ตอนที่แล้วย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 30 ความโหดร้ายของวันโลกาวินาศค่อยๆ เริ่มเปิดฉากขึ้นแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 32  ช่วงเวลาแห่งการล่าสังหาร

ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 31  ฐานบัญชาการ


ตอนที่ 31  ฐานบัญชาการ

“รายงานฐานบัญชาการ ตอนนี้พวกเรามาถึงมหาลัยหลินฮวาแล้ว สถานการณ์ภายในมหาลัยไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ซอมบี้ส่วนมากยังอยู่ในโดมจัดคอนเสิร์ต คอป!! คอป!! ซ่า..”

วิทยุรายงานในมือของผู้นำตระกูลเจียง เจียงเป่าดังขึ้น

เสียงที่รายงานมาก็คือเสียงของทหารที่ถูกส่งออกไปดูสถานการณ์ ซึ่งทหารที่ถูกส่งไปก็คือทหารที่ไปด้วยเฮลิคอปเตอร์โจมตี เมื่อได้ยินรายงานจากทหาร เจียงเป่าก็หันหน้าไปหาหลินฟานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

ตอนนี้เจียงเป่า จางหยางและหลินฟาน กำลังนั่งอยู่ในรถบรรทุกคนทางทหาร แต่ภายในรถที่กว้างขวางกลับมีเพียงพวกเขาแค่สามคนเท่านั้นที่นั่งอยู่

หลินฟานพยักหน้าเมื่อได้ฟังรายงานจากทหารที่ส่งไป ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากมหาลัยหลินฮวาประมาณ 3 กิโลเมตร หลินฟานจึงได้ให้เฮลิคอปเตอร์โจมตีไปดูก่อนว่าสถานการณ์ภายในมหาลัยหลินฮวาเป็นยังไงบ้าง

หากทุกอย่างยังปกติหลินฟานก็จะสั่งเดินหน้าต่อ แต่หากมีการเคลื่อนไหวแปลกๆ จากซอมบี้ในโดมจัดคอนเสิร์ต หลินฟานก็จะสั่งถอยแบบไม่ลังเล ผลึกหลายแสนชิ้นเป็นผลประโยชน์ที่หอมหวานก็จริงๆ แต่ถ้าหากตายไป ต่อให้มีผลึกเท่าไหร่ก็ไร้ค่าอยู่ดี

แต่ตอนนี้ทุกอย่างเป็นแบบที่หลินฟานคาดการณ์เอาไว้ ซอมบี้ระดับที่ 1 ยังไม่ใช่พวกมีสมองในการคิดวิเคราะห์ พวกมันคิดไม่ได้กันหรอกว่าตัวเองต้องออกล่าเหยื่อเพื่อพัฒนาตัวเอง ตอนนี้ที่พวกมันส่วนมากยังอยู่ในโดมจัดงานคอนเสิร์ตจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่จำเป็นต้องถอยทัพกลับ

หลินฟานพูดขึ้นว่า

“ส่งวิทยุมา!”

“ครับ”

เจียงเป่าทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้รับวิทยุหลินฟานก็กดปุ่ม แล้วเริ่มถามทันทีว่า

“ประมาณได้ไหมว่าซอมบี้มีอยู่กี่ตัวในโดม และทางเข้าออกของโดมมีกี่ทาง ซ่า…”

“…ประมาณ 400,000 – 450,000 ตัว ครับ!!  ส่วนทางเข้าออกดูเหมือนจะมีทางเดียว เพราะทางอื่นเหมือนจะโดนปิดเอาไว้ด้วยเหล็กและสิ่งกรีดขวางขนาดใหญ่ ซ่า…”

ทหารเงียบไปสักพัก แล้วตอบคำถามออกมา

“ดีมาก หาที่จอดเฮลิคอปเตอร์บนตึกสักตึก แล้วรอรับคำสั่งต่อไป ซ่า…”

หลินฟานออกคำสั่ง ตอนนี้เขาไม่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว

ทหารตอบรับทันทีว่า

“รับทราบ!!”

หลินฟานส่งวิทยุคืนให้เจียงเป่าหลังพูดจบ จากนั้นหลินฟานก็จมลงในห้วงความคิดของตัวเอง

‘ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่คิดเลยว่าการปิดประตูเพื่อไม่ให้พวกแอบเข้างานคอนเสิร์ตเข้างานได้ มันจะสร้างโอกาสให้กับพวกเราแบบนี้

‘ ประตูทั้งหมดที่ไม่ใช่ทางเข้างานคงโดนปิดเอาไว้ และหากทำเอาไว้เพื่อป้องกันพวกแอบเข้า ประตูก็คงต้องแข็งแรงพอสมควร หรือก็คือ หากเราสามารถปิดกันประตูทางเข้าหลักที่ใช้งานเข้างานคอนเสิร์ตได้สำเร็จ พวกเราก็จะค่อยๆ จัดการกับพวกซอมบี้ได้ ‘

หลินฟานไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะง่ายขนาดนี้ แค่คิดถึงผลึกหลายแสนชิ้นที่จะได้จากการต่อสู้ครั้งนี้ หลินฟานก็แทบจะหุบยิ้มของตัวเองไม่ได้

ก็จริงอยู่ผนึกระดับที่ 1 อาจจะไม่ใช่ของมีค่ามากมายนัก และอาวุธระดับที่ 1 ที่ได้จากการหมุนรูเล็ตระดับ 1 พลังทำลายก็ไม่ค่อยต่างจากอาวุธธรรมดาเท่าไหร่ แต่หากมีพวกมัน พวกมันก็จะเป็นเหมือนเครื่องเปิดทางไปยังอาวุธระดับ 2 ระดับ 3 และระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

ด้วยทุนตั้งต้นที่สูงขนาดนี้ หลินฟานมั่นใจว่าตัวเองต้องเป็นกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดในจีนได้แน่

แล้วก็ต้องรู้ก่อนว่าจีนนั้นเป็นประเทศที่มีประชากรเยอะที่สุดในโลก หากสามารถเป็นผู้นำของจีนได้ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเป็นผู้นำของโลก

โลกยุคก่อนวันโลกาวินาศ สหรัฐอเมริกาเคยเป็นผู้นำโลกก็จริง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว ตอนนี้อาวุธระดับสูงอย่างขีปนาวุธและนิวเคลียร์ไม่สามารถใช้งานได้ เรือรบก็เช่นกัน บางคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงบอกว่าเรือรบใช้งานไม่ได้

งั้นก็ลองคิดดูง่ายๆ ว่ากันว่า สิ่งมีชีวิตในทะเลมีหลากหลายสายพันธุ์กว่าบนบกหลายเท่า และในทะเลก็มีสิ่งมีชีวิตมากกว่าที่อันตราย และโลกตอนนี้ไม่ใช่โลกที่สัตว์ทะเลจะโดนมนุษย์ล่าอีกต่อไป บางที ฉลาดเพียงตัวเดียวอาจจะทำลายเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยการกัดเพียงครั้งเดียวก็ได้

หากมีสัตว์ร้ายจำนวนมากที่ทำลายเรือรบขนาดใหญ่ได้ด้วยการกัดแค่เพียงครั้งเดียวอยู่ใต้ทะเล จะใช้คำว่าเรือรบใช้งานไม่ได้ คำพูดแบบนี้มันก็ไม่เกินจริงอะไรเลย

ออกเรือมาในทะเลโอกาสตาย 99.9999% รู้แบบนี้ใครมันจะออกเรือ

แล้วเมื่อเทคโนโลยีต่างๆ ใช้งานไม่ได้ ประเทศที่จะแข็งแกร่งก็คือประเทศที่มีประชากรเยอะ เหตุผลหลักๆ มีอยู่ 2 ข้อด้วยกัน ข้อแรก เมื่อประชากรเยอะผลึกก็เยอะ เมื่อผลึกเยอะมนุษย์ก็มีอาวุธดีๆ จากระบบเยอะ ของที่ได้จากระบบจริงๆ แล้วไม่ได้มีเพียงแค่อาวุธ น้ำยาป้องกันเชื้อไวรัสและการ์ดทักษะ แต่ยังมีอุปกรณ์สวมใส่อีกมากมาย

อย่างเช่น แหวนมิติ แหวนเพิ่มพลัง MP ชุดเกราะเพิ่มพลัง HP รองเท้าเพิ่ม SP และยังมีอย่างอื่นอีกมากมายที่ช่วยในเรื่องต่างๆ เพราะงั้น เมื่อมีผลึกเยอะประเทศที่มีผลึกเยอะก็จะแข็งแกร่งกว่าพวกที่มีผลึกน้อย

ส่วนข้อที่สอง เมื่อมีประชากรเยอะก็เท่ากับมีซอมบี้เยอะ เมื่อมีซอมบี้เยอะผู้คนก็จะต่อสู้เยอะและมีประสบการณ์ในสนามรบมากมาย แล้วยังได้พลังวิญญาณในการอัพเลเวลจำนวนมากอีก โลกในวันโลกาวินาศ ความแข็งแกร่งก็คือทุกสิ่ง และคนที่มีเลเวลเยอะกว่าก็จะได้เปรียบพวกคนที่มีเลเวลน้อยกว่า

ด้วยเหตุนี้ หากเป็นผู้นำประเทศจีนได้มันก็ไม่ต่างอะไรจากการเป็นผู้นำของโลก

หลินฟานถามขึ้นว่า

“ผู้นำตระกูลเจียง พวกเราต้องใช้เวลาอีกนานไหมกว่าจะไปถึงมหาลัยหลินฮวา”

“ด้วยความเร็วของเราตอนนี้คงอีกประมาณ 30 นาทีครับ ยิ่งเข้าใกล้มหาลัยรถตามถนนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเราเสียเวลาก็เพราะต้องเคลียร์เส้นทาง”

ผู้นำตระกูลเจีงตอบตามความจริง

หลินฟานพยักหน้าแล้วพูดว่า

“ไม่เป็นอะไร ซอมบี้ในมหาลัยหลินฮวาไม่ได้หนีไปไหน ตอนนี้พวกเรายืนยันได้แล้วว่าพวกมันยังอยู่ สั่งให้พวกทหารทำงานอย่างระมัดระวังให้มากที่สุด”

“ครับ!”

เจียงเป่าก้มหน้ารับคำสั่ง

ในระหว่างนั้น จางหยางที่นั่งเงียบอยู่ก็พูดขึ้นว่า

“ คุณหลิน ข้ารับใช้คนนี้อยากเสนอให้พวกเราสร้างฐานบัญชาการเอาไว้ครับ ด้วยจำนวนซอมบี้หลายแสนตัว และต้องฆ่าโดยไม่ใช่ปืนโจมตี สิ่งนี้จะสร้างภาระอย่างมากให้ทั้งทางด้านร่างกาย และทางด้านจิตใจ

“ ทหารของเรามีอยู่ประมาณ 2,500 คน ข้ารับใช้คนนี้คิดว่า คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ เป็นอาทิตย์กว่าจะสามารถจัดการพวกมันได้หมด

“ทหารของเราฝึกมาแล้วก็จริง แต่การจะให้กลางเต็นท์นอนไปตลอดทั้งอาทิตย์บวกกับต้องเหนื่อยล้าจากการจัดการกับซอมบี้ทุกๆ วัน ร่างกายเหนื่อยไม่เท่าไหร่ แต่ระยะเวลาขนาดนั้นคงต้องเกิดภาวะเหนื่อยล้าทางจิตใจกับพวกทหารแน่”

จางหยางคิดเรื่องนี้มาสักพัก เขาพยายามหาโอกาสแนะนำมาได้สักพักแล้ว แต่ตลอดทางหลินฟานนั่งเงียบแทบจะทั้งทาง และเหมือนกับว่าหลินฟานกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ และพอเห็นหลินฟานเริ่มคุยเรื่องแผนกับเจียงเป่า จางหยางจึงเริ่มแนะนำทันที

หลินฟานพยักหน้าให้จางหยางที่เสนอความคิด หลินฟานเข้าใจว่าภาวะเหนื่อยล้าทางจิตใจมันเป็นยังไง ต่อให้เก่งขนาดไหน ต่อให้มีประสบการณ์มากมายขนาดไหน ภาวะเหนื่อยทางล้าทางจิตใจก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน

หลินฟานเคยเห็นคนจำนวนมาก เกิดภาวะเหนื่อยล้าทางจิตใจจนต้องฆ่าตัวตายมาเยอะในชาติก่อน และหลินฟานก็จะไม่ยอมเกิดเรื่องแบบนั้นกับทหารของตัวเอง

อีกอย่าง หลินฟานไม่จำเป็นต้องให้จางหยานแนะนำ เพราะเขาคิดทางแก้ปัญหาเอาไว้ก่อนแล้ว ด้วยประสบการณ์หลายปีของหลินฟานในวันโลกาวินาศ มีหรือที่เขาจะไม่รู้เรื่องภาวะเหนื่อยล้าทางจิตใจ

หลินฟานพูดขึ้นว่า

“ ผู้นำตระกูลจางพูดถูกต้อง และผมก็หาทางเอาไว้แล้ว ข้างๆ โดมจัดคอนเสิร์ตมันมีโรงอาหารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ที่นั่นเป็นโรงอาหารสำหรับอาคารพักนักศึกษา หากเราเอาที่นั่นเป็นฐาน พวกเราก็จะสามารถให้ทหารเข้าไปพักในห้องพักต่างๆ ของพวกนักศึกษาได้

“ แถมโรงอาหารยังมีพื้นที่กว้างมาก พวกเราสามารถทำอาหารและสร้างฐานบัญชาการที่นั่นได้

“ส่วนพวกซอมบี้ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป ช่วงเกิดวันโลกาวินาศเป็นช่วงเวลาที่นักศึกษากำลังเรียนกันอยู่ แถมวันนี้นักศึกษาส่วนใหญ่ก็น่าจะไปรวมตัวอยู่ที่งานคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นในมหาลัย พวกเราคงยึดอาคารพักนักศึกษาได้ง่ายๆ”

หลินฟานเตรียมการทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจเลือกมหาลัยหลินฮวาเป็นแหล่งฟาร์มเลเวล หลินฟานก็เลือกที่ตั้งฐานทัพและที่พักของทหารเอาไว้หมดแล้ว

เมื่อจางหยางได้ยินสิ่งที่หลินฟานวางแผนเอาไว้ เขาก็พยักหน้าพอใจเป็นอย่างมาก จุดนี้เองจางหยางก็เลือกเอาไว้เหมือนกัน

เมื่อครู่ หากหลินฟานเลือกที่อื่นจางหยางก็จะพยายามบอกให้มาสร้างฐานที่โรงอาหารแห่งนี้ แต่เมื่อหลินฟานเลือกได้ด้วยตัวเอง จางหยานก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร

จางหยางมองหลินฟานแล้วคิดในใจว่า

‘ ไม่คิดเลยว่าเขาจะวางแผนได้ขนาดนี้ ทั้งเรื่องบัญชาการรบแนวหน้า ทั้งเรื่องวางแผนแนวหลัง คุณหลินสามารถทำได้พร้อมๆ กัน แถมยังสามารถทำได้ดีมากอีก

‘ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงได้มาเปิดเผยความสามารถตอนนี้

‘ หากเขาเปิดเผยความสามารถของตัวเองก่อนหน้านี้ ตระกูลข้ารับใช้ทั้ง 6 ก็คงไม่กล้าทรยศตระกูลหลินกันแน่ เฮ้อ~ คิดแล้วก็น่าสงสารพวกนั้นจริงๆ ถึงพวกนั้นจะโชคดีรอดวันโลกาวินาศมาได้ แต่คุณหลินก็คงไม่ปล่อยไปแน่ ‘

จางหยางรู้สึกสงสารตระกูลข้ารับใช้ทั้ง 6 จากใจจริง

ไม่เพียงแค่ต้องโดนวันโลกาวินาศเล่นงานเท่านั้น แต่หากพวกนั้นรอดมาได้หลินฟานก็ไม่น่าจะปล่อยเอาไว้ และด้วยความสามารถของหลินฟาน ตระกูลข้ารับใช้ทั้ง 6 ก็คงได้สูญสิ้นสายเลือดแน่นอน

อีกอย่าง จางหยานก็ส่งหนึ่งในลูกสาวของตัวเองไปแต่งงานกับตระกูลเว่ยด้วย และในเวลาแห่งการเลือกข้าง เธอก็เลือกอยู่เคียงข้างกับตระกูลเว่ย จางหยานอยากลองพูดเรื่องนี้กับหลินฟานว่าพอมีทางนำเธอกลับเข้าตระกูลจางได้ไหม คนเป็นพ่อยังไงก็ต้องพยายามช่วยลูกตัวเองอยู่แล้ว

แต่พอคิดไปคิดมา จางหยานก็คิดว่าเขาไม่ควรขออะไรแบบนั้น หากหลินฟานยอมให้หนึ่งก็ต้องมีสอง มีสาม มีสี่ แบบนั้นก็เป็นเหมือนหลินฟานผิดคำพูดของตัวเอง

‘ จางหลี่… หนูไม่น่าเลือกยืนข้างตระกูลเว่ยเลย เฮ้อ~ ‘

จางหยานคิดคนเดียวเงียบๆ และจางหยางก็รู้ดีว่าหากจางหลี่รอดจากการกลายพันธุ์เป็นซอมบี้ พวกตระกูลเว่ยต้องใช้เธอมาต่อรองกับเขาแน่ๆ

หลินฟานใช้หางตามองไปทางจางหยาง และได้เห็นความเศร้าผ่านดวงตาทั้งสอง หลินฟานรู้ดีว่าจางหยานกำลังรู้สึกยังไงอยู่เพราะเขาได้แผนผังตระกูลข้ารับใช้ทั้ง 4 มาอยู่ในมือแล้ว หลินฟานก็รู้ว่า จางหลี่ลูกสาวของจางหยางเลือกอยู่กับตระกูลเว่ย

แต่! เรื่องนี้มันมีความลึกลับซับซ้อนมากกว่านั้น นั่นเพราะเมื่อชาติก่อน หลินฟานได้ยินเรื่องของจางหลี่มาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่ตอนนี้หลินฟานไม่อยากบอกจางหยาน

เหตุผลหลักๆ ก็เพราะหลินฟานอยากให้จางหยานมีจิตใจจดจ่อกับการต่อสู้ที่จะถึง อีกอย่าง หากหลินฟานพูดเรื่องของจางหลี่ให้ฟังตอนนี้ จางหยานก็คงไม่ยอมเชื่อแน่ๆ ว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง จางหยานคงไม่สามารถยอมรับมันได้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด