SWO ตอนที่ 8 มีบางอย่างเกิดขึ้น!
เมื่อเขากลับมาถึงโรงเรียน เงิน 100,000 หยวนที่โจวเฮาขโมยมาก็หายไป แต่โจวเฮาอารมณ์ดี เขามั่นใจว่าเขาจะสามารถได้รับมากขึ้นเมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง
ทันทีที่เขามาถึงอาคารเรียน เขาก็ได้ยินการโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน
อย่างที่คาดไว้ มีบางอย่างเกิดขึ้นกับหวังหมิง หลี่จี้ และผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ที่มีศักยภาพติดสิบอันดับแรก!
“เวรเอ้ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“เกิดตอนไหนไม่เกิด ดันมาเกิดตอนนี้ ตอนกำลังจะเริ่มแข่งเนี้ยนะ?”
"ใครจะรู้? ข้าได้ยินมาว่าเขาเคล็ดเอวตอนฝึก”
“เคล็ดเอวคนเดียวยังรับได้ แต่นี่เล่นเคล็ดเอวพร้อมกันเป็นสิบคน! มีแต่คนโง่เท่านั้นที่เชื่อว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุ!”
ข่าวแพร่กระจายเร็วมาก นักเรียนทุกคนไม่เพียงรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เท่านั้น แม้แต่คนระดับสูงและอาจารย์ของโรงเรียนก็ได้ยินเรื่องนี้ด้วย
ในสำนักงานของอาจารย์ใหญ่
หัวหน้าชั้น คณบดี และอาจารย์หลายคนมารวมตัวกัน
“อาจารย์ใหญ่ ยังไงเราก็ต้องยกเลิกการแข่งขัน นักเรียนหลายคนแทบจะขยับตัวไม่ได้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะเข้าร่วมการแข่งขันได้ทัน!”
“นักเรียนห้าอันดับแรก รวมทั้งหวังหมิงและหลี่จี้ล้วนป่วยพร้อมกัน มองยังไงมันก็บังเอิญเกินไป หากเราไม่ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด การแข่งนี้จะไร้ความหมาย”
“ข้าว่าเราควรเลื่อนออกไปสักสองสามวัน การยกเลิกไปเลยคงไม่งามเท่าไหร่”
อาจารย์หลายคนพูดขึ้น ทำให้ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่เต็มไปด้วยเสียง
อาจารย์ใหญ่เจิ้งไม่ได้กล่าวอะไร แต่เขากลับมองไปที่ผู้อำนวยการฝ่ายปีสามแทน “ผู้อำนวยการฝ่ายหง เจ้าคิดเช่นไร?”
ผู้อำนวยการฝ่ายหงเป็นผู้ฝึกยุทธที่เกษียณแล้ว รอยแผลเป็นยาวบนใบหน้าทำให้เขาดูน่ากลัวเป็นพิเศษ
เมื่อได้ยินคำถามของอาจารย์ใหญ่ เขาก็พ่นลมหายใจอย่างหนัก “การแข่งขันก็เปรียบเสมือนสงครามที่สถานการณ์ไม่คาดคิดทุกประเภทสามารถเกิดขึ้นได้ สงครามสามารถยกเลิกได้ง่าย ๆ เพียงปากพูดงั้นรึ?”
“ฮึ่ม! ต้องขยะแค่ไหนกันถึงทำเอวตัวเองเคล็ดระหว่างฝึกได้ ไม่ว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุหรือไม่ ก็ควรโทษตัวเองที่อ่อนแอเกินไป”
“คงจะสิ้นเปลืองทรัพยากรของโรงเรียนเสียเปล่า ๆ หากให้นักเรียนเช่นนั้นเข้าร่วมการแข่ง!”
คำพูดของผู้อำนวยการฝ่ายหงทำให้การแสดงออกของอาจารย์หลายคนเปลี่ยนไป
แต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียง
ท้ายที่สุดแล้วนี่คือผู้ฝึกยุทธที่เข้าร่วมการต่อสู้เครื่องบดเนื้อ
อาจารย์ใหญ่เจิ้งกระแทกโต๊ะ “ดี พูดได้ดี! อาจารย์กลับไปทำให้นักเรียนสงบ การแข่งจะเริ่มในอีกครึ่งชั่วโมง!”
อาจารย์ปีสามพยักหน้า และออกจากสำนักงาน
ผู้อำนวยการฝ่ายหงไม่ได้ออกไปด้วย เขาหรี่ตาและจ้องไปที่อาจารย์ใหญ่เจิ้ง “เฒ่าเจิ้ง อย่าโกหกข้า เจ้าเป็นส่งคนไปทำเช่นนั้นรึ?”
อาจารย์ใหญ่เจิ้งส่ายหัว “จุดประสงค์ของการแข่งขันนี้คือการหาตัวอัจฉริยะไร้เปรียบในโรงเรียนของเรา หากข้าส่งคนไปลงมือ มันจะไม่ทำให้เรื่องทั้งหมดไร้ความหมายเอาหรอกรึ?”
“เฒ่าเจิ้ง นี่เจ้าหมายความว่าอัจฉริยะไร้เปรียบผู้นั้นเป็นคนลงมือ?” ผู้อำนวยการฝ่ายหงรู้สึกงุนงง
คณบดีที่อยู่ด้านข้างหัวเราะ “นอกจากอัจฉริยะคนนั้นแล้ว จะมีใครอีกที่สามารถทำร้ายนักเรียนซึ่งมีศักยภาพที่จะติดสิบอันดับแรกได้?”
“แต่ข้าไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนั้นไปทำไม ถ้าเขาต้องการรางวัล เขาแค่ลงสมัครเองก็ได้ไม่ใช่รึ?” ผู้อำนวยการฝ่ายหงยังคงไม่เข้าใจ
อาจารย์ใหญ่เจิ้งจึงอธิบายให้เขาฟัง “อัจฉริยะของโรงเรียนเราผู้นี้อาจไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน แต่อีกใจหนึ่งเขายังต้องการรางวัล ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงใช้วิธีอื่นอย่างลับ ๆ เท่านั้น”
ผู้อำนวยการฝ่ายหงไม่ได้โง่ เพียงไม่นานเขาก็ตระหนักได้ “เจ้ากำลังจะบอกว่าอัจฉริยะคนนั้นให้เพื่อนของเขาเข้าร่วมแทน?”
“ฮ่าฮ่า…” อาจารย์ใหญ่เจิ้งและคณบดีหัวเราะ
“ช่างเป็นคนเจ้าเล่ห์เสียจริง” ผู้อำนวยการฝ่ายหงยิ้ม ซึ่งนั่นยิ่งทำให้รอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขาดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
อาจารย์ใหญ่เจิ้งยกย่อง “ดีแล้วที่เขาเจ้าเล่ห์ เวลานี้ที่เผ่าพันธุ์ภายนอกกำลังจับตาดูเราด้วยความโลภ คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นักที่โรงเรียนของเราจะมีอัจฉริยะไร้เปรียบปรากฏ”
“ความตั้งใจเดิมของข้าคือการตามหาและส่งเขาไปยังฐานฝึกระดับโลก แต่เนื่องจากเขาไม่ต้องการถูกเปิดเผย เราจึงทำได้เพียงปล่อยเขาไป”
ผู้อำนวยการฝ่ายหงสูดหายใจเข้าก่อนกล่าว “เฒ่าเจิ้ง ครั้งนี้เจ้าทำถูกแล้ว ฐานฝึกระดับโลกผิวเผินดูเหมือนจะถูกป้องกันอย่างแน่นหนาจากผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีอัจฉริยะรุ่นเยาว์กี่คนแล้วที่ถูกเผ่าพันธุ์ภายนอกสังหารจนตกตาย?”
คณบดีลังเล “มันยังเสี่ยงเกินไป โรงเรียนของเราไม่มีความสามารถในการปกป้องอัจฉริยะ อีกทั้งทรัพยากรของเราก็ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น ข้าเกรงว่าเราคงจะกลายเป็นอุปสรรคต่ออัจฉริยะของโรงเรียนเราเท่านั้น”
อาจารย์ใหญ่เจิ้งมองไปยังผู้อำนวยการฝ่ายหง
ผู้อำนวยการฝ่ายหงจะไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังการจ้องมองของเขาได้อย่างไร? เขาตะโกนขึ้นทันที“เฒ่าเจิ้ง เฒ่าเฉา เจ้าสองคนสมคบคิดว่าแผนหลอกข้า ข้ากะแล้วว่าคงไม่มีอะไรดีเมื่อพวกเจ้าเชิญข้ามา”
“ช่างเถอะ ข้าไม่ได้ติดต่อกับหัวหน้าเก่ามาหลายปีแล้ว คราวนี้ต้นกล้าหายากได้ปรากฏในโรงเรียน ข้าจะไม่ปล่อยให้มันสูญเปล่าในมือของข้าแน่”
…
การแข่งซึ่งถูกจัดขึ้นตามกำหนดทำให้นักเรียนหลายคนประหลาดใจ นักเรียนหลายคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหวังหมิง หลี่จี้และนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บคนอื่น ๆ เริ่มประท้วงต่อต้านความอยุติธรรม
แต่ภายใต้แรงกดดันของอาจารย์ ในที่สุดเสียงเหล่านี้ก็หายไป
14:30 น.
นักเรียนปี 3 ทุกคนนั่งอยู่ตรงที่นั่งผู้ชมข้างโถงฝึกฝน
นอกจากนี้นักเรียนดีเด่นบางคนจากปีสอง และปีหนึ่งก็นั่งดูอยู่ด้วย
โจวเฮา และจางอี้ยืนอยู่ด้านข้าง
จางอี้มองไปที่โจวเฮาและถามด้วยความสงสัย "โจวเฮานี่เป็นฝีมือของเจ้าหรือไม่?"
โจวเฮายิ้มอย่างขมขื่น “จางอี้ ข้ายังไม่ถึงแก่นโลหิตขั้นหนึ่งด้วยซ้ำ เจ้าคิดว่าคนแบบข้าสามารถทำแบบนั้นได้?”
ความสงสัยในดวงตาของจางอี้จางลงเล็กน้อย แต่ภายในยังขัดแย้งกันอยู่ "แต่…"
“ไม่มีแต่” โจวเฮาขัดจังหวะ “คิดถึงน้องสาวของเจ้าสิ เจ้าอยากให้นางจบลงเหมือนเจ้าที่ไม่มีทั้งอาหารและทรัพยากรฝึกฝนเพียงพอ?”
การแสดงออกของจางอี้เปลี่ยนไปขณะกำหมัดแน่น
โจวเฮาตบไหล่จางอี้ “นี่คือโอกาสของเจ้า เจ้าต้องคว้ามันไว้ และทำให้ดีที่สุด!”
"ขอบคุณ!" จางอี้กล่าวอย่างหนักแน่น
“รอบคัดออกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!” ในขณะนี้อาจารย์ผู้ดูแลการแข่งขันได้ตะโกนขึ้น “ขอให้ผู้เข้าร่วมทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม”