ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 17 ปมปริศนาที่มาพร้อมกับโอหยางซิน
ตอนที่ 17 ปมปริศนาที่มาพร้อมกับโอหยางซิน
ณ คฤหาสน์ตระกูลหลิน
‘ เราไม่ได้ฝันไปจริงๆ สินะ
‘ เมื่อคืนคิดว่านอนแล้วตื่นมาจะเจอกับวันโลกาวินาศซะอีก ดูเหมือนว่าเราจะย้อนเวลากลับมาแล้วจริงๆ พอมาลองคิดดูอีกครั้งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่สามารถย้อนเวลาได้
‘ สิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่ท้าทายสวรรค์ชัดๆ หากผลิตออกมาได้เยอะๆ เราก็ไม่มีวันแพ้ใครหน้าไหน พวกที่ทำให้เกิดวันโลกาวินาศคงไม่ได้ผลิตหรอกใช่ไหม ถ้าใช้คงเป็นงานยากที่จะไปตะบันหน้าพวกมันแล้วเอาพวกมันมาเล่นเอาชีวิตแล้วรอด เฮ้อ~ ‘
หลินฟานที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงนุ่มๆ คิดในใจคนเดียวเงียบๆ
นอนคิดอยู่ไม่นานหลินฟานก็ลุกขึ้นและเริ่มแต่งตัวเพื่อจะไปกินอาหารเช้าของวันนี้ หลินฟานคิดถึงชีวิตแบบนี้สุดๆ หากเลือกได้เขาก็ไม่อยากให้วันเวลาแบบนี้หมดไปเลยจริงๆ ถึงจะเตรียมตัวเอาไว้แล้ว แต่เมื่อวันโลกาวินาศมาถึงเขาก็คงไม่มีชีวิตสบายๆ อย่างที่เป็นอยู่
คลื่นซอมบี้!
ต่อสู้กับมนุษย์เพื่อแย่งชิงสิ่งของ!
ต้องรับมือกับซอมบี้กลายพันธุ์!
แค่คิดถึงเรื่องพวกนี้หลินฟานก็รู้สึกเซ็งขึ้นมาในหัวใจ แต่เรื่องมันจะเกิดยังไงก็ต้องเกิด ในเมื่อทำอะไรได้หลินฟานก็ทำได้แค่ทำใจยอมรับมัน
นึกๆ แล้วหลินฟานก็รู้สึกสงสารผู้คนบนโลก เขาคิดว่าหากเขาเปิดเผยว่าวันโลกาวินาศจะมาถึงในอีก 31 วันหลังจากวันนี้ เขาก็คงสามารถช่วยคนได้มาก แต่หลินฟานย่อมไม่ทำแบบนั้น เขาต้องการควบคุมโลกให้หมดเพื่อเตรียมตัวรอวันแห่งการพบเจอ และเตรียมการต่างๆ ให้พร้อมสู้กับพวกที่ทำเกิดวันโลกาวินาศ
เขาจะมาทำให้ศัตรูแข็งแกร่งโดยไม่จำเป็นไม่ได้เด็ดขาด หากบอกข้อมูลออกไปตอนนี้คงมีน้อยคนที่เชื่อคำพูดของเขา แต่หลินฟานก็มั่นใจว่ารัฐบาลหลายประเทศคงเตรียมตัวไม่มากก็น้อย หากหลินฟานบอกออกไปตอนนี้ ก็เท่ากับว่าบอกให้ศัตรูเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ หลินฟานทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
อีกอย่าง หลินฟานก็แค่สงสารเท่านั้นเขาไม่ได้รู้สึกผิดที่จะปล่อยให้มนุษย์จำนวนมากตาย ในวันโลกาวินาศหลินฟานโดนคนอื่นหักหลัง หรือไม่ก็หักหลังคนอื่น เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติ หลินฟานชินชากับเรื่องโหดร้ายแทบทุกรู้แบบ คำว่า รู้สึกผิด! คำนี้หลินฟานทิ้งมันไปหลายปีแล้ว
เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยหลินฟานก็มายังห้องอาหาร และเมื่อหลินฟานกินอาหารเช้าเสร็จหลี่หมิงก็เดินเข้ามาหา จากนั้นก็เริ่มรายงานว่า
“เมื่อวานมีพ่อบ้านแม้บ้านล่าออกไปทั้งหมด 12 คน ครับ ผมต้องขอโทษจริงๆ สำหรับความหละหลวมในการคัดคนเข้าทำงาน เป็นเพราะผมหย่อนยานเรื่องคัดคนเอง มันเป็นเพราะผมที่ไม่ได้เรื่องคุณหลินโปรดลงโทษด้วย”
“ไม่เป็นไร เรื่องต่อไปได้เลย”
หลินฟานตอบด้วยน้ำเสียงไม่สนใจ
ในคฤหาสน์ตระกูลหลินมีพ่อบ้านแม่บ้านทั้งหมด 223 คน มีคนจากองค์กรนักฆ่าแทรกตัวเข้ามาได้ 12 คน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และหลินฟานก็มั่นใจว่าต้องมีอยู่อีกแน่ๆ แต่เรื่องพวกนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเพราะเมื่อวันโลกาวินาศมาถึง พวกนักฆ่าก็จะเป็นเหมือนมังกรไร้หัว พวกนั้นจะค่อยๆ หายกันไปเอง ไม่จำเป็นต้องกำจัดในเวลานี้
หลี่หมิงรายงานต่อ
“ตอนนี้ตระกูลหวู่ ตระกูลซง ตระกูลซี … รวมๆ ทั้งหมด 30 ตระกูลได้ติดต่อเข้ามาหาตระกูลหลิน และบอกว่าพวกเขาพร้อมสนับสนุนเรื่องเงินทุน โดยพวกเขาขอแค่ปกครองมณฑลที่ครอบครัวฝังรากอยู่ และบอกว่าจะช่วยสนับสนุนตระกูลหลินในการสร้างรัฐบาลขึ้นมาใหม่หากตระกูลหลินชนะสงคราม ให้ตอบกลับไปยังไงดีครับ”
“บอกพวกนั้นว่าเราไม่ต้องการเงิน พวกเราต้องการอาหาร น้ำสะอาด และอาวุธทุกชนิด ส่วนเงื่อนไขพวกนั้นขออะไรก็สัญญาว่าจะให้ทั้งหมด ทำยังไงก็ได้ให้ได้ของมาจากพวกนั้นให้มากที่สุด ดูดพวกมันมาให้หมด”
หลินฟานสั่งด้วยใบหน้าพอใจ
สถานการณ์เป็นแบบที่หลินฟานคาดการณ์เอาไว้จริงๆ เมื่อตระกูลหลินเริ่มเคลื่อนไหว ตระกูลที่เก็บซ้อนความโลภมานานก็เริ่มเคลื่อนไหว ส่วนเหตุผลที่พวกตระกูลเหล่านั้นสนับสนุนแค่กำลังเงินก็เป็นเพราะว่า พวกนั้นยังไม่มั่นใจว่าตระกูลหลินจะชนะ
แต่พวกตระกูลเหล่านั้นจะคิดอะไร พวกตระกูลเหล่านั้นจะเข้าใจไปผิดไปถึงไหน หลินฟานก็ไม่สนใจอยู่แล้ว ได้ของมาฟรีๆ ใครมันจะบ้าปฏิเสธกัน แล้วของพวกนี้มันก็จะช่วยหลินฟานได้อย่างมากในการสร้างกลุ่มให้แข็งแกร่ง
หลี่หมิงพูดต่อ
“อีกเรื่องคือโอหยางซินมารอพบกับคุณแล้วครับ ตอนนี้เธอกำลังรออยู่ในห้องรับแขก”
“อืม! ดูเหมือนว่าผู้นำตระกูลโอหยางจะทำงานได้เร็วจริงๆ”
หลินฟานพอใจมาก
เมื่อฟังรายงานทั้งสามเรื่องจบ หลินฟานก็ตรงไปหาโอหยางซินที่ห้องรับแขกของคฤหาสน์ทันที สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างหลินฟานและโอหยางซินในชาติที่แล้วนั้น เรียกได้ว่า ห่างเหินกันสุดๆ ในวันที่หลินฟานได้พบกับโอหยางซินอีกครั้งหลังวันโลกาวินาศ หลินฟานก็ได้รู้ว่าเธอมีอำนาจอย่างมากบนโลก
เมื่อเห็นแบบนั้น หลินฟานก็ไม่ได้พยายามทวงสิทธิ์ในฐานะเจ้านายกลับคืนมา จริงอยู่ที่ตระกูลโอหยางเป็นตระกูลข้ารับใช้ของตระกูลหลิน แต่ในวันโลกาวินาศการที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะสร้างตัวเองให้มีอำนาจมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
หลินฟานเข้าใจเรื่องความลำบากดีเขาเลยไม่หน้าด้านพอไปทวงสิทธิ์ในฐานะเจ้านายกับเธอ อีกอย่าง ช่วงเวลานั้นมันเป็นวันโลกาวินาศ หลินฟานไม่แน่ใจด้วยว่าโอหยางซินจะยอมรับให้ตัวเองเป็นเจ้านายไหม เพราะงั้น ความสัมพันธ์จึงเป็นห่างเหินกันสุดๆ
“คุณหลิน!”
“เชิญนั่ง”
เมื่อหลินฟานเข้ามาในห้องรับแขก โอหยางซินก็ยืนขึ้น และเมื่อหลินฟานเห็นเธอยืนเขาก็สั่งให้เธอนั่งลงแบบเดิมอย่างรวดเร็ว
หลินฟานเริ่มเข้าเรื่องทันที
“คุณคงได้ยินเรื่องมาจากผู้นำตระกูลโอหยางมาบ้างแล้วใช่ไหมว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นยังไง และผมเชื่อว่าคุณรู้ว่าผมเรียกคุณมาพบผมเพื่ออะไร”
“ค่ะ… แต่ก่อนอื่น ฉันมีเรื่องจะบอกเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันเจอมาในสุสานของชาวอินเดียแดงก่อน”
โอหยางซินคิดว่าควรบอกเรื่องนี้ต่อหลินฟานเอาไว้ เพราะยังไงซะเรื่องนี้มันก็น่าจะเกี่ยวข้องกับตระกูลหลินโดยตรงไม่ใช่ตระกูลโอหยางของเธอ
หลินฟานแปลกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆ การพูดคุยก็เข้ามาเรื่องสุสาน แถมยังเป็นสุสานของชาวอินเดียแดงอีก ชาวอินเดียแดงมาเกี่ยวอะไรด้วยหว่า???
ถึงจะสงสัยแต่หลินฟานก็พยักหน้ารับ จากนั้นโอหยางซินก็เล่าเรื่องที่เธอเจอมาแบบเดี่ยวกับที่เล่าให้โอหยางห่าวฟัง
หลินฟานได้ยินดังนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดลงเล็กน้อย เขาก็คิดเอาไว้แล้วว่าไอ้คำว่าโฮโมเซเปียนส์ต้องลึกลับซับซ้อนไปจนถึงอดีตขนาดนั้น แต่พอได้รับการยืนยันจากเรื่องที่โอหยางซินเจอมา หลินฟานก็รู้สึกว่ามันลึกลับมากขึ้นไปอีก
จริงสิ!
อยู่ๆ หลินฟานก็นึกเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ จากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้นว่า
“หลี่หมิง!!!”
หลี่หมิงที่ยืนรออยู่นอกประตูเปิดประตูเข้ามาในห้องรับแขกแทบจะทันที และเมื่อเห็นหลี่หมิงเปิดประตูเข้ามา หลินฟานก็ออกคำสั่งว่า
“ไปเอากล่องที่เจอในตู้เซฟของตระกูลหลินมา มันอยู่ในห้องนอนของฉัน”
“ครับ”
หลี่หมิงออกไปทันทีหลังได้รับคำสั่ง
ส่วนเหตุผลที่หลินฟานให้หลี่หมิงไปเอากล่องนั่นมาก็เพราะเขาอยากรู้ว่ามันเขียนอะไรเอาไว้บนกล่อง เมื่อคืนหลินฟานลองค้นหาในอินเทอร์เน็ตดูบ้างแล้วแต่ก็ไม่เจอข้อมูลภาษาแปลกๆ ที่เขียนอยู่บนกล่องเลย
หลินฟานคิดว่ากล่องไม้ต้องเป็นอะไรที่สำคัญมากแน่ๆ เขาจึงอยากรู้ว่ามันเขียนอะไรเอาไว้ อีกอย่าง ตอนนี้หลินฟานก็ไม่มีหลักฐานอะไรเกี่ยวกับโฮโมเซเปียนส์นอกจากกล่องไม้ลึกลับนั่นอีกแล้ว
ไม่นานนัก หลี่หมิงก็เข้ามาในห้องพร้อมกล่องไม้ลึกลับ เมื่อส่งของให้หลินฟาน หลี่หมิงก็ออกจากห้องอย่างรวดเร็วเพราะเขารู้ว่าเรื่องที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันเป็นเรื่องที่เป็นความลับ
หลินฟานส่งมันให้กับโอหยางซิน พร้อมกับถามว่า
“ คุณลองอ่านดูว่าคุณอ่านมันออกไหม สิ่งนี้อยู่ในตู้เซฟของตระกูลหลิน ตามที่ผมจำได้ตระกูลหลินทุกรุ่นบอกกันต่อๆ มาว่า หากไม่ถึงวันที่เกิดเรื่องเลวร้ายจริงๆ ขึ้นกับโลก อย่าได้เปิดมันออกมาเด็ดขาด
“แต่ว่า ด้วยอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงผมจึงเปิดมันออก ของที่อยู่ด้านในก็คือแหวนที่ผมกำลังสวมอยู่แล้ว… ไม่สิ! มีเพียงแหวนวงนี้วงเดียวเท่านั้นที่พบในกล่องไม้ลึกลับนี้ หากคุณอ่านออกคงช่วยแก้ปริศนาได้บ้าง”
หลินฟานไม่อยากบอกว่ามีลูกบอลย้อนเวลาอยู่ด้วย นั่นเพราะตอนนี้มันไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้มันโดนหลินฟานใช้ไปแล้ว
โอหยางซินพยักหน้าแล้วรับกล่องไม้ลึกลับจากหลินฟาน เธอรู้ว่าหลินฟานปิดบังอะไรบางอย่างเป็นความลับจากคำพูดของเขา แต่จากประสบการณ์ของเธออะไรที่คุณอื่นไม่อยากบอก หรืออะไรที่คนอื่นไม่อยากเล่า สิ่งนั้นก็ไม่ควรถามออกไป
โอหยางซินมองกล่องไม้ลึกลับพร้อมกับคิ้วทั้งสองที่ขมวดลง ภาษาแบบนี้… ภาษาแบบนี้มันเรียกว่าภาษาได้ด้วยงั้นเหรอ!!
ถึงจะแปลกใจอยู่บ้างแต่โอหยางซินก็รู้ดีว่าหลินฟานคงไม่ได้ล้อเล่นกับตัวเอง เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สามารถอ่านได้ โอหยางซินจึงถามขึ้นว่า
“ฉันขอส่งไปให้คนรู้จักอ่านได้ไหมค่ะ เขาเป็นชาวอังกฤษที่เดินทางไปยังโบราณสถานมากมาย หากเป็นเขาอาจจะพออ่านออกก็ได้?”
หลินฟานพยักหน้า แล้วตอบว่า
“ตกลง!”
ถึงแม้ว่าหลินฟานจะไม่อยากให้ข้อความบนกล่องเปิดเผยออกไปให้คนอื่นรู้ แต่หากเก็บเอาไว้แล้วอ่านไม่ออกมันก็ไร้ความหมายอยู่ดี เพราะงั้นหลินฟานจึงยอมให้โอหยางซินทำแบบที่เธอต้องการ
แซะ!
โอหยางซินเริ่มถ่ายรูปกล่องไม้ลึกลับ แล้วส่งรูปไปยังคนที่บอกทันที