691 - ไม่ได้มาเพียงลำพัง
691 - ไม่ได้มาเพียงลำพัง
เนื่องจากพวกเขากำลังเดินอ้อม พวกเขามาถึงอีกด้านหนึ่งของภูเขาและเห็นคราบเลือดสีแดงเข้มจำนวนมาก และพวกเขาก็เห็นคัมภีร์ผนึกเทพในระยะใกล้
“อยู่ให้ห่างจากคนที่อยู่ข้างบนกันเถอะ แม้แต่ซากศพโบราณก็ดูไม่ธรรมดา ถ้ามีปัญหาพวกเราอาจไม่สามารถออกจากที่นี่ได้” เย่ฟ่านกล่าว
ชายชราผู้บ้าคลั่งไม่พูดอะไรมาก แต่เขากำลังคิดอย่างจริงจัง และเปลี่ยนเส้นทางทีละก้าว จากนั้นทุกคนก็เดินขึ้นสู่ภูเขาด้วยความระมัดระวัง
แสงสีทองที่มาจากคัมภีร์ผนึกเทพนั้นทำให้ที่นี่สว่างไสวและขับไล่หมอกอันเลวร้ายออกไป
"บ่อโลหิต..."
หลี่เหอซุยรู้สึกประหลาดใจที่มีบ่อโลหิตที่ยังไม่แห้งเหือดในบริเวณนี้
“นี่คือเลือดของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณคนนั้น มันเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่า!”
สุนัขสีดำตัวใหญ่กรีดร้อง แทบจะกระโจนเข้าใส่ แต่มันต้องหักห้ามความต้องการของตัวเอง เพราะการจะกระโดดเข้าไปที่นั่นจะทำให้มันหลุดออกจากเส้นทางที่ถูกต้อง
“น่าเสียดาย แก่นสารได้หายไปนานแล้ว”
เย่ฟ่านส่ายหัว แต่เขาอดตกใจไม่ได้ เวลาผ่านไปกว่าแสนปีแล้วแต่เลือดของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่เข้าสู่ระดับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ไม่เคยแห้งเหือด ในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่เขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน?
“มีรากยาวิญญาณที่ตายแล้ว” หลี่เหอซุยอุทานด้วยความตื่นเต้น
ในแอ่งเลือด มีร่องรอยของยาเซียนที่ครั้งหนึ่งเคยเติบโตเต็มที่ แต่น่าเสียดาย มันถูกนำออกไปแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายาเซียนเหล่านี้ถูกปลูกไว้ในบ่อโลหิตของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ
“ข้ารู้ว่าเป็นฝีมือใคร..” จักรพรรดิดำสาปแช่งด้วยความโกรธ
“มันเป็นเจ้าปีศาจตัวนั้น มันหลุดออกจากผนึกของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้จริงๆ”
เย่ฟ่านตกใจมาก คัมภีร์ผนึกเทพที่ถูกฝังไว้บนหน้าผานั้นไม่ทราบว่าผ่านมากี่หมื่นปีแล้ว แต่สิ่งมีชีวิตที่ถูกผนึกไว้กลับยังมีชีวิตอยู่ นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากเกินไป
“ยาเซียนต้นนี้เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ปลูกด้วยตัวเอง ข้าเห็นมันกับตาของข้า ไม่คิดว่าไอ้สาระเลวตัวนั้นจะหยิบฉวยไป” จักรพรรดิดำถอนหายใจด้วยความเศร้า
“มีหินแกะสลักอยู่ด้านข้าง”
“...”
เสี่ยวหนานหนานยื่นมือเล็ก ๆ ของนางออกแล้วชี้ไปข้างหน้า
"ไอ้สาระเลวคนไหนกล้าดูหมิ่นคัมภีร์ผนึกเทพ!?” จักรพรรดิดำโกรธจัด
เย่ฟ่านตกใจมาก หินแกะสลักนั้นมีรูปร่างเหมือนพระพุทธรูปที่เขาเคยเห็นในวัดโบราณทุกประการ
“อย่าเข้าใกล้ รูปปั้นนี้น่ากลัวมาก” ชายชรากล่าวทันที
“ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่คนหัวโล้นนี่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งไม่เป็นรองจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!”
แม้ว่าสุนัขสีดำตัวใหญ่จะเต็มไปด้วยความโกรธ แต่มันก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน
“มีหินแกะสลักอยู่ตรงนั้นด้วย” เสี่ยวหนานหนานชี้ไปที่อีกด้านหนึ่งของคัมภีร์ผนึกเทพ
ในหมอกสีขาวมีรูปปั้นของชายชราขี่วัวเขียวตัวหนึ่ง ร่างกายของเขาโอบล้อมไปด้วยปราณสีม่วงจางๆ หากไม่ใช่เพราะปราณสีม่วงพวกนี้มันคงเป็นเรื่องยากที่ทุกคนจะมองเห็นเขา
"ไอ้สาระเลวเฒ่าคนนี้เป็นใคร!" จักรพรรดิดำถามอย่างโกรธเคือง
หมอกบนภูเขาสีดำเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ ทุกตารางนิ้วนิ้วแทบมองไม่เห็น แต่ที่นี่ยังคงสงบมาก
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ สองคนนี้เป็นใคร เหตุไฉนรูปแกะสลักของพวกเขาจึงถูกวางอยู่ใกล้ๆ คัมภีร์ผนึกเทพ!” จักรพรรดิดำบ่น
“เจ้าคนหัวโล้นนี่ดูเหมือนจะเป็นคนดีอยู่บ้างจากลักษณะท่าทางของเขา แต่ไอ้เฒ่าที่ขี่วัวกระทิงสีเขียวตัวนี้ถูกห่อหุ้มด้วยปราณอสูรเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนดี” สุนัขดำตัวใหญ่ยังคงพูดไม่หยุด
เย่ฟ่านพูดไม่ออกเล็กน้อย สุนัขสีดำตัวใหญ่นั้นพูดมากเกินไป จริงๆ
มันกล้าเรียกศากยมุนีว่าเป็นคนหัวโล้น ในขณะที่ผู้อาวุโสขี่กระทิงตัวนี้ก็ครอบครองปราณม่วงตะวันออกซึ่งเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด มันจะกลายเป็นปราณอสูรได้อย่างไร?
“ให้เกียรติพวกเขาหน่อยได้หรือไม่...” เย่ฟ่านกล่าวด้วยความไม่พอใจ
“อะไร เจ้ารู้จักที่มาของคนหัวโล้นนี้หรือ แล้วชายชราที่เลี้ยงกระทิงนี่เป็นใคร?” คำพูดของมันช่างไม่เหมาะสมจริงๆ
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ”
เสี่ยวหนานหนานตบศีรษะของมันเบาๆ เด็กหญิงตัวเล็กๆ สูงกว่ามันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ข้าอารมณ์เสียมากเมื่อเห็นรูปปั้นของเจ้าหัวโล้นและคนเลี้ยงวัวบัดซบนี่ มันเลวร้ายเกินไป เลวร้ายจริงๆ ใครเป็นคนเอารูปปั้นของคนเหล่านี้มาตั้งไว้ที่นี่!”
สุนัขสีดำตัวใหญ่คร่ำครวญด้วยความโกรธ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิปราศจากจุดเริ่มต้น สำหรับมันแล้วถือเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น
เย่ฟ่านคิดถึงอัตลักษณ์ของศากยมุนีและชายชราที่ขี่วัวกระทิง เมื่อเขาได้ยินเรื่องไร้สาระของสุนัขดำตัวใหญ่ เขาก็รู้สึกอยากอาเจียนออกมาเป็นเลือด เจ้าสุนัขบ้าตัวนี้ไร้ศีลธรรมจริงๆ
“อย่าให้ข้าเห็นพวกมัน ไม่อย่างนั้นข้าจะทุบพวกมันให้แหลกละเอียด!” จักรพรรดิดำยังคงพูดไร้สาระต่อไป
เย่ฟ่านเห็นมันยังคงลบหลู่ทั้งสองคนแบบนี้เขาก็รู้สึกทนไม่ได้อยู่บ้าง
"อย่าพูดถึงพวกเขาโดยขาดความเคารพ เจ้าไม่สามารถเอาชนะวัวที่ชายชราคนนี้ขี่ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวชายชราและคนหัวโล้นที่อยู่ข้างๆ"
"ให้ตายสิ ก็แค่วัวแก่ตัวนึงไม่ใช่หรือ?”
“ต่อให้เจ้าแข็งแกร่งกว่านี้หลายสิบเท่า เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา”
จู่ๆชายชราก็พูดขึ้น เขาจ้องไปที่รูปแกะสลักด้วยท่าทางเคร่งขรึม
เย่ฟ่านรู้สึกว่าเมล็ดโพธิ์ของเขาร้อนขึ้น เขาจึงรีบหยิบมันออกมาแล้วถือไว้ในมือเพื่อสัมผัสอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นรูปแกะสลักทั้งสองดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
เย่ฟ่านจมเข้าไปในภวังค์ เขามองเห็นพุทธองค์ที่ทรงเมตตานั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นโพธิ์ มีเสียงสวดมนต์ไม่สิ้นสุดดังขึ้นในหัวของเขา ทำให้ผู้คนรู้สึกสงบและต้องการจะนั่งลงที่ด้านหน้าของพุทธองค์เช่นกัน
อีกด้านหนึ่ง พลังสีม่วงพุ่งมาจากทางทิศตะวันออก และวัวตัวผู้ขนาดใหญ่ก็พาชายชราคนหนึ่งวิ่งผ่านที่ทางนี้อย่างรวดเร็ว
อาจกล่าวได้ว่าศากยมุนีกับชายชราผู้ขี่วัวสีเขียวมีสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันสูงส่ง แม้แต่รอยประทับเล็กๆ น้อยๆ ที่พวกเขาทิ้งไว้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้จิตใจของเย่ฟ่านจมเข้าสู่สมาธิอันลึกซึ้ง
หัวใจของเย่ฟ่านค่อนเริ่มไม่สงบอีกครั้ง จากเหตุการณ์นี้เห็นได้ชัดว่ามีเทพโบราณมากมายที่เดินทางมายังโลกอำพรางสวรรค์ อย่างน้อยที่สุดเขาก็มองเห็นศากยมุนีและ*ไท่ซ่างเหล่าจวินแล้ว
*(ไท่ซ่างเหล่าจวินหรือเล่าจื้อเทพเจ้าแห่งลัทธิเต๋า)
ทางกลับบ้านของเขาอาจไม่ถูกตัดขาด เขาควรจะสามารถหามันเจอได้ และเขาก็พบความหวังที่จะกลับสู่โลกได้อีกครั้ง บางที่ "คนหัวโล้นกับ เจ้าแก่ขี่วัว" ที่จักรพรรดิดำเรียกหาอาจเป็นผู้ชี้ทางสว่างให้กับเขา
เย่ฟ่านถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริงด้วยคำด่าของสุนัขสีดำตัวใหญ่ เขาไม่พบร่องรอยที่จะชี้ให้เห็นว่าเขาจะกลับบ้านได้อย่างไร แต่สิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าเทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนเคยมาที่นี่จริงๆ
“อย่าบอกนะว่าสองคนนี้ถูกจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ผนึกไว้ที่นี่”
หลี่เหอซุยกล่าว
“ไม่ใช่ นี่เป็นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพียงเล็กน้อยที่คนทั้งสองทิ้งไว้”
ชายชราผู้บ้าคลั่งพูดเช่นนั้นก็หลับตาลง สัมผัสทางวิญญาณของเขาแทรกซึมเข้าสู่คัมภีร์ผนึกเทพที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
“มีสิ่งมีชีวิตมากมายแค่ไหนถูกผนึกอยู่ด้านใน?” เย่ฟ่านถามด้วยความประหลาดใจ
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีอาจมีมากมายนับพัน” จักรพรรดิดำตัวสั่น
“เป็นไปได้ไหมว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณถูกปิดผนึกที่นี่ในอดีต และเลือดที่เปื้อนหน้าผาก็มีความเกี่ยวข้องกับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขา?” หลี่เหอซุยถามด้วยความตกใจ
เย่ฟ่านกล่าวว่า "เรื่องนี้ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรมันก็ถูกผนึกโดยจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แล้ว”
"ปราณจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีข้อบกพร่อง สิ่งมีชีวิตที่ถูกปิดผนึกยังคงอยู่ด้านใน"
หลังจากที่ชายชราผู้บ้าคลั่งกล่าวเช่นนั้นพวกเขาก็เดินทางต่อ
หลังจากผ่านไปกว่าสองชั่วยามพวกเขาก็มองเห็นชายร่างใหญ่คนเดิมที่เคยนั่งอยู่บนโลงศพทองแดง ตอนนี้เขากำลังมองลงมาด้วยสายตาเย็นชาอย่างถึงที่สุด
“ก่อนหน้านี้เราผ่านเขามาแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมเขามานั่งอยู่ตรงนี้อีกครั้ง?” หลี่เหอซุยหน้าเปลี่ยนสี
ชายคนนี้สูงมาก ดวงตาของเขาไม่มีรูม่านตา มีเพียงแสงสีฟ้าสองดวงเท่านั้นที่ส่องทะลุผ่านหมอกหนา ชายชราผู้บ้าคลั่งบอกว่าคนๆนี้คือซากศพโบราณ แต่ซากศพที่ไหนจะสามารถเคลื่อนไหวได้?
“มันเป็นตัวอะไรกันแน่” จักรพรรดิดำกล่าวด้วยความกลัว
ชายชราผู้บ้าคลั่งหยุดเดินและเผชิญหน้ากับร่างที่เย็นยะเยือกด้านบน ผมที่ยาวและหนาของเขากระจัดกระจาย พลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในร่างของเขาระเบิดออกมาและเขาก้าวไปข้างหน้าเพียงลำพัง
“ทำเหมือนเดิม อย่ามองดูเขา รอข้าอยู่ที่นี่!” ชายชราผู้บ้าคลั่งเตือนและเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง