ตอนที่แล้วEp.105 - มีแค่ฉันที่ทำร้ายมันได้!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.107 - ทั้งสองแข็งแกร่งขึ้น

Ep.106 - คุณสมบัติของดอกบัว


1/2

Ep.106 - คุณสมบัติของดอกบัว

หลังจากหวังเอ๋อฟื้นคืนสติ มันพบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง เผยสีหน้าสับสนออกมา

“หือ? ที่นี่มันข้างในมิติสัตว์วิญญาณ? ไม่ใช่ว่าเปิ่นหวังตายไปแล้วหรอกหรอ?”

“หมาโง่ นายเป็นสัตว์ววิญญาณ แล้วจะตายได้ยังไง? ต่อให้ถูกฆ่า วิญญาณของนายก็จะกลับมาอยู่กับฉัน ตราบใดที่ฉันไม่อนุญาต ต่อให้นายอยากตายก็ตายไม่ได้!”

เกือบลืมไป

เปิ่นหวังเป็นอมตะนี่นา ต่อให้ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมแค่ไหนก็ไม่มีทางตายจริงๆ

เมื่อฮัสกี้กระโดดออกจากมิติสัตว์วิญญาณ มันพบว่าตัวเองโผล่มายังพื้นที่โล่งกว้างอีกครั้ง ซากสุนัขในแม่น้ำใต้ดินหายไปหมดแล้ว และบนฝั่งหน้าปากถ้ำมีศพจระเข้นับสิบๆตัวนอนตายอยู่

เจ้านายยืนหยัดอย่างองอาจท่ามกลางศพของพวกมัน ดาบสั้นในมือขวาหยดย้อยไปด้วยเลือด มือซ้ายกำดอกบัวสีทอง

ดอกบัวทองนี้คือสมบัติล้ำค่า ทันทีที่เห็นมัน ฮัสกี้เอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “เจ้านาย เจ้านาย นั่นคือสมบัติใช่ไหม? มันทำอะไรได้บ้าง? กินได้รึเปล่า!”

หวังเอ๋อไม่ได้ตายจริงๆ ตามปกติแล้วถ้าสัตว์วิญญาณตายในโลกวิญญาณจะถูกส่งกลับศิลาฟื้นคืนชีพ แต่ถ้าตายในโลกจริง เจ้านายสามารถใช้หินคริสตัลชุบชีวิตมันได้ด้วยตัวเอง

อย่างแรกหากตายจะสูญเสียแต้มวิญญาณ อย่างหลังหากตายเจ้าของจะสูญเสียหินคริสตัล

โชคดีที่หวังเอ๋อยังอยู่แค่เลเวล 1 การชุบชีวิตมัน จึงมีราคาแค่ 5 หินคริสตัลขาวเท่านั้น

แม้นั่นจะเป็นจำนวนเยอะสำหรับคนธรรมดา แต่สำหรับฮังอวี่ยังถือเป็นจำนวนที่รับได้

ฮังอวี่ก้มมองดอกบัวทองในมืออีกครั้ง

วัตถุชิ้นนี้ถือได้ว่าเป็นผลกำไรสูงสุดในทริปนี้

“นี่คือดอกบัวทองรวมวิญญาณ ไม่ได้มีไว้กิน ส่วนความสามารถของมันก็ตามชื่อเลย  เจ้าสิ่งนี้มีไว้ใช้รวบรวมแต้มวิญญาณ”

กินไม่ได้?

งั้นไม่น่าสนใจสักนิด!

เห็นได้ชัดว่าหวังเอ๋อรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

หมาโง่ไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง จึงไม่เข้าใจความล้ำค่าของมัน

ความสามารถในการรวบรวมวิญญาณของดอกบัวทองมีผลทั้งในโลกวิญญาณและโลกมนุษย์ นี่มากพอแล้วที่จะก่อให้เกิดข้อได้เปรียบและการพัฒนาอันยอดเยี่ยมในช่วงเริ่มต้น!

เมื่อดอกบัวทองนี้เข้าสู่โลกวิญญาณ มันจะมีบทบาทคล้ายโพชั่นช่วยเพิ่มค่า EXP ช่วยให้คนที่ครอบครองได้รับแต้มวิญญาณเพิ่มขึ้นประมาณ 10%

อย่างไรก็ตาม บทบาทของดอกบัวทองรวมวิญญาณในโลกจริง มันดีกว่าโลกวิญญาณเยอะมากๆ!

เพราะหากเป็นในโลกจริง ดอกบัวทองรวมวิญญาณจะสามารถดึงพลังงานทางวิญญาณจากมอนสเตอร์ที่อยู่ในโลกจริงได้โดยอัตโนมัติ!

และด้วยความสามารถในการแปลงพลังงานของมัน พลังงานทางวิญญาณที่รวบรวมมาได้ จะถูกเปลี่ยนเป็นแต้มวิญญาณได้โดยตรง!

หมายความว่ายังไงน่ะหรือ?

ยังต้องอธิบายให้ฟังอีกใช่ไหมไม่?

ความหมายก็คือ เมื่อมีดอกบัวทองนี้ ฮังอวี่จะสามารถสะสมแต้มวิญญาณจากการสังหารมอนสเตอร์ในโลกจริง!

ไม่สิ

เอาจริง ฮังอวี่ไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกมอนสเตอร์เองด้วยซ้ำ เขาแค่ไปยังพื้นที่ล่า ตัวอย่างเช่นในจตุรัสที่เต็มไปด้วยไก่ภูเขาจากโลกวิญญาณ หาม้านั่งเล็กๆ นั่งเงียบๆซักพัก จะหยิบมือถือขึ้นมาอ่านนิยายหรือเล่นเกมส์ก็ได้

ระหว่างนั้นปล่อยให้คนอื่นไล่ล่าไก่ภูเขากันอย่างบ้าคลั่ง และเหล่าผู้ล่าคงนึกไม่ถึงแน่นอน ว่าพวกเขากำลังรวบรวมแต้มวิญญาณให้กับฮังอวี่โดยไม่รู้ตัว ทำงานให้เขาโดยไม่ได้รับค่าจ้างซักหยวน

เมื่อมอนสเตอร์ไก่ภูเขาในบริเวณใกล้เคียงถูกฆ่า พลังงานทางวิญญาณจะถูกสูบเข้ามายังดอกบัวทองอย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายก็จะถูกเปลี่ยนเป็นแต้มวิญญาณ

ฮังอวี่พึ่งฆ่าจระเข้ลายดำไปเป็นสิบตัว เขาใช้ดอกบัวทองซึมซับพลังงานวิญญาณเป็นเวลา 5 นาที พวกจระเข้ดำทั้งหมดจึงสูญเสียพลังงานวิญญาณทั้งหมดไป และช่วยให้ฮังอวี่ได้รับ 4 แต้มวิญญาณเก็บไว้ในดอกบัวทองรวมวิญญาณ

แม้นี่จะดูไม่เยอะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั่นก็เพราะพวกมันเป็นแค่มอนสเตอร์ระดับสามัญ แค่นี้ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว!

ในโลกจริง การได้รับแต้มวิญญาณ ปัจจุบันมีหนทางเดียวคือการกินอาหารวิญญาณ

ทว่าด้วยการดูดซับโดยดอกบัวทองของฮังอวี่ กลับเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถได้รับแต้มวิญญาณ แถมยังสะดวกกว่าซะด้วย

ลองจินตนาการเอาเถอะ ทั้งภายในเมืองและนอกเมือง มีมอนสเตอร์อยู่รวมๆกันแล้วนับล้านตัว

ที่ฮังอวี่ต้องทำก็แค่ไปเยือนสถานที่ที่มีการต่อสู้ดุเดือด ยืนอยู่เฉยๆ ก็สามารถได้รับแต้มวิญญาณมามากมายโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร

แน่นอน เหล่าผู้ล่าอาจเกิดความรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง ที่พบว่าคุณภาพของวัตถุดิบที่รวบรวมมาได้ลดลงอย่างมาก แต่ต่อให้พวกเขาขบคิดยังไงคงไม่มีทางทราบเหตุผล

ดอกบัวทองรวมวิญญาณนี้จะสร้างข้อได้เปรียบมหาศาล ช่วยให้ฮังอวี่เติบโตได้อย่างรวดเร็วแม้อยู่ในโลกจริง

นอกจากดอกบัวทองอันล้ำค่าแล้ว ยังมีเมล็ดบัวอีก 6 เมล็ด หนึ่งใบบัว และหนึ่งรากบัว บวกกับซากต้นบัว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของดี

ทริปนี้นับว่าคุ้มค่าแล้ว!

ฮังอวี่รู้ ว่าลำพังตนยังไงก็ไม่สามารถหาสิ่งนี้ได้ ยิ่งเป็นดอกบัวทองรวมวิญญาณยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ทุกอย่างนี้ต้องขอบคุณหวังเอ๋อ ที่ช่วยนำทางเขาในวงกตอันสลับซับซ้อน

ประสิทธิภาพของหวังเอ๋อในครั้งนี้นับว่าน่าประทับใจมาก ต้องบอกว่าสุนัขตัวนี้มีประโยชน์มากกว่าที่คาดไว้ ทำดีย่อมได้บำเหน็จ ทำผิดต้องได้รับโทษ

นี่คือหลักพื้นฐาน

เมล็ดบัวปราณวิญญาณเขาจะเก็บไว้ใช้เอง ดังนั้นให้ฮัสกี้กินไม่ได้ แต่ในเมื่อหวังเอ๋ออยากกินมาก งั้นทำไมไม่ให้รากบัวกับซากต้นบัวเป็นรางวัลแก่มันล่ะ?

รากบัวรวมวิญญาณเป็นวัตถุดิบที่ดี มันกักเก็บปริมาณพลังงานวิญญาณไว้สูงสุดถึง 80 แต้ม

อย่างไรก็ตาม ร่างมนุษย์ไม่สามารถดูดซับพลังงานทางวิญญาณได้โดยตรง จำเป็นต้องนำไปปรุงเป็นอาหารโดยเชฟวิญญาณเสียก่อน ...

แต่ปัญหาก็คือรากบัวรวมวิญญาณเป็นวัตถุดิบเกรดสูงเกินไป ด้วยความสามารถของเชฟวิญญาณในปัจจุบัน การนำมันไปประกอบอาหารแล้วให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเป็นเรื่องยากมาก มีแนวโน้มสูงว่าอาจเสียของได้

แทนที่จะทำอย่างนั้น จะดีกว่าไหมหากให้หวังเอ๋อกิน?

สกิลเสริมการดูดซับของหวังเอ๋อไม่ใช่แค่เครื่องประดับ ตราบใดที่วัตถุดิบชิ้นนั้นมีพลังงานทางวิญญาณ ฮัสกี้สามารถกินเข้าไปได้เลยโดยตรง และรับแต้มวิญญาณส่วนใหญ่จากข้างในมาได้

ด้วยเหตุนี้เอง ฮังอวี่จึงตัดสินใจมอบรากบัวและซากต้นบัวให้หวังเอ๋อ

ซากบัวต้นนี้สำหรับฮังอวี่แล้วมันเป็นของไร้ประโยชน์  อย่างไรก็ตาม แม้อยู่ในสภาพเหี่ยวเฉา แต่มันยังเป็นถึงไอเท็มระดับราชันย์ จะมากจะน้อยยังพอมีคุณค่าสำหรับสัตว์วิญญาณ น่าจะช่วยเสริมแต้มวิวัฒนาการแก่มันได้

“ฮ่ง! ทั้งหมดนี่ยกให้เปิ่นหวัง?”

สีหน้าฮัสกี้ดูไม่เชื่อเล็กน้อย ในสายตามัน แม้ซากบัวจะดูไม่น่ากิน แต่กลับให้ความรู้สึกดึงดูดมาก ส่วนรากบัวอีกชิ้นไม่ต้องกล่าวถึง กลิ่นหอมเย้ายวนใจมาก

“ครั้งนี้นายทำผลงานได้ดี ทั้งหมดนี้เป็นรางวัลแก่นาย ต่อไปก็พยายามเข้าล่ะ ช่วยกันหาสมบัติให้มากกว่านี้!” ฮังอวี่ลูบหัวฮัสกี้  “กินพวกมันซะ กินเสร็จแล้วค่อนเดินทางต่อ ถึงเวลากลับกันแล้ว”

เจ้านายคนนี้มีคุณธรรม ตราบใดที่ตนได้กินเนื้อเต็มคำ ลูกน้องย่อมได้รับกระดูก

และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เนื้อดีๆถูก ฮังอวี่กินจนหมด รางวัลที่หวังเอ๋อได้ หากเทียบกับของฮังอวี่แล้ว ถือเป็นแค่กระดูกเท่านั้น

ฮังอวี่ได้รับเมล็ดบัวปราณวิญญาณ ใบบัวรวมวิญญาณ และดอกบัวทองรวมวิญญาณ ทั้งหมดนี้ไม่รู้ว่าดีกว่าของฮัสกี้ตั้งกี่เท่า

แต่เจ้าหมาก็ยังพอใจมากอยู่ดี สำหรับตัวมันแล้ว นี่คือรางวัลที่ดีที่สุด ไม่ปฏิเสธแม้สักครึ่งคำ ก้มหน้าสวาปามทันที

แจ๊บ แจ๊บ

สุนัขกินรากบัวก่อนเป็นอันดับแรก มันแสดงความคิดเห็นทันทีหลังจากรับประทาน

“ฮ่ง! อร่อยมาก ละลายในปาก พวกสมุนไพรโสมยังไม่ดีเท่านี้เลย”

“ส่วนต้นบัวเหี่ยวๆนี่ถึงดูไม่น่ากินนัก แต่พอลงกระเพาะแล้ว มันให้ความรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว เหมือนกำลังลุกเป็นไฟ”

ระหว่างนี้ ฮังอวี่โยนกินเมล็ดบัวลงไปเช่นกัน

ปัจจุบันแต้มวิญญาณของเขาอยู่ที่ประมาณ 170 แต้ม หากสามารถย่อยเมล็ดบัวได้ทั้ง 4 เมล็ด แต้มวิญญาณของเขาจะไปถึง 330 แต้ม อยู่ไม่ไกลจาก 500 แต้มในการอัพเลเวล

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่มีแผนที่จะอัพเลเวลในเร็วๆนี้  เพราะหากไม่มีอุบัติเหตุใดๆ ครั้งต่อไปที่เข้าสู่โลกวิญญาณ เขาจะได้รับสกิลตาเหยี่ยวจากหวังฉง

ตามปกติแล้ว แม้ได้รับมรดกชิ้นส่วนมาครบท้ังสามสกิล แต่ก็ยังไม่สามารถรับอาชีพมรดกได้ทันที  ฮังอวี่จำเป็นต้องอัพเลเวลสกิลทั้งสามให้เต็มเสียก่อน

โดยทั่วไปแล้วสกิลระดับต่ำจะเต็มที่เลเวล 3 เห็นได้ชัดว่าการอัพเลเวลพวกมันต้องมีแต้มวิญญาณสำรองเป็นจำนวนมาก

โชคดีที่สกิลมรดกระดับต่ำไม่เหมือนกับสกิลประเภทการผลิต

การอัพเลเวลสกิลสายผลิตเป็นเรื่องยากมาก อย่างเช่นสกิลรวบรวมวัตถุดิบขั้นต่ำของ ฮังอวี่ การอัพเลเวลจาก 1 เป็น 2 ไม่ใช่แค่ต้องให้ค่าความชำนาญเต็ม 1,000 แต้มเท่านั้น แต่ยังต้องการ 300 แต้มวิญญาณอีกด้วย

ขณะที่สกิลมรดกระดับต่ำไม่ได้ต้องการแต้มวิญญาณที่สูงมากนัก ฮังอวี่เปิดข้อมูลสกิลของเขาโดยตรงเพื่อคำนวณปริมาณแต้มวิญญาณที่ต้องใช้

[ขว้างอาวุธ] เลเวลสกิล 1 , แต้มวิญญาณ(0/30) , ความชำนาญ (300/300)

[ล่องหน] เลเวลสกิล 1 , แต้มวิญญาณ(0/80), ความชำนาญ (300/300)

ล่องหนเป็นสกิลหลักของมรดกนี้ ดังนั้นแต้มวิญญาณสำหรับใช้อัพเลเวลจึงค่อนข้างมาก

ขว้างอาวุธ จำเป็นต้องใช้แต้มวิญญาณในการอัพเลเวล 30 และ 50 ตามลำดับ

ส่วนล่องหนต้องใช้แต้มวิญญาณในการอัพเลเวล 80 และ 140 ตามลำดับ

หรือทั้งสองสกิลนี้ รวมๆกันแล้วต้องใช้ปริมาณทั้งสิ้น 300 แต้มวิญญาณ

หลังจากฮังอวี่ย่อยเมล็ดบัวทั้งสี่แล้ว แต้มวิญญาณจะมากพอสำหรับการอัพเลเวลพวกมัน

หากสามารถอัพเลเวลสกิลทั้งสองนี้ได้เต็ม พลังรบของเขาจะแก่กล้าขึ้นเป็นอย่างมาก!