ตอนที่ 104 ถูกกู่ฉางเกอบังคับ
หางของจิ้งจอกเก้าหางแสดงถึงอะไร?
มันเป็นเหมือนเกล็ดย้อน!
อัจฉริยะทั้งหมดต่างเข้าใจเรื่องนี้
หางของจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางสำคัญเหมือนแก่นโลหิต มันจะยอมให้คนจับง่ายๆได้ไง?
คนที่ทำเช่นนั้นจะโดนสับเป็นหมื่นๆชิ้น
การกระทำที่กล้าหาญของกู่ฉางเกอทำให้คนพบเห็นตกตะลึง ตาพวกเขาแทบถลนออกเบ้า
“หยินเม่ย..”
ใบหน้าของไป่เล่นเขียวปั้ด และตัวเขาก็สั่นสะท้าน เขาคือคู่หมั้นของหยินเม่ย!
เขากัดฟันอย่างแรงจนแทบแตก และเขาก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเค้นชื่อนางออกมา
การหมั้นระหว่างเขากับหยินเม่ยถูกตัดสินไม่กี่ปีก่อน ตอนนั้น หยินเม่ยยังบ่มเพาะในวังเต๋า ส่วนเขาอยู่ในเผ่า ทั้งสองจึงไม่เคยเจอกัน
แต่การหมั้นก็ถูกตัดสินโดยผู้อาวุโสและหยินเม่ยก็ไม่ค้าน แถม เขายังเป็นอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าพยัคฆ์ขาวในรอบหมื่นปี และพลังของเขาก็เหนือกว่าใคร ไม่มีเหตุผลที่หยินเม่ยจะปฏิเสธเขาเลย
ยิ่งไปกว่านั้น หยินเม่ยยังมีทั้งความงามไร้ที่ติและเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง ไป่เล่นจึงไม่ค้านคู่หมั้นเช่นนี้ พูดตามตรง เขาโหยหาอยากจะกอดนางมาตลอด
เหนือสิ่งอื่นใด ท่ามกลางอัจฉริยะสูงสุดมากมายจากตระกูลเซียนโบราณ เขาคือผู้ถูกเลือกที่จะได้รับสาวงามเช่นนี้ มันทำให้เขาลิงโลดและภาคภูมิใจขึ้นไปอีกระดับ
ในเมื่อโอกาสปรากฏในวังเต๋า เขาจึงตัดสินใจมาหาคู่หมั้นเขาพอดี แต่ตอนนี้ เขาได้แค่มองนาง
ไม่เพียงหยินเม่ยจะเมินการดำรงอยู่ของนางตอนมาถึง แต่นางยังไม่ตอบรับคำทักทายของเขา แทนที่จะโผเข้าอ้อมกอดเขา นางกลับยืนข้างกู่ฉางเกอเหมือนนางติดหนี้เขา
ใบหน้าของไป่เล่นเขียวเป็นเต่า เขารู้สึกว่ามีบางคนกำลังโบกหมวกเขียวใส่หัวเขา
ฉากตรงหน้าทำให้เขาโกรธและอยากอาละวาด
ตัวของหยินเม่ยสั่นสะท้านพอได้ยินเสียงเรียก แม้นางจะยอมจำนนต่อหน้ากู่ฉางเกอ นางก็ยังจำคำสั่งเขาได้’อย่าเปิดเผยความสัมพันธ์เราต่อหน้าคนนอก’
เพราะเหตุนี้ หยินเม่ยจึงรีบตอบสนองต่อการกระทำของเขา ใบหน้านางเปลี่ยนเป็นเย็นชาเหมือนหุบเขาน้ำแข็ง นางคว้าหางจากมือกู่ฉางเกอขณะพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“ศิษย์พี่กู่ สำรวมตัวด้วย”
สีหน้ากู่ฉางเกอไม่เปลี่ยน แต่แสงในดวงตาเขาหม่นลงและผู้ชมก็รู้สึกถึงเมฆมืดเหนือหัว ไม่มีมครเดาได้ว่าเขาคิดอะไร
แม้เขาจะทำเช่นนี้ แต่ภายใน เขากำลังชมหยินเม่ยที่ฉลาดเฉลียว นางสมกับเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์
หญิงฉลาดย่อมน่าคบหากว่า
“โอ้!ศิษย์น้องหยินเม่ย เจ้าจะไม่ไปพูดทักทายคู่หมั้นเจ้าหน่อยหรือ?”
กู่ฉางเกอถามด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงความโกรธหรือยินดี เขาดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งที่เพิ่งเกิด
แต่คำพูดของเขาก็ทำให้โดยรอบกดดัน
อัจฉริยะทั้งหมดปิดปากสนิท ความประหม่าเกาะกุมหัวใจพวกเขา
แม้กู่ฉางเกอจะทำเหมือนใจดีและอ่อนโยน แต่พวกเขาได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับความโหดของเขามา ความเผด็จการของเขาที่มีต่อวังเต๋าไม่อาจปกปิดจากโลกภายนอก ไม่มีใครกล้ายั่วโมโหเขาง่ายๆ
แม้กระทั่งอัจฉริยะสูงสุด รวมถึงเย่หลางเทียนก็ยังเงียบปาก
ใบหน้างามของหยินเม่ยขาวซีดพอได้ยินคำพูดเขา มันชัดเจนว่านางกลัวกู่ฉางเกอมาก
หลังผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ นางก็เหลือบมองไป่เล่ยด้วยสายตารู้สึกผิดและจากนั้นก็รีบก้มหัวโดยไม่พูดอะไร
สีหน้ากับการกระทำนางทำให้อัจฉริยะโดยรอบตกใจเข้าไปใหญ่ พวกเขาได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับกู่ฉางเกอมาบ้าง ว่าเขาเผด็จการจนถึงจุดที่แม้แต่ผู้อาวุโสก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้ และตอนนี้ มันดูเหมือนข่าวลือจะไม่เกินจริง!
เหนือสิ่งอื่นใด แม้กระทั่งสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางก็ยังเผยสีหน้าเช่นนั้น
“น่ารังเกียจ..”
ใบหน้าของไป่เล่ยผ่อนคลายตอนเห็นการตอบสนองของนางและรู้สึกโล่งใจมาก ทุกอย่างจะดีตราบเท่าที่หยินเม่ยไม่ได้ทำออกมาโดยเจตนา
สีหน้าของนางแสดงชัดว่านางโดนกู่ฉางเกอบังคับ และเรื่องก็ไม่ใช่อย่างที่เขาคิด
แต่ไม่ช้า ใบหน้าของไป่เล่ยก็ดำมืดและความเกลียดที่มีต่อกู่ฉางเกอก็เพิ่มขึ้น
“กู่ฉางเกอ อย่ารังแกนางให้มากเกินไป!เอามือสกปรกของเจ้าออกไปให้พ้นนางซะ!เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไรกับหยินเม่ย?”
ไป่เล่ยคำราม
ในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายน่ากลัวก็พวยพุ่งออกจากตัวเขา พลังของเขาทำให้เกิดความปั่นป่วน และอัจฉริยะหลายคนก็รู้สึกตัวแข็งกับพลังกดขี่ของเขา
ไป่เล่ยสมกกับเป็นอัจฉริยะสูงสุดจริงๆ พอเขาระเบิดพลัง ภาพของพยัคฆ์ขาวที่กราดเกรี้ยวก็ปรากฏเบื้องหลังเขา
คำว่า’ราชา’ปรากฏบนหน้าผากเขา และเขาก็ดูเหมือนราชาที่ก้มมองทุกสิ่งรอบตัว
กู่ฉางเกอหน้าไม่เปลี่ยนสีขณะจิบสุราและตอบ“ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนั้นเล่า ไป่เล่ย?ศิษย์น้องหยินเม่ยคือศิษย์ของวังเต๋าอมตะสวรรค์ ทำไมข้าจะแสดงความห่วงใยนางไม่ได้?”
เส้นเลือดปูดบนขมับของไป่เล่ย
“เจ้ากำลังขู่ข้าด้วยหยินเม่ย?กู่ฉางเกอ อย่าคิดว่าเจ้าจะเหยียบหัวข้าได้ง่ายๆแค่เพราะเจ้าแข็งแกร่ง!”
เขาอดคำรามดังกว่าเดิมไม่ได้
[ฮึ่ม]
อากาศสั่นสะเทือน
ทีละหนึ่ง อักขระสีทองสว่างปรากฏ และหมุนวนรอบตัวเขา มันไม่ใช่อะไรนอกจากวิชาทำลายล้างทองคำ!
สีหน้าของอัจฉริยะนับไม่ถ้วนเปลี่ยนไปขณะถอยจากจุดที่ยืน กลัวว่าจะโดนลูกหลง
ถ้าทั้งสองคนปะทะกันที่นี่ งั้นพลังทำลายล้างจะไม่น้อย
กู่ฉางเกอแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ไป่เล่ยก็ไม่ใช่แมวธรรมดา
ถ้าทั้งสองสู้กัน คนอื่นเดาว่าทั้งสถานที่อาจเหลือแค่เศษซาก
“มันดูเหมือนน้องชายกู่จะอยากโจมตีไป่เล่ยนั่น..”
เย่หลางเทียนส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
เขาไม่ได้มีความประทับใจดีต่อไป่เล่ย เขาจึงตั้งตารอดูกู่ฉางเกอทำให้เขาอับอาย
“เจ้าหมอนี่ก็เหมือนเย่หลิงนั่น!ข้าเกลียดทั้งคู่”
เย่หลิวลี่เสริม
ใบหน้าของไป่เล่ยยิ่งน่าเกลียดพอได้ยินคำพูด อักขระสีทองในมือเขาเปล่งแสงรุนแรงกว่าเดิม และกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างก็กระจายออกไป
“ไม่มีใครในหมู่รุ่นเยาว์ที่คิดกล้าโจมตีข้า เจ้ากำลังรนหาที่ตายหรืออย่างไร?”
สุดท้ายกู่ฉางเกอก็วางถ้วยสุราในมือลงและถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เสียงเขาไม่ดัง และไม่มีพลังกดขี่ แต่มันยังทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปขณะที่เหงื่อเย็นไหลหยด
‘รนหาที่ตาย?’
เส้นเลือดของไป่เล่ยปูดจนแทบทะลุผิวหนัง เขากำหมัดแน่นกว่าเดิม ในฐานะอัจฉริยะสูงสุด เขาย่อมไม่กลัวกู่ฉางเกอ มีน้อยคนที่รู้ว่าเขาได้ทะลวงไปอาณาจักรจักรพรรดิแล้ว!
เทียบกับฉู่อู่จื่อ เจ้าชายราชวงศ์เซียนฉู่ เขามีลูกไม้มากกว่าและแข็งแกร่งกว่าด้วยในด้านฐานบ่มเพาะ
แต่..เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะชนะได้จริงถ้าปะทะกับกู่ฉางเกอ
ถ้าเขาแพ้วันนี้ งั้นหน้าเขาจะฉาบพื้นไปตลอด เขาจะไม่มีวันโงหัวได้ต่อหน้ากู่ฉางเกอ
สำหรับหยินเม่ย?นางอาจผิดหวังในตัวเขา
ตอนนี้ เขาอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ศิษย์พี่กู่ โปรดอย่าทำให้ไป่เล่ยลำบากใจเลย ข้ารู้ว่าเขาทำให้ท่านไม่พอใจ แต่โปรดไว้หน้าหยินเม่ยด้วย ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ!’
จากนั้น หยินเม่ยที่เอาแต่ก้มหัวและไม่พูดสักคำก็พูดขึ้น ชุดสีแดงของนางพริ้วไหว และนางก็เปลี่ยนเป็นภาพติดตา ปรากฏต่อหน้ากู่ฉางเกอด้วยใบหน้ามุ่งมั่น
ในเวลาเดียวกัน เงาของจิ้งจอกเก้าหางก็ปรากฏด้านหลังนาง
ภาพนิมิตนั้นใหญ่จนบดบังดวงอาทิตย์และปลดปล่อยกลิ่นอายน่ากลัวที่ทำให้มิติสั่นสะเทือน
หยินเม่ยยืนหยัดต่อหน้ากู่ฉางเกออย่างเด็ดเดี่ยว!
“เกิดอะไรขึ้น?!”
ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกใจ
“โอ้!สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางกำลังจะหยุดเรื่องนี้”
อัจฉริยะแห่งยมโลกส่ายหัวด้วยความผิดหวังเพราะเขาอยากเห็นกู่ฉางเกอกับไป่เล่ยสู้กัน
แม้กระทั่งฝั่งของกู่ฉางเกอ เย่หลางเทียนกับคนอื่นก็ยังตกใจกับการกระทำของนาง
‘หยินเม่ย”
ไป่เล่ยตกตะลึง แต่ไม่ช้า ความอบอุ่นก็ไหลผ่านหัวใจเขา
ในช่วงเวลาเช่นนี้ นางกลับยืนต่อหน้าเขาและช่วยเขา
พอคิดว่าเขาดันไปสงสัยหยินเม่ยในตอนนั้น...
เขาก็อดรู้สึกผิดในใจไม่ได้
แต่ไม่ช้า ไป่เล่ยก็ตระหนักว่าเขาไม่สามารถยอมให้ผู้หญิงมายืนข้างหน้าได้!
ถ้าเรื่องนี้กระจายไป คนก็จะพูดกันว่าเขากลัวกู่ฉางเกอและหลบหลังผู้หญิงเอาได้!
แต่พอตอนเขากำลังจะเปิดปาก กู่ฉางเกอก็ขมวดคิ้วและเพ่งมองหยินเม่ย“ในเมื่อนี่เป็นสิ่งที่ศิษย์น้องขอ งั้นข้าก็จะไว้หน้าเจ้าและไม่สืบสาวเอาความ”
“แต่ถ้ามีครั้งหน้า...”
ความโล่งใจปรากฏบนหน้าหยินเม่ยและนางก็รีบพูด“ศิษย์พี่กู่ โปรดอย่างกังวล!จะไม่มีครั้งหน้าอีก”
ตอนนี้ ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าหยินเม่ยกลัวกู่ฉางเกอมาก แต่พวกเขาไม่แปลกใจ เหนือสิ่งอื่นใด ตอนนี้กู่ฉางเกอได้บดบังท้องฟ้าเหนือวังเต๋าด้วยมือหนึ่ง
เว้นแต่จะมีคนไม่อยากอยู่ในวังเต๋า พวกเขาถึงกล้าทำให้เขาไม่พอใจ
แต่ก็ยังมีหลายคนชื่นชมหยินเม่ย เหนือสิ่งอื่นใด นางยืนหยัดเพื่อคู่หมั้นนางและขวางเส้นทางของกู่ฉางเกอไว้
นางถึงกับกล้าประชันกับกู่ฉางเกอจริงๆ!
สมกับที่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าจิ้งจอกเก้าหาง!
สีหน้าน่าเกลียดของไป่เล่ยไม่แสดงความโล่งใจหรือมีความสุขกับสิ่งที่เกิด ไม่ว่าจะมองยังไง มันก็ดูเหมือนเขากลัวกู่ฉาเงกอและต้องให้ผู้หญิงมาช่วย
หยินเม่ยเองก็กลัวว่าจะทำให้กู่ฉางเกอไม่พอใจอีก นางจึงรีบขยิบตาให้เขา
ไป่เล่ยทำได้แค่ทนต่อทุกสิ่งพอเห็นสีหน้าของหยินเม่ย เขาไม่อยากให้ความพยายามของนางสูญเปล่า
แต่เขาก็ยังรู้สึกขมขื่นในใจ
‘กู่ฉางเกอ ข้าจะต้องเหยียบเจ้าให้ตายเมื่อข้าทะลวงไปอาณาจักรจักรพรรดิขั้นกลาง!’
ด้วยความคิดนั้น ไป่เล่ยจึงนั่งเงียบๆ และไม่พูดอะไรอีก
หยินเม่ยมองเขาและถอนหายใจ แต่ไม่คิดอธิบาย จากสีหน้านาง เขาสามารถบอกได้ว่านางลำบากใจ
ไป่เล่ยพยักหน้าให้นางเงียบๆ และแสดงความเข้าใจ
มีอัจฉริยะหลายคนโดยรอบที่ลอบถอนหายใจ
ในปัจจุบัน การตอแยกู่ฉางเกอในวังเต๋าหมายถึงสองสิ่ง’รนหาที่ตายหรือโดนขับไล่’
อัจฉริยะที่มาเข้าร่วมงานต่างได้บทสนทนาหลังมื้อเย็นไปใหม่
‘มังกรต่างถิ่นยังต้องหดหัวพอเข้ามาในอาณาเขตของงูเจ้าถิ่น’
กู่ฉางเกอคืองูเจ้าถิ่นของวังเต๋า ต่อให้พวกเขาจะมีภูมิหลังใหญ่โต พวกเขาก็ไม่กล้าตอแยเขา แม้กระทั่งไป่เล่ย อัจฉริยะสูงสุดและนายน้อยของตระกูลพยัคฆ์ขาวก็ยังต้องขดตัวต่อหน้ากู่ฉางเกอ แล้วพวกเขาเล่า?
กู่ฉางเกอมีสีหน้าสงบตลอดงานเลี้ยงขณะคุยกับพวกเย่หลางเทียน มันราวกับเขาไม่สนใจสิ่งที่เพิ่งเกิด
ไม่ช้า งานเลี้ยงหมื่นเต๋าก็เริ่มต้น
มีที่โล่งใจกลางของหอคอย ซึ่งล้อมด้วยรั้วขนาดใหญ่ พลังปราณหนาแน่น หมอกเซียนกับดอกไม้ แม้สถานที่จะดูเรียบ แต่ก็ยิ่งใหญ่
กลุ่มอัจฉริยะเริ่มแข่งขันกันเพื่อชิงรางวัลผ่านการสุ่มว่าจะเจอใคร
มันแค่เพราะพันธมิตรการค้าหมื่นเต๋าไม่ได้นำของน่าสนใจออกมา การสุ่มจึงไม่ได้ดึงความสนใจของอัจฉริยะสูงสุดเลย
ไป่เล่ยนั่งไม่พอใจกับที่และจิบสุราเพื่อชำระความทุกข์ ทุกคราว เขาจะเหลือบมองหยินเม่ยที่นั่งอยูในระยะไกลและยิ่งเกลียดกู่ฉางเกอเข้าไปใหญ่
เรื่องนี้เป็นความขัดแย้งของรุ่นเยาว์ และมันก็ต้องแก้ด้วยคนรุ่นเยาว์ ต่อให้เขาจะเรียกผู้อาวุโสเบื้องหลังเขาให้ลงมือ เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกู่ฉางเกอได้
แถม ถ้าเขาเรียกผู้อาวุโสของเขา งั้นทำไมกู่ฉางเกอจะไม่ทำ?ในฐานะนายน้อยบของตระกูลกู่ สถานะของกู่ฉางเกอมีแต่จะสูงกว่าเขา ไม่ได้ต่ำกว่า
แบบนั้น เขามีแต่จะยิ่งทำให้ตัวเองอับอายเข้าไปใหญ่
ในทางกลับกัน กู่ฉางเกอนั่งด้วยสีหน้าพึงพอใจขณะเรียนรู้เกี่ยวกับบุตรฟ้าประทานคนใหม่มากขึ้นผ่านงานเลี้ยง สำหรับขยะที่ชื่อไป่เล่ย?เขาจะเล่นจนพอใจ
มันแค่ว่าตอนนี้ เขาต้องหาตำแหน่งของเย่หลิงผ่านความสัมพันธ์ของเขากับไป่เล่ยเสียก่อน