ตอนที่แล้วย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 12 หน้าไหว้หลังหลอก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 14  ราชากุหลาบ

ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 13 ซ้อนเขี้ยวเล็บเอาไว้ให้มิดชิด และเปิดเผยมันเมื่อเวลามาถึง


ตอนที่ 13 ซ้อนเขี้ยวเล็บเอาไว้ให้มิดชิด และเปิดเผยมันเมื่อเวลามาถึง

ภายในห้องโถงโล่งขึ้นในทันทีหลังจากคนส่วนมากออกไป ภายในห้องโถงตอนนี้เหลือเพียงหลินฟาน หลี่หมิง และผู้นำตระกูลทั้ง 4 เท่านั้น

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอื่นอยู่ในห้อง หลินฟานก็ชี้นิ้วไปทางเก้าอี้พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“เชิญพวกท่านนั่งลงก่อน”

ผู้นำตระกูลทำตามคำเชิญอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผู้นำตระกูลอยากถามคำถามมากมายต่อหลินฟาน ทั้งเรื่องที่เทขายหุ้น ทั้งเรื่องจะทำยังไงต่อหลังจากนี้ แต่ก่อนที่ผู้นำตระกูลจะได้พูดหรือยิงคำถามใส หลินฟานก็พูดขึ้นก่อนว่า

“ พวกท่านคงสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตระกูลหลิน ทำไมผมถึงได้ขายหุ้นของหลินกรุ๊ป ทำไมผมถึงไล่พวกตระกูลทรยศออกไปเวลานี้ ทำไมผมถึงได้เรียกรวมตัวทุกคนมาในวันนี้

“ ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนว่า ตอนนี้โลกของเรากำลังจะเจอกับปัญหาใหญ่ อีกประมาณหนึ่งเดือนหลังจากนี้โลกของเราจะเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งวันโลกาวินาศ รัฐบาลกลางของจีนจะล่มสลาย มนุษย์จะเข้าสู่ยุคแห่งความโหดร้ายอีกครั้ง

“ส่วนผมรู้มาได้ยังไงหรือเอาข้อมูลมาจากไหน เรื่องนั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญตอนนี้คือพวกเราต้องเตรียมตัวรับมือกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะงั้น ผมถึงได้เรียกรวมตัวพวกคุณมาในวันนี้และใช้โอกาสนี้จัดการพวกที่ทรยศไปเข้ากับรัฐบาลกลาง”

ผู้นำตระกูลทั้งสี่ต่างนั่งเงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมา แม้แต่เจียงเป่าที่เป็นคนใจร้อนก็ยังไม่พูดอะไร หากนี้เป็นคำพูดของคนปกติทั้งสี่คงไม่เชื่อและคิดว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องโกหก แต่เมื่อออกมาจากปากของหลินฟานระหว่างที่เขากำลังทำหน้าจริงจัง บวกกับเรื่องที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ทุกคนก็คิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ และทุกคนก็คิดว่าหลินฟานเดินเกมได้ถูกต้อง

ยุคสงคราม ผู้คนจะไม่ถือเงินสดแต่จะเปลี่ยนสมบัติเป็นทองหรือของมีค่าอื่นๆ ที่ทั่วโลกยอมรับ แต่เมื่อพูดถึงยุคโลกาวินาศ ยุคที่ทำให้รัฐบาลกลางของจีนที่ยิ่งใหญ่ล่มสลายได้ การเก็บของจำเป็นอย่าง อาหาร น้ำ และพลังงาน ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี

เพราะถ้าหากแม้แต่รัฐบาลกลางแห่งจีนยังล่มสลาย รัฐบาลประเทศอื่นๆ ก็คงไม่ต้องพูดถึง เมื่อเป็นแบบนั้น ต่อให้เก็บของมีค่าอย่างทองไปมันก็ไม่มีความหมายเพราะของเหล่านั้นเป็นเพียงแร่ที่มนุษย์ให้ค่ามันขึ้นมา ถ้าระบบปกครองล่มสลายลง ระบบเกี่ยวกับการให้ค่าแร่ต่างๆ ก็จะล่มสลายเช่นกัน

กลับกัน หากเก็บตุนอาหาร เก็บตุนน้ำ และเก็บตุนพลังงาน ต่อให้เกิดสงครามหรือรัฐบาลล่มสลายของพวกนี้ก็ยังมีค่าเพราะพวกมันสามารถเอามาใช้งานในชีวิตได้ การเทขายหุ้นจำนวนมหาศาลเพื่อเปลี่ยนเป็นของที่ใช้งานได้ เรื่องนี้ถือว่าเป็นความคิดที่ดี

ผู้นำตระกูลทั้ง 4 ต่างก็แทบหมดคำถามเมื่อรู้ว่าอีกประมาณหนึ่งเดือนโลกจะเข้าสู่วันโลกาวินาศ ทุกอย่างมันเริ่มสมเหตุสมผลมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกเขาก็ยังไม่ปักใจเชื่อ 100% ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริง

แต่ระหว่างกำลังสงสัย หลินฟานก็ทำลายความสงสัยของพวกเขาโดยพูดขึ้นว่า

“ผมได้สั่งซื้อปืนและกระสุนจำนวน 10,000 ล้านดอลลาร์ ไปแล้ว และไม่ได้หาทางปิดบังเรื่องนี้กับรัฐบาลกลางด้วย พวกคุณควรเตรียมกองทัพเอาไว้ให้พร้อมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะพวกเราไม่รู้ว่ารัฐบาลจะเคลื่อนไหวหรือเปล่า”

ผู้นำตระกูลทั้งสี่ ???

ในหัวของผู้นำตระกูลทั้งสี่ความสงสัยหายไปจนหมดแล้ว แต่ตอนนี้มีเรื่องที่ให้หนักใจมากกว่าปรากฏขึ้นในหัวของพวกเขา พวกเขาต่างก็คิดอย่างพร้อมเพรียงกันว่า ฉิบหายแล้วไง!

ถูกต้องแล้ว ผู้นำตระกูลทั้งสี่กำลังคิดแบบนี้จริงๆ สถานการณ์แบบนี้มันไม่ปกติแล้วเรียกว่ากำลังแย่มากๆ เลยก็ว่าได้ ตอนนี้ตระกูลหลินได้จัดการไล่พวกที่ยอมก้มหัวให้รัฐบาลกลางออกจากตระกูลไปแล้ว แถมยังสั่งซื้ออาวุธจำนวนมากอีก

ต่อให้มองมุมไหน นอนมอง ยืนมอง นั่งมอง สิ่งนี้ก็หมายถึงตระกูลหลินวางแผนจะก่อกบฏต่อรัฐบาลกลางกันชัดๆ ช่วงแรกๆ รัฐบาลกลางอาจดูสถานการณ์กันไปก่อน แต่ก็คงดูไม่นานและส่งกองทัพมากวาดล้างในที่สุด

ผู้นำตระกูลทั้งสี่ไม่มีทางเลือก ตอนนี้เขาต้องยอมเชื่อว่าเรื่องที่หลินฟานพูดเป็นเรื่องจริง ไม่สิ! พวกเขาภาวนาให้วันโลกาวินาศมันเกิดขึ้นจริงๆ ต่างหาก เพราะหากไม่เกิดวันโลกาวินาศ กองทัพตระกูลหลินในมณฑลหลินหนานทั้งหมด ก็คงโดนรัฐบาลกลางกวาดล้างไม่เหลือซาก

โอหยางห่าวเริ่มพูดขึ้น

“ คุณหลิน ถ้าสิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องจริงพวกเราก็ควรเตรียมตัวเรื่องทหารด้วย  ตอนนี้กองทัพในมณฑลหลินหนานมีทั้งของฝ่ายและเราฝ่ายตระกูลทรยศ พวกเราต้องทำให้พวกนั้นออกไปจากค่ายกันก่อน

“แต่ทำแบบนั้นก็คงได้เกิดเรื่องขึ้นแน่ หากพวกเราไล่อำนาจของพวกตระกูลทรยศออกจากค่ายทหารมณฑลหลินหนาน รัฐบาลกลางคงไม่เสียเวลาดูสถานการณ์และโจมตีพวกเราทันที”

หลินฟานพยักหน้าให้กับสิ่งที่โอหยางห่าวพูดออกมา

เรื่องนี้เองหลินฟานก็คิดเอาไว้ก่อนแล้ว และเขาก็ได้เตรียมทางแก้เอาไว้เรียบร้อยด้วยประสบการณ์หลายปีในวันโลกาวินาศ การวางแผน เหลี่ยมในการหลอกล่อ ของพวกนี้มันฝังลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของหลินฟานทั้งหมด แผนรับมือเรื่องนี้มันไม่ได้ยากอะไรเลยสำหรับเขา

หลินฟานพูดความคิดตัวเอง

“ ผู้นำตระกูลโอหยางพูดถูกต้องแล้ว แค่ซื้ออาวุธพวกรัฐบาลก็คงจับตาดูพวกเราทุกฝีก้าว หากไล่ทหารฝ่ายตระกูลทรยศออกจากค่ายทหารมณฑลหลินหนาน พวกนั้นคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ และส่งกองทัพมากวาดล้างพวกเราแน่

“ เพราะงั้น! พวกเราจะไม่ทำแบบนั้น พวกเราจะให้ทหารฝ่ายทรยศอยู่ในค่ายต่อไป ตอนนี้พวกเราจะทำเป็นว่าต้องการความสงบ เพียงแต่ว่า พอวันโลกาวินาศมาถึงพวกเราจะเปิดเผยเขี้ยวเล็บออกมา ตอนนี้เราต้องหุบเขี้ยวเล็บเอาไว้

“ ตามแผนที่ผมคิดเอาไว้ ก่อนวันโลกาวินาศจะมาถึงพวกเราจะเคลื่อนทัพออกจากฐานทัพมณฑลหลินหนาน โดยระหว่างเคลื่อนทัพออกมา พวกคุณต้องเอาของออกมาให้หมดหรือเอามาให้เยอะที่สุดเท่าที่จะสามารถเป็นไปได้ ปืน กระสุน รถหุ้มเกราะ รถIFV รถถัง และเฮลิคอปเตอร์โจมตี

“ขนของพวกนั้นออกมาให้หมด เอาทุกอย่างมาที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน พวกเราจะใช้คฤหาสน์ตระกูลหลินแห่งนี้เป็นฐานบัญชาการ และใช้มันเป็นศูนย์กลางในการสร้างค่ายของพวกเรา”

สิ่งที่หลินฟานต้องการจากฐานทัพมณฑลหลินหนานก็คืออาวุธ ไม่ใช่พื้นที่ของฐานทัพ และหลินฟานก็ต้องการใช้เมืองหลินหนานเป็นฐานทัพของตัวเองในอนาคต เพราะงั้นหลินฟานจึงบอกให้พวกผู้นำตระกูลทั้งสี่ ขนอาวุธจากฐานทัพมาที่นี่

จางหยานพยักหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นว่า

“แบบนี้นี่เอง หากพวกเราออกมาในเวลาก่อนเกิดวันโลกาวินาศ พวกกองทัพฝ่ายตระกูลทรยศในฐานทัพก็คงตกอยู่ในความวุ่นวาย และเมื่อวันโลกาวินาศมาถึงรัฐบาลกลางก็ส่งกำลังรบมาช่วยไม่ได้ และเมื่อไม่มีกำลังเสริมและอาวุธดีๆ พวกทหารที่อยู่ในฐานก็จะไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา พวกนั้นจะไม่สามารถเป็นภัยต่อพวกเราได้  ”

ผู้นำตระกูลคนอื่นๆ ก็คิดว่าแผนนี้เป็นแผนที่ดีเช่นกัน

จากนั้นหลินฟานและผู้นำตระกูลทั้งสี่ก็คุยเกี่ยวกับลายละเอียดต่างๆ อีกประมาณ 3 ชั่วโมง เมื่อตกลงกันเรียบร้อยว่าแผนเป็นยังไง หลังจากนี้ควรทำอะไรบ้าง พวกผู้นำตระกูลทั้งสี่ต่างก็แยกย้ายกันกลับ

แต่ก่อนที่พวกผู้นำตระกูลจะออกไป หลินฟานก็พูดขึ้นก่อน

“เดี๋ยวก่อนผู้นำตระกูลโอหยาง ผมมีเรื่องคุยกับคุณอีกเรื่อง”

โอหยางห่าวพยักหน้ารับแล้วนั่งลงที่เดิม

ส่วนพวกผู้นำตระกูลอีกสามคนก็เดินออกไป เมื่อผู้ตระกูลคนอื่นๆ ออกไป หลินฟานก็เริ่มถามขึ้นว่า

“หลานของคุณ โอหยางซินตอนนี้อยู่ไหน?”

โอหยางซินที่หลินฟานพูดถึงตอนนี้ เธอก็คือหลานสาวของโอหยางห่าว

ส่วนเหตุผลที่หลินฟานถามถึงเธอ ก็เป็นเพราะในชาติก่อนของเขาโอหยางซินเป็นผู้มีความสามารถมากๆ เธอควบคุมเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกเอาไว้ แถมยังมีทหารอยู่ใต้การบัญชาการกว่า 1,000,000 คน

ต้องรู้ก่อนว่าจำนวนทหาร 1,000,000 คน ในวันโลกาวินาศ จำนวนขนาดนี้เป็นจำนวนที่เยอะมาก แถมเมืองของโอหยางซินยังโดนวางรูปแบบปกครองที่ดีมาก เรียกได้ว่า เธอมีความสามารถด้านการบริหารบ้านเมืองอย่างแท้จริง

ความสามารถต่อสู้ของเธอนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ความสามารถด้านบริหารเมือง บริหารแนวหลังสงครามอย่างการขนส่งอาหารและขนส่งกำลังเสริม เรื่องเหล่านี้ หากโอหยางซินบอกว่าตัวเองเป็นที่ 2 บนโลกก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าตัวเองเป็นที่ 1

เมื่อรู้ว่าเธอมีความสามารถ เมื่อรู้ว่าเธอเก่งในเรื่องบริหาร โอหยางซินก็เป็นคนแรกๆ ที่หลินฟานคิดถึงเมื่อพูดถึงเรื่องการสร้างค่าย หลินฟานจะไม่ยอมปล่อยคนมีความสามารถแบบเธอหลุดมือไปเด็ดขาด

“ตอนนี้เธอเรียนอยู่ในอเมริกา และกำลังเรียนปริญญาเอกด้านบริหารอยู่ครับ ผมจะเรียกเธอกลับมาทันทีแล้วให้มาหาคุณ”

โอหยางห่าวตอบ

หลินฟานพยักหน้าพอใจ เพราะแบบนี้เขาถึงชอบที่จะคุยกับคนฉลาด หากนี่เป็นคนอื่นอาจจะถามว่า ทำไมถึงถามหาเธอ? หรือตอบเพียงแค่เธออยู่ที่ไหน แต่พอเป็นคนฉลาดก็สามารถเดาความคิดของกันและกันออก เรื่องนี้ทำให้หลินฟานประหยัดเวลาไปเยอะ

ส่วนเหตุผลที่โอหยางห่าวรู้ได้ยังไงว่าหลินฟานต้องการอะไรนะเหรอ เรื่องนั้นมันก็แน่อยู่แล้ว โอหยางซินเรียนด้านบริหารตั้งแต่ปริญญาตรี ปริญญาโทก็บริหาร ปริญญาเอกก็ยังเรียนบริหาร หากไม่โงจริงๆ ไม่ว่าใครก็คงคิดได้ว่าหลินฟานก็ย่อมต้องการเธอมาทำงานบริหารให้ และการให้เธอมาคุยต่อหน้าตรงๆ ก็เป็นหนทางในการสื่อสารที่ดีที่สุดในเรื่องวางแผนบริหาร

หลินฟานพูดขึ้นด้วยใบหน้าพอใจว่า

“ดีมาก คุณกลับไปเตรียมตัวเถอะ”

“ครับ”

เมื่อโอหยางห่าวออกไปจากห้อง หลินฟานก็จมลงสู่หวงความคิด

‘ ตอนนี้เราเตรียมการเอาไว้ทุกอย่างแล้ว หากตระกูลทั้งสี่เอาทหารตัวเองออกมาจากฐานทัพพร้อมอาวุธ เราก็จะมีทหารอยู่ใต้การบัญชาการ 4 กองพัน บวกกับหน่วยพิเศษของตระกูลหลิน เราก็จะมีกำลังทหารอยู่ประมาณ 5,000 คน

‘ แล้วเมื่อบวกกับอาวุธจำนวนมากที่ทหารทั้ง 4 กองพันขนมา ก็คงไม่มีกองกำลังไหนในเมืองหลวงของมณฑลหลินหนานเป็นอันตรายกับเราได้ เราต้องทำให้มณฑลหลินหนานเป็นฐานหลักแล้วขยายอิทธิพลไปเรื่อยๆ

‘ จากมณฑลหลินหนานเป็นมณฑลใกล้ๆ จากนั้นก็ประเทศจีนทั้งประเทศ จากนั้นก็เป็นทวีปเอเชียทั้งทวีป จากนั้นก็เป็นโลกทั้งใบ

‘ เมื่อเรามีกำลังมากพอเมื่อไหร่ เราก็จะไปตะบันหน้าไอพวกที่ทำให้เกิดวันโลกาวินาศและจับพวกมันไปเล่นเกมเอาชีวิตรอดแบบที่มันทำกับมนุษย์ รอก่อนเถอะ อีกไม่นานปู่ของพวกแกคนนี้จะไปหาพวกแกแน่ ไอพวกระยำ!! ‘

ติ้ง ติ้ง ติ้ง

ระหว่างที่หลินฟานกำลังจมอยู่ในความคิด เสียงมือถือในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ดังขึ้น

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด