ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 12 หน้าไหว้หลังหลอก
ตอนที่ 12 หน้าไหว้หลังหลอก
เมื่อหลินฟานตะโกนออกคำสั่งไล่พวกตระกูลข้ารับใช้ทรยศจบ ภายในห้องโถงก็ตกสู่ความสับสน ผู้คนในห้องเริ่มพูดคุยกันด้วยความสงสัย
“นี่มันหมายความว่าอะไร เนรคุณ! เนรคุณอะไร!?”
“ตระกูลทั้ง 6 ทรยศต่อตระกูลหลินงั้นเหรอ?”
“อย่ามาใส่ร้ายพวกเรา พวกเราไปทรยศต่อตระกูลหลินตอนไหน ฉันก็พึ่งเคยได้ยินว่าตระกูลของฉันทรยศเนี่ยแหละ”
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!!”
ห้องโถงเริ่มตกลงสู่ความสับสน พวกที่สับสนตอนนี้ไม่ได้มีเพียงสมาชิกตระกูลข้ารับใช้ทั้ง 4 แต่พวกสมาชิกของตระกูลข้ารับใช้ทั้ง 6 ส่วนใหญ่ก็ตกลงสู่ความสงสัยด้วยเช่นกัน มีเพียงส่วนน้อยที่รู้เรื่องทรยศอยู่แล้วที่ยังเงียบอยู่
ส่วนเหตุผลที่สมาชิกตระกูลข้ารับใช้ส่วนมากรู้สึกสับก็เป็นเพราะว่า ในตอนนี้เรื่องทรยศต่อตระกูลหลินกำลังเป็นความลับอยู่ภายในตระกูล พวกที่รู้เรื่องนี้ต่างก็เป็นพวกระดับสูงของตระกูล พวกคนธรรมดาหรือคนหนุ่มสาวต่างก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้ เพราะงั้น ตอนนี้พวกเขาเลยตกลงสู่ความสับสนเมื่อรู้ว่าตระกูลตัวเองทรยศต่อตระกูลหลิน
ถึงอย่างไร้ก็ตาม ทุกคนห้องโถงต่างก็ไม่มีใครหันไปถามกับหลินฟานตรงๆ และพวกคนหนุ่มสาวในห้องโถงต่างก็หันมองไปทางผู้อาวุโสประจำตระกูลของตัวเอง เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้อีก
สมาชิกของตระกูลข้ารับใช้ทรยศทั้งหมด ต่างก็หันมองไปทางผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูลตัวเองในที่แห่งนี้ ซึ่งคนเหล่านั้นก็คือเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลข้ารับใช้ทรยศต่างๆ ที่กำลังยืนกระจายอยู่ทั่วห้อง
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ตระกูลของประเทศจีนก็เหมือนๆ กับประเทศขนาดเล็ก ภายในตระกูลแบ่งชนชั้นกันอย่างชัดเจน เช่น สมาชิกตระกูลสายประกอบ สมาชิกตระกูลสายรอง สมาชิกตระกูลสายหลัก ผู้อาวุโสประจำตระกูล และผู้นำตระกูล
สิ่งนี้เป็นเพียงระบบคร่าวๆ เท่านั้น บางตระกูลหากมีสมาชิกเยอะมากก็จะมีขั้นเข้ามาขั้นตามตำแหน่งต่างๆ อีกครั้ง เช่น ผู้อาวุโสสูงสุด ผู้อาวุโสทรงเกียรติ และตัวแทนผู้นำตระกูล
และด้วยการแบ่งชั้นภายในตระกูลแบบนี้ มันจึงทำให้ตระกูลเป็นระเบียบอย่างมาก เมื่อมีเรื่องอะไรที่ใหญ่เกินตัวต้องตัดสินใจพวกคนตัวน้อยๆ ก็จะมองคนที่เหนือกว่าตัวเองและทำตามคนคนนั้นทำ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกคนในตระกูลข้ารับใช้ทรยศทุกๆ คน ถึงได้หันมองไปทางผู้อาวุโสของตัวเอง วิธีปกครองแบบนี้อาจถูกมองว่าล้าหลัง แต่ตระกูลส่วนใหญ่ต่างก็มีระบบปกครองแบบนี้กันแทบจะทั้งหมด
แต่ก็มีข้อยกเว้นอย่างตระกูลหลิน ตระกูลหลินจะมีเพียงแค่สมาชิกตระกูลหลักตระกูลเดียว ตระกูลหลินจะไม่แยกสาขาออกไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงได้มีเพียงหลินฟานคนเดียวภายในตระกูลหลิน
หลินฟานพูดขึ้นอีกครั้งว่า
“ไม่มีหูกันหรือไง ฉันบอกให้พวกแกออกไปจากคฤหาสน์ของตระกูลหลินให้หมด ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องก็มีแต่ต้องใช้กำลังพูดด้วยเท่านั้น อย่าบังคับให้ฉันต้องใช้กำลัง ออกไป!!”
เมื่อหลินฟานพูดจบ ชายสวมชุดทหารวัยกลางคนก็เดินออกมายืนต่อหน้าหลินฟานด้วยใบหน้าบึ้งตึง จากนั้นชายสวมชุดทหารก็พูดขึ้นว่า
“ คุณหลิน คุณจะรังแกพวกเรามากเกินไปแล้ว พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรคุณก็มาบอกว่าพวกเราเป็นพวกเราเนรคุณ ทำเหมือนกับพวกเราเป็นคนทรยศ เมื่อครู่คุณทำร้ายร่างกายคนจากตระกูลเว่ยของผม เรื่องนั้นผมสามารถปล่อยผ่านไปได้
“ แต่เรื่องนี้ผมไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้จริงๆ พวกเรารับใช้ตระกูลหลินมาหลายชั่วอายุคน พวกเราตระกูลข้ารับใช้ต่างก็มีเกียรติเป็นของตัวเอง ถึงคุณจะเป็นผู้นำตระกูลหลินคนปัจจุบัน คุณก็ไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาพวกเราแบบนี้
“ผมไม่รู้ว่าคุณตัดสินว่าตระกูลไหนทรยศโดยใช้เรื่องที่ผู้นำตระกูลไม่มาหรือเปล่า แต่ว่า ผมมาที่นี่ในฐานะตัวแทนผู้นำตระกูลเว่ย ผู้นำตระกูลเว่ยของพวกเราอาหารเป็นพิษจนไม่สามารถเดินทางมาได้ เขาจึงไม่ปรากฏตัวในงานประชุมแห่งนี้ได้ หากเรื่องที่ท่านผู้นำตระกูลไม่มาทำให้คุณไม่พอใจ ผมต้องขอโทษด้วย แต่อยู่ๆ มากล่าวหาว่าพวกเราเป็นพวกเนรคุณ ทำเหมือนกับว่าเราเป็นคนทรยศ ผมไม่สามารถยอมรับข้อกล่าวหาข้อนี้ได้จริงๆ”
ชายที่กำลังพูดอยู่ต่อหน้าหลินฟานคนนี้คือหนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลเว่ย ในที่แห่งนี้เขามีอำนาจสูงสุดในฐานะตระกูลเว่ย เขาจึงเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านหลินฟานในฐานะตระกูลเว่ย ชายสวมชุดทหารกำลังพยายามทำให้ทุกคนคิดว่าหลินฟานกำลังทำตัวไร้เหตุผล
และสิ่งที่ชายตระกูลเว่ยต้องการจะทำก็ประสบผลสำเร็จ หลายคนในห้องโถงต่างก็คิดว่าหลินฟานเป็นพวกไร้เหตุผลจริงๆ ที่อยู่ๆ มาพูดว่าตระกูลข้ารับใช้เป็นพวกเนรคุณทั้งๆ ที่แค่ไม่ส่งผู้นำตระกูลมาเข้าร่วมงานประชุม
หลินฟานฉีกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ตอบกลับว่า
“ อาหารเป็นพิษ แบบนี้เองสินะผู้นำตระกูลเว่ยเป็นอะไรมากไหม ฉันผิดเองที่คิดว่าตระกูลเว่ยทรยศ …คิดว่าฉันจะพูดขอโทษพวกแกแบบนี้หรือไง!
“ หากผู้นำตระกูลเว่ยอาหารเป็นพิษ ผู้นำตระกูลหนิงล่ะเป็นอะไร ขาเจ็บเลยไม่สามารถเข้าร่วมงานประชุมได้งั้นเหรอ ผู้นำตระกูลหวังล่ะเป็นอะไร ปวดหัวไมเกรนจนไม่สามารถมาเข้าร่วมงานประชุมได้งั้นเหรอ
“ ผู้นำตระกูลหยางล่ะเป็นอะไร ปวดท้องจนไม่สามารถเข้าร่วมงานประชุมได้งั้นเหรอ ผู้นำตระกูลโจล่ะ ผู้นำตระกูลซินล่ะ
“พวกมันทั้งหมดเกิดป่วยพร้อมกันในวันเรียกประชุมงั้นเหรอ เหอะ! นี่แกคิดว่าฉันคนนี้กินหญ้าเป็นอาหารหรือไง ฉันจะพูดอีกครั้งแล้วฟังให้ชัดๆ ออกไปเดี๋ยวนี้!”
ชายสวมชุดทหารผู้เป็นตัวแทนตระกูลเว่ยพูดอะไรไม่ออก สิ่งที่หลินฟานพูดออกมาเป็นหัวข้อที่หาข้อแก้ตัวยากจริงๆ ชายสวมชุดทหารหันมองไปทางผู้อาวุโสของตระกูลทรยศอีก 5 คน แต่คนเหล่านั้นก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะออกมาช่วย เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่ผู้อาวุโสตระกูลทรยศอีก 5 ตระกูลไม่ยอมออกมาช่วย
อีกด้าน เหล่าผู้อาวุโสตระกูลทรยศที่เหลืออยู่ต่างก็คิดว่าตัวเองไม่ควรแกว่งเท้าหาเสี้ยน สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างจากที่วางแผนเอาไวมาก และหลินฟานที่เคยเป็นเพียงลูกไก่ก็เป็นเหมือนกับเสือร้ายที่ค่อยจะขย้ำศัตรูของตัวเอง
เพราะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากเกินไป ผู้อาวุโสตระกูลทรยศคนอื่นๆ จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบแล้วไหลไปตามกระแสน้ำ พวกเขาไม่ต้องการทำแบบผู้อาวุโสตระกูลเว่ยที่กำลังพยายามต้านกระแสน้ำ
“คุณหลิน คุณจะเสียใจกับการกระทำวันนี้”
ชายสวมชุดทหารเดินจากไปหลังพูดจบ
เมื่อชายสวมชุดทหารผู้เป็นผู้อาวุโสของตระกูลเว่ยเดินออกไปจากห้อง สมาชิกของตระกูลเว่ยทั้งหมดก็เดินตามเขาออกไปเช่นกัน
หลินฟานมองชายสวมชุดทหารที่เดินออกไปด้วยแววตาเย็นชา สิ่งที่ชายสวมชุดทหารพูดออกมาทำให้หลินฟานมีน้ำโหไม่ใช่น้อยๆ เสียใจงั้นเหรอ! คนที่เสียใจมันคือพวกแกที่กล้าต่อทรยศต่อตระกูลหลินต่างหาก! หลินฟานอยากสวนกลับแต่เขาก็ไม่ได้ทำมัน
แล้วหลินฟานก็รู้ดีว่าเขาไม่ควรฆ่าชายสวมชุดทหารตอนนี้ ในตอนนี้ตระกูลหลินกำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอและอยู่ในช่วงสร้างรากฐานในวันโลกาวินาศ
ดูจากที่ชายสวมชุดทหารกล้าพูดกับตัวเองแทนคนตระกูลเว่ยภายในห้อง หลินฟานก็เข้าใจได้ทันทีว่าชายคนนั้นมีตำแหน่งระดับสูงภายในตระกูลเว่ย หากหลินฟานฆ่าเขาวันนี้ ตระกูลเว่ยคงไม่พอใจและเริ่มก่อปัญหาให้แน่นอน
หลินฟานไม่ได้หวาดกลัวตระกูลเว่ย แต่ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น หลินฟานต้องการเน้นไปยังเรื่องสร้างรากฐานในวันโลกาวินาศให้มากที่สุด ใครจะไปรู้ว่าตระกูลเว่ยโกรธแล้วพวกนั้นจะสร้างปัญหาอะไรให้ ด้วยเหตุผลแบบนี้ หลินฟานจึงเลือกปล่อยชายสวมชุดทหารคนนั้นไป
แต่ว่า ชายสวมชุดทหารคนนั้นก็อยู่ในลิสต์รายชื่อของผู้ที่ต้องคิดบัญชีเรียบร้อย หลินฟานตั้งชื่อให้ชายคนนั้นว่า ชายตระกูลเว่ยผู้ทะนงตัว!
ส่วนเหตุผลที่หลินฟานไม่ฆ่าพวกตระกูลทรยศคนอื่นๆ ในห้องโถงก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่หลินฟานปล่อยให้ชายตระกูลเว่ยผู้ทะนงตัวออกไป ตระกูลข้ารับใช้ฝังรากลึกอยู่ในมณฑลหลินหนานมาเป็นเวลานาน นานเท่าๆ กับตระกูลหลิน ต่อให้เป็นหลินฟานก็คาดเดาไม่ได้ว่าพวกนั้นจะทำอะไรได้บ้าง เพราะงั้น การรักษาความสงบเอาไว้จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด การฆ่ายังไม่สมควรทำในเวลานี้
เมื่อสมาชิกของตระกูลเว่ยเดินออกไปจากห้องโถง พวกผู้อาวุโสของตระกูลข้ารับใช้ทรยศอีก 5 ตระกูล ก็เดินตามออกไปด้วยเช่นกัน และเมื่อผู้อาวุโสของตัวเองเดินออกไปจากห้องโถง สมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลข้ารับใช้ทรยศก็เดินตามผู้อาวุโสของตัวเองออกไป
พวกผู้อาวุโสของแต่ละตระกูลต่างก็คิดว่าเรื่องครั้งนี้มันเกินเลยที่จะพูดกันได้แล้วพูดต่อไปมันก็รังแต่จะไร้ความหมาย
อีกอย่าง ตระกูลของพวกเขาต่างก็ตัดสินใจว่าจะทรยศต่อตระกูลหลินไปแล้ว เรื่องที่หลินฟานพูดออกมาต่างก็คือความจริง รู้ว่าเรื่องที่หลินฟานพูดเป็นความจริงผู้อาวุโสแต่ละตระกูลจะเอาอะไรไปพูดขัดแย้งได้อีก ไม่มีแน่นอน!
เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรจะพูด เมื่อรู้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์มันขาดจนเชื่อมกันไม่ได้ ผู้อาวุโสของตระกูลข้ารับใช้ทรยศก็เลยตัดสินใจพาคนของตัวเองออกจากห้องโถงไป
เมื่อพวกตระกูลข้ารับใช้ทรยศออกจากห้องไปหมดแล้ว หลินฟานก็กวาดตามองรอบๆ ห้องโถง และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“ ผมรู้ว่าพวกคุณสงสัยและแปลกใจว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น แต่เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบที่พวกคุณได้เห็นไป ตอนนี้ตระกูลหลินเหลือตระกูลข้ารับใช้เพียง 4 ตระกูล ได้แก่ ตระกูลโอหยาง ตระกูลเจียง ตระกูลจาง และตระกูลหม่า
“ พวกนั้นทรยศไปเข้าร่วมกับฝ่ายไหนผมคงไม่ต้องบอก เพราะหากพวกคุณมีสมอง พวกคุณคงสามารถเดากันเองได้ เพราะงั้นหลังจากนี้ให้ทุกคนจงตัดความสัมพันธ์กับเหล่าตระกูลทรยศทั้งหมดซะ พวกเรากับพวกนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก
“ส่วนเรื่องสมาชิกของตระกูลข้ารับใช้ทั้ง 4 ที่แต่งงานเข้าไปในตระกูลทรยศ ผมให้โอกาสพวกเขาเลือกว่าจะอยู่กับตระกูลทรยศต่อไป หรือจะกลับมายังตระกูลของตัวเอง ผมสามารถยอมรับเด็กที่เกิดจากพวกตระกูลทรยศกับสมาชิกตระกูลข้ารับใช้ทั้ง 4 ได้ แต่หากพวกเขาต้องการเข้าร่วมกับตระกูลข้ารับใช้ทั้ง 4 เด็กทุกคนก็ต้องเปลี่ยนแซ่ให้หมด”
หลินฟานเว้นช่วงสักพัก จากนั้นก็มองไปทางหัวหน้าตระกูลทั้งสี่
“ผมต้องการแผนผังตระกูลใหม่ทั้งหมดภายในเวลาไม่เกิน 3 วัน หวังว่าพวกคุณจะสามารถส่งมอบมาได้ทัน”
พวกผู้นำตระกูลทั้งสี่ก้มหน้าตอบรับอย่างพร้อมเพรียง ผู้นำตระกูลทั้งสี่ต่างก็รู้ดีว่านี้ไม่ใช่คำขอแต่นี่มันเป็นคำสั่ง แถมยังเป็นคำสั่งให้พวกที่อยู่ในตระกูลทรยศตัดสินใจเลือกภายใน 3 วัน ส่วนหลินฟานจะเอาแผนผังตระกูลไปทำไมนั้น ผู้นำตระกูลทั้งสี่ต่างก็พอเดาความคิดของหลินฟานได้บ้าง
แผนผังตระกูลจะเป็นเครื่องยืนยันว่าใครเป็นสมาชิกแท้จริงบ้าง หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ หากไม่มีชื่ออยู่ในแผนผังของตระกูลต่อให้ใช้แซ่โอหยาง มีสายเลือดโอหยาง แต่คนผู้นั้นก็ไม่นับว่าเป็นคนของตระกูลโอหยางในสายตาของตระกูลหลิน ผู้นำตระกูลทั้งสี่ต่างก็คิดว่า หลินฟานต้องการแผนผังเพื่อเอาไว้ไล่จัดการพวกที่ไม่ยอมกลับตระกูล
แต่! ผู้นำตระกูลต่างก็กำลังเข้าใจผิด แต่ก็พูดไม่ได้ว่าผิดทั้งหมดเพราะหลินฟานต้องการเล่นงานคนเหล่านั้นจริงๆ ความจริงแล้ว หลินฟานต้องการเอาแผนผังตระกูลมาเพื่อยืนยันตัวตน หลินฟานได้ให้โอกาสแล้วว่าจะยอมกลับมาหาตระกูลตัวเอง หรือจะยอมอยู่กับตระกูลทรยศต่อไป
หากใครเลือกยอมกลับมาหลินฟานก็พร้อมรับ แต่หากใครเลือกยืนอยู่อีกฝ่ายหลินฟานก็ไม่ว่าอะไร แต่พวกที่ยืนอยู่ฝั่งอีกฝ่ายจะไม่ได้รับโอกาสที่สองอย่างเด็ดขาด เมื่อวันโลกาวินาศเริ่มขึ้นคนที่ไม่ยอมกลับมาในตอนนี้ก็จะไม่ได้รับสิทธิ์ให้กลับมาอย่างเด็ดขาด หลินฟานต้องการแผนผังตระกูลของตระกูลข้ารับใช้ทั้ง 4 ก็เพราะเหตุผลนี้
เมื่อได้รับการตอบรับจากผู้นำตระกูลทั้ง 4 หลินฟานเริ่มพูดต่ออีกว่า
“ผู้นำตระกูลโอหยาง โอหยางห่าว! ผู้นำตระกูลเจียง เจียงเป่า! ผู้นำตระกูลจาง จางหยาง! และผู้นำตระกูลหม่า หม่าจือฉิน! พวกคุณทั้งสี่คนอยู่ก่อน ส่วนคนอื่นๆ ภายในตระกูลข้ารับใช้เชิญกลับออกไปให้หมด และรอรับคำสั่งต่อไปจากผู้นำตระกูลของตัวตัวเอง”