ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 34 เพรชในโคลนตม
ตอนที่ 34 เพรชในโคลนตม
“อากกกกก!!!”
หมิงเย่ร้องด้วยความเจ็บปวด เขาเอามือทั้งสองปิดหน้าของตัวเองเอาไว้และดิ้นไปมาอยู่กับพื้นเพราะความเจ็บที่หัว เลือดสีแดงจำนวนมากไหลออกมาจากหัวของเขา
หลินฟานมองดูภาพด้านหน้าอยู่สักพัก จากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“ นายจะทำตัวเป็นสวะข่มขืนคนอื่นมันก็เรื่องของนาย แต่อย่าได้มาออกคำสั่งกับฉันคนนี้ อย่าว่าแต่นายกเทศมนตรี ต่อให้พ่อของนายเป็นผู้ปกครองโลกฉันก็ไม่สนใจที่ไว้หน้าของมัน
“ ตอนแรกก็ว่าจะไม่สนใจแล้วปล่อยให้มันผ่านๆ ไป แต่ในเมื่อนายทำตัวของนายเองแบบนี้ฉันคงตั้งรับนายและพวกพ้องสวะของนายเข้าร่วมกับกองทัพซะแล้ว
“แต่! หน่วยที่นายและพวกพ้องสวะของนายต้องเขาก็คือ หน่วยสวะ!!”
หลินฟานคิดเอาไว้แล้วว่าต้องตั้งหน่วยนี้ขึ้นมา
หน่วยสวะ! คนที่อยู่ในหน่วยก็ตรงตามชื่อ พวกที่อยู่ในหน่วยนี้จะเป็นพวกที่ทำผิดในวันโลกาวินาศ อย่างเช่น ข่มขืน ฆ่าคนจำนวนมากหรือความผิดอื่นๆ ที่หลินฟานคิดว่าเป็นความผิด คนพวกนี้จะโดนโยนเข้าหน่วยขยะแทนการโดนประหาร
ในโลกวันโลกาวินาศแรงงานมนุษย์เป็นสิ่งจำเป็นในค่ายใหญ่ๆ เพราะงั้นแทนที่จะประหารพวกมันทิ้งแบบเปล่าประโยชน์ เอาพวกมันไว้ใช้แรงงาน เอาพวกมันไว้ใช้เป็นโล่เนื้อกันซอมบี้ เรื่องนี้มีประโยชน์มากกว่าเยอะ
ส่วนหน้าที่ของพวกหน่วยสวะก็ง่ายๆ ก็คือต้องสู้กับซอมบี้โดยห้ามถอย ห้ามหนี หากตายก็คือตาย หากรอดก็ดีไปแล้วก็ต้องสู้ต่อไป
“ไม่!! ฉันไม่เข้าร่วมกับหน่วยนั้น!!”
ชายคนหนึ่งที่เป็นพวกพ้องของหมิงเย่ตะโกนออกมา เขาเป็นชายรูปร่างดี ผิวพรรณดี ดูแล้วน่าจะเป็นลูกคนรวยหรือคนมีอำนาจอีกคน
หลินฟานหันมองไปทางเขา จากนั้นก็ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“เวลาคนร้ายทำผิดแล้วโดนเอาตัวไปขึ้นศาลเพื่อตัดสินคดี ศาลต้องขอความเห็นหรือความยินยอมจากคนร้ายก่อนไหม?”
“…”
ชายคนนั้นไม่ตอบ เขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าหลินฟานหมายความว่าอะไร
หลินฟานเริ่มพูดต่อ
“แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป เมื่อเข้าหน่วยสวะแล้วพวกนายก็ยังมีโอกาสกลับมาเป็นประชาชนปกติได้ โทษข่มขืนแบบพวกนายหากฆ่าซอมบี้ครบคนละ 100 ตัว พวกนายก็จะหลุดพ้นจากหน่วยสวะ”
การจะให้คนอื่นทำงานให้ต้องสร้างความหวังเอาไว้ด้วย หลินฟานอยากให้พวกหน่วยสวะทำงานอย่างเต็มที่จึงต้องมีความหวังให้พวกมัน แต่การฆ่าซอมบี้ 100 ตัว โดยไม่มีปืน ไม่มีอาวุธวิญญาณ ไม่มีน้ำยาป้องกันการติดเชื้อ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
10 คน อาจรอดเพียง 1 – 2 คน เท่านั้น
แต่หลินฟานก็ไม่สนใจชีวิตของพวกนี้อยู่แล้ว หากพวกสวะตายไปใครจะสนใจเพราะก่อนที่จะเข้าหน่วยสวะพวกมันทุกคนต่างก็ทำความผิดในเรื่องต่างๆ ตายไปก็ช่างหัวพวกมันเถอะ!
“อาจารย์หนิง!! อาจารย์หนิงช่วยผมด้วย!!”
ชายคนที่พูดกับหลินฟานมองไปทางกลุ่มผู้รอดชีวิต
ไม่นานนักก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมา เธอเป็นผู้หญิงผมยาวสีทอง หน้าอกทั้งสองข้างมีขนาดใหญ่ และมีผิวสีขาวงดงาม หากใครเห็นเธอครั้งแรกก็คงไม่พ้นตกหลุมรัก
แต่สำหรับหลินฟานที่รู้ความจริงของวันโลกาวินาศ หลินฟานไม่ได้มองเธอแบบคนอื่นๆ เขาไม่มีทางโดนหลอกล่วงด้วยร่างกายพวกนี้
“พวกเขาทำผิดก็จริง แต่พวกเราควรให้ตำรวจลงโทษพวกเขา ให้กฎหมายของประเทศลงโทษพวกเขา คุณไม่มีสิทธิ์มาลงโทษพวกเขาตามใจของคุณ”
อาจารย์หนิงพูดด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ
หลินฟานยอมรับในความใจกล้าของเธอมาก เพื่อปกป้องนักเรียนตัวเองเธอถึงกับกล้าออกมาเผชิญหน้ากับเขา ในช่วงเวลาแบบนี้ อาจารย์ดีๆ แบบนี้มีไม่มากนักหรอก
แต่หลินฟานก็ไม่คิดจะทำตามสิ่งที่เธอพูดมาเลยสักนิด ตอนนี้มันวันโลกาวินาศแล้วจะไปเอาตำรวจจากไหนมาลงโทษ หากเขาอยากให้พวกสวะนี้ตายพวกมันก็ต้องตาย หากเขาอยากให้พวกมันเข้าหน่วยสวะ พวกมันก็ต้องเข้าหน่วยสวะ เรื่องมันก็ง่ายๆ แค่นี้
แต่! หลินฟานกำลังคิดว่า ผู้หญิงที่ชื่อว่าอาจารย์หนิงคนนี้มันมีอะไรคุ้นๆ เสียงเธอฟังแล้วคุ้นหูยังไงไม่รู้
หรือว่าจะเป็นหนึ่งในคนที่เราเคยนอนด้วยในชาติก่อน?
หลินฟานคิดว่าเธออาจจะเป็นหนึ่งคนที่เขาเคยสานสัมพันธ์ด้วย แต่พอคิดไปคิดมา เขาก็นึกเรื่องสำคัญบางอย่างขึ้นมาได้ ราชินีน้ำแข็งหนิงซิวเย่! เมื่อคิดไปสักพักชื่อนี้ก็ลอยเข้ามาในหัวของหลินฟาน
ราชินีน้ำแข็งหนิงซิวเย่ เธอคือคนที่แข็งมากคนหนึ่งของมนุษย์ เธอมีศัตรูที่กินกันไม่ลงอยู่ตัวหนึ่ง นั่นก็คือราชินีซอมบี้ ในชาติก่อนของหลินฟานพวกเธอสองคนก็เปรียบเหมือนดาบกับโล่ หากมีพวกเธอคนใดคนหนึ่งอยู่ในสนามรบ ก็ต้องมีอีกคนเพื่อต้านเอาไว้
ส่วนเรื่องความแข็งแกร่งของหนิงซิวเย่ เรื่องนั้นก็คงไม่ต้องพูดให้มากความ
เธอสามารถรับมือกับราชินีซอมบี้ที่เปรียบเหมือนผู้นำซอมบี้ทั้งหมดได้ แม้แต่หลินฟานเองก็ยังไม่แน่ใจว่าหากปะทะแบบ 1 – 1 กับราชินีน้ำแข็งหนิงซิวเย่ เขาจะสามารถเอาชนะเธอได้ไหม
แต่ว่า ราชินีน้ำแข็งหนิงซิวเย่ที่หลินฟานรู้จักเธอเป็นคนที่เย็นชาเหมือนกับน้ำแข็ง ไม่มีผู้ชายคนไหนได้ริมรสของเธอ แถมเธอยังสวมหน้ากากเอาไว้ตลอดเวลา หลินฟานไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอเธอในช่วงที่เป็นคนโลกสวยแบบนี้
หากมีคนบอกว่าหนิงซิวเย่เป็นเพียงอาจารย์มหาลัยที่กล้าๆ กลัวๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าปืน และเป็นพวกโลกสวย หลินฟานก็คงไม่เชื่อแน่ๆ เพราะตัวตนของเธอในสมองของหลินฟาน เธอไม่ใช่ตัวตนที่อ่อนแอแบบนี้
“คุณคือหนิงซิวเย่ใช่ไหม?”
หลินฟานถามอีกครั้งเพื่อยืนยัน ถึงจะค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นเธอแน่ๆ แต่หลินฟานก็ต้องการยืนยันจากปากของเธอ
หนิงซิวเย่พยักหน้า จากนั้นก็ตอบว่า
“ใช่! ฉันดีใจนะที่นายยังจำฉันได้นักศึกษาหลินฟาน”
หลินฟาน “???”
หลินฟานสงสัยอยู่สักพักและในที่สุดเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจำได้ว่า เขาเคยมาเรียนที่มหาลัยหลินฮวาในอดีตแต่ด้วยความเบื่อเขาเลยมาเพียงแค่ 2 วัน แล้วไม่กลับมาอีกเลย หลินฟานไม่แปลกใจที่จะมีคนจำเขาได้
และในตอนนี้ หลินฟานก็กำลังรู้สึกดีมากๆ
หากเขาสามารถสร้างความสัมพันธ์… ไม่สิ! เอาหนิงซิวเย่มาเป็นลูกน้องของเขาได้ชีวิตของเขาก็จะสบายขึ้นเยอะ ด้วยความสามารถของเธอ เธอจะสามารถช่วยเขาได้อย่างมากในการต่อสู้
อีกอย่าง หนิงเย่ซิวคนนี้ก็คือ ผู้ถูกเลือกแท้จริง! ใช่แล้ว! เธอคนนี้มีทักษะโดยธรรมชาติ ทักษะของเธอตื่นขึ้นมาจากการหมุนรูเล็ตและทักษะของเธอก็เป็นทักษะน้ำแข็ง
ทักษะน้ำแข็งของเธอเป็นทักษะที่น่ากลัวมากหากมันอยู่ในระดับสูง หลินฟานเคยเห็นกับตาตัวเองมาแล้วว่าทักษะของเธอมันน่ากลัวขนาดไหน เธอแช่แข็งซอมบี้กว่าแสนตัวด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ภาพนั้นยังติดอยู่ในความทรงจำของหลินฟานอยู่เลย
หลินฟานถามต่ออีกว่า
“คุณมีทักษะน้ำแข็งใช่ไหม?”
“…ใช่ ฉันได้รับมาหลังจากหมุนรูเล็ตเล็กๆ นั่น”
หนิงซิวเย่ยอมรับแต่โดยดี ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเธอก็รู้ว่าโกหกไปก็คงไม่รอด เธอรู้ดีว่าไม่ควรหงายไพ่ตัวเองทั้งหมดแต่ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือก
หลินฟานมีทหาร มีปืน มีกองทัพ ต่อให้เธอมีทักษะน้ำแข็งเธอก็ไม่สามารถเอาชนะได้ กลับกัน เธอกลับคิดจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้แทน
หลังตอบหลินฟาน หนิงซิวเย่ก็เริ่มสร้างดาบน้ำแข็งในมือของเธอ ดาบน้ำแข็งขนาดพอดีมือเริ่มปรากฏอยู่ในมือของเธอ
หนิงซิวเย่พูดขึ้นว่า
“นี่เป็นทักษะพิเศษที่หนึ่งของฉัน ฉันสามารถสร้างอาวุธง่ายๆ ขึ้นมาได้ แต่การสร้างก็ต้องใช้พลัง MP ไปพอสมควร ฉันเสีย MP ไป 20 MP เพื่อสร้างมันขึ้นมา พลังที่เสียไปเป็นพลังเกือบครึ่งของ MP ที่ฉันมี”
หลินฟานพยักหน้าขณะมองดาบน้ำแข็งด้านหน้า
ทักษะพิเศษช่วงแรกๆ ของเธออาจเป็นพวกทักษะไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่หลินฟานเคยเห็นความสามารถทักษะของเธอในระดับสูงมาแล้ว เพราะงั้นเขาจึงไม่ดูถูกความสามารถของเธอ
ส่วนเรื่อง MP หลินฟานก็ไม่ตกใจกับจำนวน MP ที่หนิงซิวเย่พูดมา
เหตุผลก็เป็นเพราะว่า พวกที่ปลุกทักษะได้เองจะมีพลัง MP มากกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่า พวกผู้ที่เลือกแท้จริงเป็นพวกลูกรักของระบบอย่างแท้จริง พวกนี้จะได้เปรียบมนุษย์ปกติสุดๆ ในช่วงที่เริ่มต้นวันโลกาวินาศ
หลินฟานเชยชมดาบน้ำแข็งไม่ได้นาน จากนั้นก็ถามขึ้นว่า
“คุณเป็นคนมีความสามารถ คุณอยากเข้าร่วมกับกองทัพตระกูลหลินไหม น้ำ อาหาร และความปลอดภัย คุณจะได้รับทั้งหมด แถมคุณยังจะได้รับตำแหน่งทางทหารเป็นพลเอกในกองทัพทันที หากคุณสนใจผมพร้อมสนับสนุนคุณ”
เจียงเป่า จางหยานและทหารอบๆ ต่างก็ตกใจ พวกเขาไม่คิดเลยว่าหลินฟานจะให้ค่าเธอสูงขนาดนี้ เธอดูเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น แค่มีพลังทักษะเอง ทำไมหลินฟานถึงได้ให้ค่าเธอขนาดนี้
อันดับแรกต้องเข้าใจก่อนว่า นอกจากผู้นำตระกูลข้ารับใช้ทั้ง 4 ที่เป็นพลเอกอาวุโส พวกคนในตระกูลข้ารับใช้ต่างๆ ต่างก็มีตำแหน่งอย่างมากก็แค่พลโทกันเท่านั้น ไม่มีใครอยู่ในตำแหน่งพลเอกเลยสักคน ขนาดหลี่หมิงก็ยังเป็นเพียงแค่พลโทพิเศษ
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า หลินฟานให้ค่าหนิงซิวเย่มาก
หนิงซิวเย่ก็ดูตกใจเช่นกัน เธอไม่รู้จักตำแหน่งทางทหารมากเท่าไหร่แต่เธอเคยได้ยินมาว่า มีประเทศบางประเทศโดนคนระดับพลเอกเข้ายึดอำนาจรัฐบาล นั่นแสดงว่า ตำแหน่งพลเอกที่หลินฟานจะมอบให้เธอต้องมีอำนาจมากพอสมควรแน่ๆ
หนิงซิวเย่ยิ้ม เธอไม่คิดเลยว่าทักษะน้ำแข็งจะช่วยทำให้อะไรๆ ง่ายขนาดนี้
หนิงซิวเย่พยักหน้ารับ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“ค่ะ!! ฉันยินดีทำงานให้คุณ แต่…”
“บอกสิ่งที่เธอต้องการมา เมื่อเธอยอมรับก็เท่ากับว่าเธอเป็นคนของฉัน หากมีเรื่องที่ฉันสามารถช่วยได้ฉันก็จะช่วย”
หลินฟานรู้ว่าเธอต้องการอะไรเพราะงั้นเขาจึงพูดก่อน มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่คนคนหนึ่งจะมีความต้องการ เขาช่วยเธอนิดหน่อยแต่ได้คนมีความสามารถอย่างเธอมารับใช้ เรื่องนี้มองยังไงมันก็คุ้ม