้งเก้าเปล่งแสงสว่างภายในอ้อมแขนนาง

นางมีเสน่ห์ล้นเหลือและคนก็สามารถเห็นความรู้สึกผิดบนใบหน้างดงามของนางได้

คนที่มาไม่ใช่ใครนอกจากหยินเม่ย

ไป่เล่ยพลันมีความสุขหลังเห็นคู่หมั้นไล่ตามเขามา

เหนือสิ่งอื่นใด การทำเช่นนี้ก็หมายความว่านางทำให้กู่ฉางเกอเสียหน้าอย่างขีดสุด!

นางจะอยู่รอดในวังเต๋าได้ไงในอนาคต?

“หยินเม่ย..”

ไป่เล่ยตื่นเต้นมากและอดพยายามจะจับมือของสาวงามตรงหน้าเขาไม่ได้

พูดก็พูด นี่ถือเป็นการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างทั้งสอง ถ้าไม่นับเรื่องในหอคอย

ทั้งสองไม่เคยพูดอะไรต่อกันเลย

แต่หัวใจของไป่เล่ยก็ยังเบ่งบานด้วยความสุข

และถ้าเขาพิจารณาว่านางกล้าต่อต้านกู่ฉางเกอเพื่อเขาภายในวังเต๋า เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าหยินเม่ยไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาคิดจะให้เป็นได้ตามใจตต้องการ

ในทางกลับกัน หยินเม่ยกลับก้าวถอยเงียบๆและยืนห่างจากเขาสามเมตร ไม่ยอมให้ไป่เล่ยแตะตัวนาง

“ข้าขอโทษต่อเรื่องที่เกิดวันนี้!มันเป็นเพราะหยินเม่ยไม่คิดให้ดี ข้าไม่คิดว่าศิษย์พี่กู่จะทำอะไรแบบนั้น”

หยินเม่ยพูดด้วยสีหน้าขอโทษ

ไป่เล่ยยืนอายตอนเห็นว่าหยินเม่ยไม่ยอมให้เขาแตะตัวนาง แต่จากนั้นเขาก็ตระหนักว่านี่คือการพบกันครั้งแรก มันหยาบคายเกินไปสำหรับเขาที่จู่ๆจะไปจับมือนาง

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ส่ายหัว”ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจเจ้า เหนือสิ่งอื่นใด เจ้าคือศิษย์ของวังเต๋าอมตะสวรรค์ และกู่ฉางเกอนั่นก็ถือได้ว่าบดบังท้องฟ้าเหนือวังเต๋าด้วยมือเดียว ข้าได้ยินว่าแม้แต่ผู้อาวุโสของวังก็ไม่กล้ายั่วยุเขา!ข้าซึ้งใจมากที่เจ้ายืนหยัดเพื่อข้า’

ไป่เล่ยกำลังพูดความจริง

ตอนนี้ที่หยินเม่ยตามเขามา การกระทำของนางจึงไขข้อสงสัยทั้งหมดในใจเขา

หยินเม่ยดูเหมือนจะประทับใจเขา“ข้ากลัวว่าท่านอาจเข้าใจข้าผิด แต่คำพูดของท่านทำให้ข้าสบายใจ ข้าไม่สามารถออกวังเต๋าได้เพราะการกำเนิดของสมบัติสวรรค์ เราทำได้แค่รออีกหน่อย!เมื่อเรื่องของสมบัตินี้สะสาง ข้าจะออกวังเต๋าทันทีและกลับตระกูล ศิษย์พี่กู่จะไม่สามารถทำอะไรข้าได้อีก”

“ดี ข้าเข้าใจ!เรื่องของสมบัติคือสิ่งสำคัญสุดตอนนี้ ทุกอย่างไว้ค่อยคุยทีหลังได้ เมื่อข้าทะลวงไปอาณาจักรจักรพรรดิขั้นกลาง ข้าจะจัดการกู่ฉางเกอเอง..”

“ข้าจะทำให้มันเสียใจที่มารังแกเจ้า!”

ไป่เล่ยพยักหน้าและตอบนางด้วยสีหน้ามั่นใจ

เหนือสิ่งอื่นใด เขากำลังยืนต่อหน้าคู่หมั้นเขา เขาต้องพูดคำโตให้ตัวเองดูดีบ้าง

แถม การพูดคำเหล่านี้ต่อหน้านางจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเขาเองด้วย

นอกจากนี้ คนเขาพูดกันว่าผู้หญิงชอบผู้ชายที่มั่นใจในตัวเองนี่?

ไป่เล่ยได้คิดวิธีทำให้กู่ฉางเกออับอายไว้แล้ว

“ดี!ข้าเชื่อในตัวท่าน”

หยินเม่ยแสดงสีหน้ามั่นใจ และตอบกลับ

“ว่าแต่ ชีวิตเจ้าในวังเต๋าจะไม่แย่หรือ?ข้าเป็นห่วงเจ้า”

ไป่เล่ยพูด

เหนือสิ่งอื่นใด เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่เกาะกุมใจเขาว่าตอนนี้หยินเม่ยกำลังจะลำบากภายในวังเต๋าเพราะเขา

ในเวลาเดียวกัน ความเกลียดชังที่เขามีต่อกู่ฉางเกอก็เพิ่มขึ้น

หยินเม่ยส่ายหัว“ยังไงข้าก็เป็นศิษย์แท้จริงของวังเต๋า ศิษย์พี่กู่ไม่สามารถข่มเหงข้าได้มากเกินไป”

หลังจากนั้น นางก็เหลือบมองไปทางหอคอยและพูดต่อ“มันได้เวลาที่ข้าต้องกลับไปแล้วเพราะมันคงหยาบคายต่ออัจฉริยะคนอื่นที่ข้าออกมานานขนาดนี้”

ไป่เล่ยอยากรั้งหยินเม่ยไว้นานกว่านี้ แต่หลังได้ยินคำพูดนาง เขาก็อดปิดปากไม่ได้ หลังจากนั้น สุดท้ายเขาก็นำหยกรูปพยัคฆ์ออกมาและส่งให้หยินเม่ย“ช่วงนี้ข้าจะอยู่ในเมืองโบราณเต๋าสวรรค์ เจ้าสามารถติดต่อข้าได้ผ่านหยกนี้ถ้าเจ้าอยากเจอข้า”

หยินเม่ยลังเลสักพักหลังได้ยินแต่จากนั้นก็รับหยกมา

หลังจากนั้น นางก็เดินกลับไปในหอคอย

ใบหน้าขอโทษและประทับใจของนางหายไปทันที มันมีแต่ความเย้ยหยัยและดูถูกประทับหน้านาง

นางไม่พอใจการหมั้นหมายนี้ที่ตระกูลจัดการให้นางอยู่แล้ว และตั้งตารอจะกำจัดมัน เหนือสิ่งอื่นใด ทำไมนางถึงขังตัวเองในวังเต๋าเพื่อบ่มเพาะและไม่เคยกลับตระกูล?

คู่หมั้นที่นางไม่เคยเจอหน้ามาก่อน..แม้จะเป็นอัจฉริยะสูงสุด และนายน้อยที่ทรงอำนาจสุดของตระกูลพยัคฆ์ขาวในรอบหมื่นปี หยินเม่ยก็ไม่สนใจ

ตอนนี้ที่ไป่เล่ยไปตอแยกู่ฉางเกอ และอ้างว่าจะไม่หยุดจนกว่าจะได้ฆ่าอีกฝ่าย นางจะพูดอะไรได้อีกนอกจากว่าเขากำลังขุดหลุมฝังศพตัวเอง

สำหรับความเห็นใจหรือความรู้สึกอื่นที่มีต่อเขา?นางไม่มีเลย

ทุกอย่างแค่เป็นไปตามทางที่นางปรารถนา

‘เจ้านะหรือจะสู้เขาได้แค่เพราะเจ้าทะลวงไปอาณาจักรจักรพรรดิขั้นกลาง?’

หยินเม่ยอดหัวเราะไม่ได้พอนึกถึงคำประกาศของไป่เล่ย

เขาไร้เดียงสาเกินไป

นางสงสัยว่าไป่เล่ยจะไม่สามารถรับมือสามกระบวนท่าจากกู่ฉางเกอได้ด้วยซ้ำถ้าสู้กันจริง

แถม กู่ฉางเกอยังมีไพ่ตายมากมายที่สามารถส่งอัจฉริยะสูงสุดไปลงนรกได้

นางเดาว่าเหตุผลที่กู่ฉางเกอไม่กำจัดไป่เล่ยทันทีคงเพราะเขาสนใจในวิชาทำลายล้างทองคำ

เหนือสิ่งอื่นใด นางทำงานให้กู่ฉางเกอมาหลายปี นางจึงพอเข้าใจดีว่ากู่ฉางเกอต้องการทรัพยากรบ่มเพาะแบบไหน

‘ข้าได้ยินว่าน้องชายเย่หลิงจะมาเมืองโบราณเต๋าสวรรค์ในไม่ช้า ข้าต้องไปนั่งคุยกับเขา’

ผู้บ่มเพาะหลายคนเดินผ่านถนนที่พวกเขาเพิ่งคุยกัน สุดท้ายไป่เล่ยก็ละสายตาจากหยินเม่ยและยิ้ม

หลังจากนั้น เขาก็วางแผนไปพบน้องชายเขา เย่หลิงเพื่อคุยเรื่องการกำเนิดของสมบัติสวรรค์

...

เมื่องานเลี้ยงหมื่นเต๋าสิ้นสุด อัจฉริยะทั้งหมดก็อำลากันและออกหอคอยไปที่พักตัวเอง

สิ่งที่เกิดภายในวันนี้กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วและลากความสนใจนับไม่ถ้วน ความจริงที่นายน้อยตระกูลพยัคฆ์ขาวไม่กล้าแตกหักกับกู่ฉางเกอทำให้หลายคนผิดหวัง

ไป่เล่ยสามารถเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่มีทางชนะได้หลังกู่ฉางเกอไว้หน้าศิษย์น้องหญิงของเขา

ในเวลาเดียวกัน โลกก็ได้เห็นว่ากู่ฉางเกอมีอำนาจแค่ไหนในวังเต๋า

การพูดว่าเขาบดบังท้องฟ้าเหนือวังด้วยมือเดียวไม่ใช่เรื่องเกินจริง!

..

[ภายในวังหรูหรา]

กู่ฉางเกอลูบหางสีขาวหิมะด้วยมือหนึ่ง และในอีกมือ เขาถือหยกรูปพยัคฆ์ไว้ ซึ่งเขามองมันด้วยสายตาสนใจ

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ถาม“เขาพูดแบบนั้นแน่นะ?”

“ข้าไม่กล้าปิดบังจากนายท่านอยู่แล้ว!นั่นคือสิ่งที่ไป่เล่ยพูด เขามอบหยกนี้ให้ข้าและบอกว่าข้าสามารถหาตัวเขาได้โดยใช้สิ่งนี้”

หยินเม่ยตอบด้วยความเคารพ และทวนคำพูดซ้ำ

“ดี ดี ดี!ข้ากำลังสงสัยพอดีว่าจะหาตัวเย่หลิงนั่นได้ไง และไป่เล่ยผู้นี้ก็ส่งของมาให้ข้าแล้ว!เขาเป็นคนดีจริงๆ”

กู่ฉางเกอพยักหน้า

ตอนนี้ ไป่เล่ยคือคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับเย่หลิง เขาจึงต้องพึ่งพาไป่เล่ยเพื่อหาเย่หลิง แน่นอน ไป่เล่ยยังมีของที่กู่ฉางเกอปรารถนาด้วย’พรสวรรค์กำเนิดของเขา วิชาทำลายล้างทองคำ!’

หยินเม่ยสับสนกับคำพูดของกู่ฉางเกอ แต่ไม่กล้าถาม

นางไม่กล้าถามอะไรเขามาก เหนือสิ่งอื่นใด บางสิ่งดีกว่าที่จะไร้คำอธิบาย นางคือหญิงฉลาดที่เข้าใจดี

ตราบเท่าที่นางไม่คิดทรยศกู่ฉางเกอ กู่ฉางเกอจะไม่ฆ่านาง

ชีวิตของนางมีประโยชน์ต่อเขามากกว่าศพ

“วันนี้เจ้าทำได้ดีมาก จับตาดูที่อยู่ของไป่เล่ยไว้ และรายงานข้าทันทีถ้าเขาติดต่อกับชายที่ชื่อเย่หลิง”

กู่ฉางเกอสั่ง

“ขอบคุณสำหรับคำชม นายท่าน!หยินเม่ยจะทำตามที่ท่านสั่ง”

หยินเม่ยรีบตอบ

สำหรับว่าเย่หลิงเป็นใคร?นางได้รู้เกี่ยวกับเขาจากคำอธิบายของเย่หลางเทียนที่งานเลี้ยงแล้ว

ในฐานะสตรีศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง นางมีหูตาอยู่ทั่ว มันไม่ยากสำหรับนางที่จะแกะรอยที่อยู่คนคนเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด