ตอนที่ 891+892 ตราบใดที่เธอไม่น่าเกลียด
ตอนที่ 891 ตราบใดที่เธอไม่น่าเกลียด
"ถ้าคุณไม่มีความสัมพันธ์กับเธอ ทำไมคุณถึงได้ยอมหมั้นล่ะ คุณเห็นรูปของเฉินหลานอิง คุณคงคิดว่าเธอก็สวยเหมือนกันใช่ไหม" หลังจากที่เจียงเหยากล่าวเช่นนั้น เธอถอนหายใจออกมาอย่างขมขื่น "ฉันได้เจอเฉินหลานอิงแล้ว เธอสวยดีนะ"
"เธออะไรกันเล่า ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เธอหน้าตาเป็นยังไง" ลู่ชิงสีคำราม เขากังวลมากจนเริ่มโกรธมาเล็กน้อย "ผมรับปากเพราะแม่รีบหาลูกสะใภ้ ท่านโทรหาผมทุกวัน ผมเหนื่อยกับการถูกตามแบบนี้จนต้องยอมรับปาก ตอนที่แม่ส่งรูปมา ผมไม่ได้ดูด้วยซ้ำ น้องสี่เอารูปพวกนั้นไปดูและบังเอิญ ผมมีงานที่ต้องทำช่วงนั้นพอดี หลังจากกลับมา รูปก็หายไปแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าเขาทำรูปหายไปได้ยังไง น้องสี่บอกผมว่าเฉินหลานอิงดูธรรมดา ตอนที่แม่ถาม ผมก็บอกท่านไปตามที่น้องสี่บอกอีกที”
ลู่ชิงสีรับปากที่จะหมั้นเพราะเขารู้สึกทรมานกับความกระตือรือร้นของแม่ของเขา เขาต้องหาลูกสะใภ้ให้กับเธอ ดังนั้นเขาจึงบอกแม่ของเขาให้หาคนที่ท่านคิดว่าเหมาะสม เขาจะแต่งงานกับเธอตราบเท่าที่ไม่มีความขัดแย้งระหว่างผู้หญิงคนนั้นและแม่ของเขา เขาไม่สนใจแม้เขาจะเข้ากับเธอได้หรือไม่ เขาอยู่ที่กองทัพ และเขาไม่ได้ตั้งใจจะพาใครมาอยู่ด้วย
ตอนนั้นคิดได้อย่างเดียว เขาแค่ต้องการแต่งงานกับคนที่เข้ากันได้ดีกับครอบครัวของเขา ถ้าพวกท่าต้องการให้เขามีลูก เขาก็จะมีลูกให้หนึ่งคน เขาจะทำอย่างนั้นด้วยความเต็มใจ คงจะดีถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ขี้เหร่ เขาไม่ต้องการให้ลูกหน้าตาน่าเกลียด เขากลัวว่าเขาจะไม่สามารถรักเด็กที่น่าเกลียดได้
"พูดตรง ๆ เลย ตอนนั้นผมอยากแต่งงานกับภรรยาแล้วทิ้งเธอไว้ที่บ้านเพื่อให้ดูแลพ่อแม่ของผมเท่านั้น ดังนั้นมันไม่สำคัญหรอกว่าแม่ของผมจะชอบหลานเฉินอิง ผู้หญิงคนไหน ตราบใดที่เธอไม่ได้ขี้เหร่จนเกินไป ผมก็ยินดีที่จะแต่งงาน" ลู่ชิงสีพูดตรงไปตรงมาเกี่ยวกับเรื่องนี้
"ตอนนั้นคุณยังเด็ก ผมไม่กล้าคิดที่จะแต่งงานกับคุณหรอก เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้ หลังจากที่ผมคิดได้แล้ว ผมก็แก้ปัญหานั้นทันทีเลยเช่นกัน ใช่ไหมล่ะ"
น้ำเสียงของเจียงเหยาไม่แยแส "คุณแก้ไขเหรอ ครอบครัวเฉินไม่ได้ปฏิเสธคุณเพราะพวกเขาดูถูกคุณและไม่ต้องการให้คุณเป็นลูกเขยของพวกเขาเหรอคะ ถ้าคุณอยู่บ้านนอก ตอนนี้คุณได้กลายเป็นสินค้ามือสองไปแล้ว"
การยกเลิกการแต่งงานไม่ใช่เรื่องดีในชนบท คนมักจะเห็นเป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเพราะฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง ดังนั้นเจียงเหยาไม่ได้พูดเกินจริง
ลู่ชิงสีใจหาย และความรู้สึกทุกประเภทก็ผุดขึ้นมาในหัวใจของเขา "ผมแกล้งเป็นคนพิการเพื่อให้ครอบครัวเฉินเป็นฝ่ายขอยกเลิกงานหมั้น คุณก็ดูถูกผมด้วยเหรอ"
น้ำเสียงของเขาฟังดูน่าสงสารและ คับข้องใจ
เขาไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะของครอบครัวเฉินเป็นเรื่องยากที่เขาจะไม่สามารถแก้ไขได้ทันทีและแก้ได้อย่างเด็ดขาด
"ผมขอให้ครอบครัวเฉินเป็นฝ่ายถอนหมั้นเพื่อเห็นแก่ครอบครัวของพวกเขา และผมเองก็ไม่ได้ชอบเฉินหลานอิงด้วย พูดตามตรง ถ้าผมจะยกเลิกการหมั้นหมาย มันจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเธอและครอบครัวของเธออย่างมาก ผมคิดว่าผมอยากจะให้โอกาสพวกเขาในการเป็นฝ่ายยกเลิกเอง"
อย่างไรก็ตาม ลู่ชิงสีไม่ได้คาดหวังว่าครอบครัวเฉินจะลากยาวเรื่องนี้มาเกือบครึ่งปี นอกจากนี้ เฉินหลานอิงยังคงส่งจดหมายมาถึงเขาด้วย ลู่ชิงสีหมดความอดทน เขาจึงให้สหายของเขาสองสามคนมาช่วยกลอุบายนั้น
__
ตอนที่ 892 เด็กสาว
เมื่อลู่ชิงสีคิดหาวิธีจัดการกับเรื่องนั้น เขาได้ส่งคนไปหาเฉินหลานอิง เขารู้ว่าเธอติดต่อกับลู่เว่ยฮัว ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินว่าเขาหมดอนาคตแล้ว เธอจะหันไปหาเขาอย่างแน่นอน
มันเกิดขึ้นตรงตามที่ลู่ชิงสีคาดเดาไว้ หลังจากที่หลานเฉินอิงและครอบครัวของเธอได้ยินว่าเขาพิการ พวกเขาต้องการจะยกเลิกการหมั้น
ในวันที่พวกเขายกเลิกงานหมั้น ลู่ชิงสีได้ไปหาเจียงเหยา เขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้โรงเรียนเพื่อเฝ้ามองเธอ
"นั่นเป็นความจริง คุณค่อนข้างแย่ที่จะแต่งงานกับความคิดแบบนั้น ไร้ความปรานีมาก" เจียงเหยาฮัมเพลง
ลู่ชิงสีพ่นลมหายใจ "อืม ผมไม่เคยเป็นคนดี" นั่นคือความจริง ถ้าเขาเป็นคนดี ราฮาคงไม่อยู่ในกำมือของคารุ
"ฉันอยากรู้มาก ว่าคุณพูดกับเฉินหลานอิง ในช่วงครึ่งชั่วโมงที่คุณใช้เวลาอยู่ด้วยกัน" เจียงเหยาเหนื่อยจากการยืน ดังนั้นเธอจึงหันหลับกลับและเดินที่ไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนที่เธอจะคุยกับลู่ชิงสีต่อไป
"ผมพูดอะไรเหรอ" ลู่ชิงสีทวนคำพูดของเธอ "ผมต้องพูดอะไรกับเธอ"
"ไม่มีอะไรจะพูด คุณอยู่กับเธอถึงครึ่งชั่วโมงเลยนะ" เจียงเหยาไม่เชื่อเขา
"ก่อนที่แม่และแม่สื่อจะจากไป ผมไม่ได้พูดอะไรสักคำ หลังจากที่พวกเขาจากไป ผมก็ไม่ได้พูดอะไรเลย" ในเวลานั้นเขาต้องการให้เฉินหลานอิงคิดว่าเขาเป็นคนน่าเบื่อ เพื่อที่เธอจะได้ต้องการยกเลิกการหมั้น ดังนั้น ไม่ว่าเฉินหลานอิงจะพูดอะไรกับเขา เขาก็แค่นั่งอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางว่างเปล่าหรือไร้ปฏิกิริยาใด ๆ เขาทำอย่างนั้นอยู่ครึ่งชั่วโมงก่อนที่เขาจะจากไป
เจียงเหยาไม่ได้พูดอะไร เธออาจจะไม่เชื่อเขา ดังนั้นลู่ชิงสีจึงถอนหายใจออกมา "เหยาเหยา คุณต้องมีเหตุผล"
เจียงเหยาพยักหน้า เป็นประโยคเดิมอีกแล้ว ถ้าเขาอยู่ใกล้ ๆ เธอ เขาคงมารับเธอในวินาทีต่อมาและพาเธอไปยังที่ที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ เพื่อจะให้เหตุผลกับเธอตามวิธีของเขา
"คุณอายุเท่าไหร่ ตอนที่แม่บอกให้ผมแต่งงาน คุณยังเรียน ปีแรกของ ม.ปลายอยู่เลย ตอนนั้นคุณยังถักเปีย ตอนที่เดินไปกับพี่ของคุณ คุณมักจะกระโดดไปมา พอเจอกับพี่ใหญ่ของคุณ คุณก็ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจและขอขนมจากเขา พอคุณเจอกับพี่รองของคุณ คุณจะบอกให้เขาหุบปากและทะเลาะกับเขา"
นั่นคือเหตุผลที่ลู่ชิงสีรู้สึกหมดหนทางในตอนนั้น เมื่อเขาสังเกตเห็นเจียงเหยา เธอยังเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่เคยเดินอยู่ข้าง ๆ พี่ใหญ่ของเธอ พวกเขาเหมือนพ่อที่พาลูกสาวออกไปซื้อของ
ลู่ชิงสีคิดตั้งแต่ตอนนั้นว่าเธอสวย เขาเหลือบมองเธออีกสองสามครั้ง แต่เขาไม่มีความคิดอื่นใดเกี่ยวกับเธอ
เมื่อเขาเห็นเจียงเหยาอีกครั้ง เธอโตขึ้นและดูสง่างามยิ่งขึ้น เขาตระหนักว่าเธออายุ 17 ปีแล้ว และในปีหน้าเธอก็สามารถแต่งงานได้แล้ว
เขาต้องการแต่งงานกับหญิงสาวคนนั้น และทำให้เธอเป็นภรรยาของเขา อย่างไรก็ตาม เจียงเหยายังอายุไม่ถึง 18 ปี เขาคิดว่าจะไปหาครอบครัวเจียงทันทีเพื่อขอแต่งงาน หลังจากที่ครอบครัวเฉินยกเลิกการหมั้น เขาจะรอเธอจนกว่าเธอจะอายุ 18 ปีเพื่อที่พวกเขาจะสามารถแต่งงานกันได้ แม้ว่าแผนการของเขาจะหยุดชะงักหลังจากนั้น
ด้วยความคิดนั้นลู่ชิงสีไปแอบดูภรรยาในอนาคตของเขาทุกวัน เมื่อเขาเห็นเจียงเหยายิ้มหวานให้กับคนอื่น หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เขาหึงแม้กระทั่งตอนที่พี่ของเธอเอาอาหารมาส่งให้เธอที่โรงเรียน รวมไปถึงตอนที่เธอจับมือกับพี่ชายด้วยท่าทางหวานชื่นด้วย