ตอนที่ 102 งานเลี้ยงหมื่นเต๋า
[วังเต๋าอมตะสวรรค์ ยอดเขาสูงสุด]
กู่ฉางเกอสังเกตเห็นแสงที่ระเบิดจากส่วนลึกของวังเต๋า แต่เขาเข้าใจว่าถนนอมตะยังไม่ปรากฏ
เมื่อถนนอมตะสำแดง ปรากฏการณ์กับนิมิตที่มาจากมันจะยิ่งใหญ่กว่านี้ ฉากในตอนนั้นจะไม่ใช่อะไรที่ผู้อาวุโสจะระงับได้ รังสีแสงตอนนี้แค่เป็นลางบอกเหตุ
ด้วยเหตุนี้ การกำเนิดของบางสิ่งที่พิเศษในส่วนลึกของวังเต๋าจึงเป็นที่สังเกตโดยขุมอำนาจใหญ่ของอาณาจักรเบื้องบน และไม่ช้า วังเต๋าก็จะตกอยู่ในพายุ
ไม่ว่าผู้อาวุโสใหญ่จะยิ่งใหญ่แค่ไหน คนเดียวก็ไม่มีทางหยุดทั้งอาณาจักรเบื้องบนได้
ต่อให้เมินตระกูลเซียนโบราณ ราชวงศ์กับเผ่าที่จ้องวังเต๋าเหมือนหมาป่าโหยได้ แต่ก็ยังมีสำนักใหญ่อีกนับไม่ถ้วนในอาณาจักรเบื้องบน
ใครจะยอมพลาดโอกาสเช่นนี้?ทุกคนต่างยากแบ่งเค้กก้อนนี้
เช่นเดียวกับตระกูลกู่
สุดท้าย ผู้อาวุโสใหญ่จะต้องประนอม และส่วนลึกของวังเต๋าก็จะต้องเปิดให้ทุกคนในไม่ช้า
แน่นอน นี่คือข่าวดีสำหรับกู่ฉางเกอ!เขากำลังพิจารณาว่าจะลอบเข้าไปยังไงให้ไม่เป็นที่สังเกต และตอนนี้ สวรรค์ก็ประทานโอกาสให้
ต่อให้ผู้อาวุโสใหญ่จะเกลียดเขา และอยากสกัดเขาไว้ มันก็ไม่มีทางหยุดเขาได้ ตรงกันข้าม กู่ฉางเกอประเมินว่าผู้อาวุโสใหญ่จะต้องมาขอความช่วยเหลือเขาต่างหากถ้าถึงเวลา
‘ตอนนั้น วังเต๋าอมตะสวรรค์จะเจอกับศิษย์จากทุกขุมอำนาจ และพวกเขาจะต้องการข้าเพื่อระงับคนนอก’
รอยยิ้มขี้เล่นปรากฏบนหน้ากู่ฉางเกอพอเขาคิดถึง
ตอนนี้ ไม่มีใครท่ามกลางศิษย์วังเต๋าที่กล้าต่อต้านเขา!
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์แท้จริงที่แข็งแกร่งสุดทั้งสี่หรือห้า หรือศิษย์แท้จริงธรรมดาคนอื่น ไม่มีใครสามารถยืนเทียบเขาได้ แม้ศิษย์แท้จริงคนอื่นจะมีวิธีการกับไพ่ตายนับไม่ถ้วน พวกเขาก็ด้อยกว่าทั้งห้า
เว้นแต่บางคนจะปกปิดพลังแท้จริงไว้อย่างหยินเม่ย
แต่น่าละอาย!ไม่มีใครรู้ว่าเขากุมหยินเม่ยไว้ในฝ่ามือเหมือนหุ่นเชิด
‘จินโจวปิดด่านบ่มเพาะไปแล้ว และอีกสอง เทียนหยางกับจงเทียนหยวน ตอนนี้ที่ข้าคิด ข้าถือว่ากุมท้องฟ้าของวังเต๋าไว้ด้วยฝ่ามือเดียวแล้ว’
‘มันคงอีกไม่นานก่อนข้าจะสามารถให้คนของข้าแทรกซึมเข้าสู่ระดับผู้อาวุโสได้’
กู่ฉางเกอออกที่พักเขาหลังพิจารณาเรื่องเหล่านี้
กลุ่มผู้ติดตามเขา รวมถึงหยินเม่ยกับศิษย์แท้จริงคนอื่นได้ตามตูดกู่ฉางเกอไปทางเมืองโบราณเต๋าสวรรค์
กู่เซียนเอ๋อร์ถือเป็น’ตัวประกัน’ที่ยอดเขาผู้อาวุโสใหญ่ ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยนางออกมาก่อนนางจะถึงอาณาจักรราชา
โดยธรรมชาติ กู่ฉางเกอก็ไม่คิดไปตอนนี้
เขาประเมินว่าผู้อาวุโสใหญ่จะไม่อนุญาตให้เขาเหยียบเข้าภูเขาอีกแล้ว และต่อให้เขาไป ตาแก่นั่นก็อาจตบเขาลงมา
จะมีตอนที่กู่เซียนเอ๋อร์ไม่สามารถระงับความสงสัยและความอยากรู้ได้อีก ตอนนั้น นางจะวิ่งมาหาเขาเอง
ทุกอย่างต้องทำอย่างพอดี เพราะส่วนเกินมีแต่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ไม่น่าพึงใจ
เมืองโบราณเต๋าสวรรค์ค่อนข้างมีชีวิตชีวา คนจากสำนักต่างๆของอาณาจักรเบื้องบนมาด้วยความตื่นเต้น เขาจึงสามารถใช้โอกาสนี้ไปพบ’เพื่อนเก่า’ได้
ในเวลาเดียวกัน เขาสามารถหาข่าวเกี่ยวกับบุตรฟ้าประทานที่ระบบแจ้งเตือนเขาเร็วๆนี้ได้
ตอนนี้ที่บุตรฟ้าประทานอยู่ในระยะของระบบ เขาต้องอยู่ไม่ไกลจากเขาเกินไป
...
ศิษย์หลายคนที่ประตูวังเต๋าอมตะสวรรค์สังเกตเห็นกู่ฉางเกอกับผู้ติดตามเขาตอนเขาออกเดินทางไปยังเมืองโบราณ
ผู้ชมอดไม่ได้ที่จะมองกู่ฉางเกอด้วยสายตาอิจฉาและชื่นชม เหนือสิ่งอื่นใด เขาทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ขุ่นเคือง แต่ก็ยังกล้าเดินไปทั่ววังเต๋าเหมือนสวนหลังบ้าน และแม้แต่ผู้อาวุโสของวังก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้
มีแค่กู่ฉางเกอเท่านั้นถึงทำอะไรแบบนี้ได้!
ไม่นาน ข่าวเกี่ยวกับศิษย์แท้จริงออกจากวังเต๋าก็กระจายไป และหลายคนก็จับตาดูการเคลื่อนไหวของเขา
..
[หอคอยประชันสวรรค์]
หอคอยประชันสวรรค์คือสิ่งก่อสร้างใหญ่โตในเมืองโบราณเต๋าสวรรค์ มันเป็นของพันธมิตรการค้าหมื่นเต๋า ซึ่งหนุนหลังโดยสำนักเซียนนับไม่ถ้วน
ในวันปกติ มีแค่พวกคนใหญ่คนโตกับอัจฉริยะถึงได้รับเกียรติให้ก้าวเข้าหอคอย
ทั้งสถานที่เต็มไปด้วยแสงสว่างที่ทำให้มันดูเหมือนแดนสวรรค์ ดอกไม้เซียนเบ่งบานและปล่อยกลิ่นหอมไปทุกทิศทาง มีนกกับอสูรหายากอยู่ทั่ว ช่วยเสริมความงามของที่แห่งนี้
หอคอยประชันสวรรค์ยังมีภูเขาที่ปกคลุมด้วยหมอก น้ำค้างแข็งกับปราณหนาแน่นที่มาจากสมบัติวิญญาณซึ่งกระจัดกระจายทั่วภูเขา
ตอนนี้ อัจฉริยะรุ่นเยาว์นับไม่ถ้วนจากสำนักต่างๆของอาณาจักรเบื้องบนได้มารวมกันในหอคอย ด้วยผู้ติดตามที่มีพลังบ่มเพาะสูง อัจฉริยะเหล่านี้เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
บ้างมีเขาบนหัว บ้างมีหน้าตาประหลาด บ้างมีกลิ่นอายยิ่งใหญ่แผ่ออกมา
มีคนหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและสาวงามเหมือนเทพธิดาทั่ว
การกำเนิดของสมบัติศักดิ์สิทธิ์ในส่วนลึกของวังเต๋าทำให้หลายขุมอำนาจตกใจ แต่เพราะต้องพิจารณาถึงหน้าตาและด้านอื่น สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ซ่อนตัวในขุมอำนาจเหล่านี้จึงยังไม่ออกมา พวกเขาส่งอัจฉริยะตัวเองมาฉวยโอกาสแทน
ทุกคนในนี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงในดินแดนตนเองบ้าง บางคนยังเห็นอัจฉริยะสูงสุดบางคนเผยตัวสักพักก่อนหายไปในส่วนลึกของหอคอย และนั่นก็ทำให้เกิดความวุ่นวายแล้ว
วังเต๋าอมตะสวรรค์ถือได้ว่าดึงดูดคนทั้งโลก!
มันสามารถเห็นรังสีแสงนับไม่ถ้วน เรือรบบินได้ สัตว์ขี่ และสมบัติบินเหนือเมืองโบราณเต๋าสวรรค์ ซึ่งบดบังแสงแดดและปกคลุมท้องฟ้า
หอคอยประชันสวรรค์หนุนหลังโดยพันธมิตรการค้าหมื่นเต๋า ไม่เพียงมันจะให้บริการในฐานะโรงประมูลใหญ่สุดของเมือง แต่มันยังเป็นตึกการค้าที่ใหญ่สุดของเมือง มันมียาวิเศษนับไม่ถ้วน วิชายุทธ์ลี้ลับ อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์และวัตถุดิบล้ำค่า
นอกจากนี้ หอคอยประชันสวรรค์ยังจัดงานเลี้ยงหมื่นเต๋าที่จะรวมอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหมดให้มาแข่งขันกัน
งานเลี้ยงหมื่นเต๋าทุกครั้งจะมีของดีเป็นจุดเด่น!มันสามารถเป็นได้ทั้งวิชายุทธ์ลี้ลับ อาวุธเทพ หรือบางสิ่งที่มีค่ามาก
ถ้านั่นยังไม่พอ งั้นงานเลี้ยงหมื่นเต๋ายังมอบโอกาสให้คนได้กระจายชื่อไปทั่วโลกผ่านการแสดงฝีมือแค่ครั้งเดียว
ตอนนี้ อัจฉริยะรุ่นเยาว์มากหน้าหลายตากำลังคุยกันไม่หยุดปาก
“โอกาสครั้งใหญ่ได้สำแดงในส่วนลึกของวังเต๋าอมตะสวรรค์ สำนักของข้าจึงส่งข้ามาที่นี่เพื่อแบ่งมัน”
สิ่งมีชีวิตหนุ่มที่มีปีกเงินบนหลังพูด
“ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ การเข้าไปข้างในโดยไม่ได้เป็นศิษย์ของวังเต๋าอมตะสวรรค์จะถือว่าเป็นไปไม่ได้”
คนข้างเขาพูด
“เรื่องไม่มีทางง่ายอย่างที่พวกเจ้าคิด”
“ถูกต้อง!ข้าได้ยินว่ามีทวีปเซียนโบราณลึกลับในส่วนลึกของวังเต๋าอมตะสวรรค์ ที่นั่นต้องมีสมบัติซ่อนอยู่มากแค่ไหนกัน?เจ้าจะประเมินไดหรือ?ถ้ามันเป็นข้า ข้าต้องอยากผูกขาดทุกอย่างไว้กับตัว ข้าได้ยินว่ามีแค่ผู้อาวุโสกับผู้สืบทอดของวังเต๋าถึงมีสิทธิ์ก้าวเข้าทวีปนั่น และทุกคน แม้กระทั่งศิษย์แท้จริงก็ไม่สิทธิ์จะเหยียบเข้าไป”
จากนั้น ชายหนุ่มข้างคนเหล่านี้ก็ตอบอัจฉริยะข้างเขาด้วยความดูถูก ไฟสีม่วงห้อมล้อมคนที่พูด และใยบหน้าน่ากลวัของเขาก็ทำให้เขาดูเหมือนคนที่มาจากโลกแห่งคนตาย
หลายคนเปลี่ยนสีหน้าพอจำคนตรงหน้าตัวเองได้
เขาคืออัจฉริยะแห่งยมโลก!
เขาควบคุมไฟแห่งยมโลกได้ ว่ากันว่าเขาเผาคู่ต่อสู้มานับไม่ถ้วน มันไม่สามารถประเมินจำนวนดวงวิญญาณที่โดนเขาเผาจนสลายไปได้
ยังมีข่าวลือว่าเขาไม่ได้อ่อนไปกว่าอัจฉริยะสูงสุด!
แต่ทว่า คำพูดของเขาก็สะท้อนในหัวพวกเขา วังเต๋าอมตะสวรรค์มีสถานะพิเศษในอาณาจักรเบื้องบนเพราะผู้ยิ่งใหญ่หลายคนล้วนเคยเป็นศิษย์ของวังและมีความรู้สึกผูกพันธ์กับวัง
คนรุ่นก่อนจะไม่บากหน้ามาขอแบ่งเค้ก พวกเขาจึงส่งผู้เยาว์ของตัวเองมาขอผลประโยชน์บ้าง
“ในเมื่อเรากำลังพูดถึงวังเต๋าอมตะสวรรค์ เราจะลืมเรื่องนายน้อยกู่ได้ไง?ข้าเกรงว่าต่อให้อัจฉริยะทั้งหมดจากขุมอำนาจต่างๆผนึกกำลังกัน พวกเขาก็คงไม่สามารถได้อะไรจากวังเต๋าถ้าเขายังอยู่”
ชายหนุ่มผมยาว ตาฟ้าส่ายหัว เกล็ดสามารถเห็นได้บนหน้าเขา และแสงสว่างก็เบ่งบานรอบตัวเขา เขามาจากตระกูลทะเลโบราณ
คำพูดของเขาทำให้คนส่วนใหญ่เงียบ
กู่ฉางเกอ!
อัจฉริยะสูงสุดหนึ่งเดียวที่อยู่ในอาณาจักรจักรพรรดิขั้นกลาง!
เขาบดขยี้อัจฉริยะสูงสุด เจ้าชายฉู่อู่จื่อได้ง่ายๆ พลังของเขาไม่อาจจินตนาการได้ เขาคือฝันร้ายสำหรับพวกเขา
การเรียกเขาว่าขุนเขาหาใดเปรียบไม่ใช่การพูดเกินจริง!
“รอก่อนเถอะ!ข้าได้ยินว่านายน้อยกู่มีเรื่องบาดหมางกับผู้อาวุโสใหญ่ ไม่กี่วันก่อน เขาทำให้ผู้อาวุโสใหญ่โกรธจนสภาพแวดล้อมเปลี่ยนสี”
บางคนพูดด้วยรอยยิ้ม“ใครจะไปรู้?นายน้อยกู่อาจไม่เลือกยืนข้างวังเต๋าก็ได้พอถึงเวลา”
พอคำพูดของผู้พูดสิ้นสุด คนในสภาพแวดล้อมก็รู้สึกถึงความปั่นป่วนจากด้านนอกหอคอย สาวงามในชุดม่วงก้าวออกจากความว่างเปล่า ดอกบัวแสงที่เกิดจากอักขระเต๋าเบ่งบานตามทุกย่างก้าวของนาง ทำให้นางดูงดงามมาก
กลิ่นอายลี้ลับปกคลุมตัวนราง แขนเสื้อนางพริ้วไหวในสายลม และใบหน้างามสดใสของนางก็ไร้ซึ่งข้อบกพร่องใดๆ
ดวงตาคู่งามของนางใสกระจ่างประดุจอัญมณีล้ำค่า
“นางเป็นใคร?”
การปรากฏตัวของนางทำให้หอคอยประชันสวรรค์ปั่นป่วน และทำให้อัจฉริยะหลายคนตกใจ พวกเขาไม่เคยเห็นสาวงามในชุดม่วงมาก่อน
“,มันเป็นเขา!เยาหลางเทียน นายน้อยตระกูลเซียนเย่!”
จากนั้น บางคนก็อุทานตอนเห็นชายหนุ่มด้านหลังสาวงามชุดม่วง
ชายหนุ่มสวมชุดเกราะทองแสบตา เขาเดินตามหลังสาวงามครึ่งก้าว แสงสีทองสว่างห้อมล้อมตัวเขา และแม้กระทั่งผมของเขาก็ยังเปล่งแสง ผู้ชมสามารถเห็นภาพนิมิตของมังกร วิหคเพลิง และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆบินรอบตัวเขาได้
“มันคือเย่หลางเทียน!เขาคือการกลับชาติมาเกิดของจักรพรรดิโบราณ!”
“พระเจ้า!ไม่คิดเลยว่าเขาเองก็มาด้วย!เขากำลังจะเปิดตัวให้โลกรู้จากสวรรค์ไร้ขอบเขตแห่งนี้เหรอ?”
“ดูเหมือนตระกูลเซียนเย่ก็อยากมีเอี่ยว เย่หลางเทียนถูกยอมรับว่าเป็นการกลับชาติมาเกิดของจักรพรรดิโบราณ และตอนนนี้ เขาเองก็ปรากฏตัว!”
หลายคนในหอคอยไม่สามารถระงับความตกใจได้
เหนือสิ่งอื่นใด เย่หลางเทียนคืออัจฉริยะสูงสุดที่ควรเทียบเคียงได้กับกู่ฉางเกอ ผู้มีพรสวรรค์ของเซียนแท้จริง ไม่ว่าจะมองยังไง เขาก็ดูยิ่งใหญ่
มีน้อยคนที่จะได้เห็นเย่หลางเทียนสู้ และก็มีบันทึกการกระทำของเขาไม่มากเช่นกัน
เขาเหมือนกับกู่ฉางเกอ ผู้สามารถเอาชนะคนที่แข็งแกร่งกว่าได้แม้จะมีฐานบ่มเพาะต่ำกว่า ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะสูงสุดหรือคนอื่น ทั้งคู่สามารถประชันกับพวกที่มีฐานบ่มเพาะเหนือกว่าได้
เย่หลางเทียนแทบไม่เปิดเผยตัว แต่ตอนนี้ เขากลับปรากฏตัว หลายคนเชื่อมโยงการปรากฏของเขากับเหตุการณ์ปัจจุบัน
“น้อมพบนายน้อยเย่!”
หลายคนก้มหัวให้เย่หลางเทียนและประสานมือเพื่อทำความเคารพ
เย่หลางเทียนพยักหน้าตอบ
“พี่ใหญ่ พี่คิดว่ากู่ฉางเกอจะมาที่นี่ไหม?”
สาวงามในชุดม่วงข้าวเย่หลางเทียนนั้นไม่ใช่ใครนอกจากเย่หลิวลี่
นางมองรอบตัว แต่ก็ไม่เจอคนที่นางหา นางอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
เย่หลางเทียนยิ้ม“น้องกู่จะไม่มาได้ไง?เขาคือหน้าตาของทั้งวังเต๋า เขาย่อมมาเป็นเจ้าภาพ”
หลังจากนั้น เขาก็แนะนำเย่หลิวลี่ให้อัจฉริยะคนอื่นรู้จัก
หลายคนคิดว่าเย่หลิวลี่เป็นญาติเขา ไม่มีใครคิดว่านางคือน้องสาวเขาที่ถูกเลี้ยงในอาณาจักรเบื้องล่าง
ความคิดของหลายคนเผาไหมหลังได้ยินว่านางเป็นใคร
องค์หญิงน้อยแห่งตระกูลเย่ แค่ตำแหน่งนี้อย่างเดียวก็ทำให้พวกเขาน้ำลายไหลแล้ว นับประสาอะไรกับอย่างอื่น พวกเขาจะไปถึงจุดสูงสุดของชีวิตได้อย่างง่ายดายถ้ากลายเป็นบุตรเขยของตระกูลเย่
ความคิดต่างๆแวบผ่านหัวพวกเขา จากนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“เย่หลางเทียน ข้าได้ยินว่าเจ้าเสียท่าให้คนในตระกูลตัวเองอย่างยับเยิน?สุดท้าย การประมือก็ถึงทางตัน และเจ้าก็ทำได้แค่สูสีกับคู่ต่อสู้ของเจ้าเท่านั้น ข่าวนี้เป็นจริงหรือไม่?”
ชายกำยำที่มีเส้นสีขาวบนหน้าผากและหนังสัตว์เดินเข้ามา
ตัวของเขาแผ่จิตสังหารรุนแรง และกลิ่นอายกดขี่ มันราวกับเขาคือหม้อเดือดที่พร้อมระเบิด
“ไป่เล่ย!เขาคือนายน้อยแห่งตระกูลพยัคฆ์ขาว!ทำไมเขาถึงมาที่นี่ด้วย?”
“พระเจ้า!อัจฉริยะสูงสุดอีกคน!”
หลายคนตกใจกับการปรากฏตัวและกลั้นหายใจ วันนี้ มีอัจฉริยะสูงสุดมากมายเผยตัว
ตระกูลพยัคฆ์ขาวเองก็เป็นตระกูลเซียนโบราณ และพรสวรรค์โดยกำเนิดของพวกเขาก็คือ[พลังทำลายล้างทองคำ] ซึ่งพูดได้ว่ามีพลังจะทำลายทุกอย่าง
ลือกันว่าพลังทำลายล้างของวิชานี้ของตระกูลพยัคฆ์ขาวสามารถติดสามอันดับแรกในอาณาจักรเบื้องบน
ไป่เล่ยคืออัจฉริยะที่แข็งแกร่งสุดในตระกูลพยัคฆ์ขาวแล้ว และเขาก็ใกล้ชิดกับบรรพชนมากสุด
เทียบกับอัจฉริยะสูงสุดคนอื่น รากฐานกับอำนาจเขาเหนือกว่า!
เกิดความวุ่นวายทั่วหอคอยพอคนได้ยินชื่อไป่เล่ย
ข่าวนี้ทำให้ทุกคนตกใจ
เย่หลางเทียนคืออัจฉริยะสูงสุดที่ว่ากันว่าเทียบได้กับกู่ฉางเกอ และถูกเรียกว่าจักรพรรดิโบราณ
ข่าวที่มาจากปากของไป่เล่ยถือว่าน่าตกใจมาก
อัจฉริยะหลายคนจากหอคอยมีความตกใจเติมเต็มดวงตา
ในทางกลับกัน เย่หลางเทียนกลับเงียบสงบ ความขุ่นมัวแวบผ่านตาเขา.“ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะกระจายไปไวขนาดนี้ แต่ทว่า วิธีการของหมอนั่นแปลกไปหน่อย ข้าสะกดฐานบ่มเพาะตัวเองและไม่ได้ทุ่มสุดตัว ไม่งั้นเขาจะมีโอกาสอาละวาดต่อหน้าข้าได้ไง?”
คำพูดของเขาได้ยืนยันคำพูดของไป่เล่ย ซึ่งทำให้หอคอยเงียบ
คนเดียวที่พูดก็คือไป่เล่ย“ข้ารู้รายละเอียด เหนือสิ่งอื่นใด น้องชายเย่หลิงมีความสัมพันธ์อันดีกับข้า แน่นอน เจ้าสามารถวางใจได้เพราะข้าไม่ได้เบื่อจนมาที่นี่แค่เพื่อถากถางเจ้า”
เย่หลางเทียนได้ยินคำพูดเขาและถาม“แล้วเจ้ามาทำไม?”
“ข้าย่อมมาพบหน้าคู่หมั้นข้านะสิ”
ไป่เล่ยแสยะยิ้มและก็สามารถเห็นความภาคภูมิใจบนหน้าเขาได้
หลายคนตกตะลึง และอดอิจฉาเขาไม่ได้
ว่ากันว่าหยินเม่ย สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางได้หมั้นหมายกับไป่เล่ยไม่นานมานี้
จากนั้น คำประกาศก็มาจากด้านหน้าหอคอย“นายน้อยแห่งตระกูลกู่มาถึงแล้ว!”