ตอนที่แล้วย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 8 ไม่เห็นหัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 10  รู้สึกเหมือนโดนข่มขู่และคุกคาม

ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 9 อำนาจและความน่ากลัวของตระกูลหลิน


ตอนที่ 9 อำนาจและความน่ากลัวของตระกูลหลิน

…วูบ…

เมื่อน้ำเสียงเย็นชาออกมาจากปากของหลินฟาน ทุกคนที่กำลังอยู่ในอารมณ์ไม่พอใจก็เย็นลงแทบจะในทันที ทุกคนต่างรู้สึกเสียวสันหลังของตัวเองหลังได้ยินคำพูดของหลินฟาน พวกเขาต่างก็ปิดปากเงียบไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

คนที่รู้สึกเสียวสันหลังเพราะคำพูดของหลินฟานไม่ได้มีเพียงแค่พวกคนไม่ได้รับเชิญเท่านั้น แต่พวกสมาชิกของตระกูลข้ารับใช้ทรยศทุกๆ คน ต่างก็รู้สึกเสียวสันหลังเช่นกัน

หลินฟานกวาดตามองพวกไม่ได้รับเชิญที่เงียบไปอยู่สักพัก จากนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า

“ อันดับแรกพวกเรามาทำความเข้าใจกันก่อน

“ หนึ่ง! พวกแกจะยกเลิกการร่วมมือธุรกิจก็เชิญเพราะตอนนี้หลินกรุ๊ปไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลินแล้ว ฉันจำไม่ได้เลยสักนิดว่าตระกูลหลินมีธุรกิจอื่นนอกจากหลินกรุ๊ปที่ฉันพึ่งจะเทขายหุ้นไปเมื่อเช้า

“สอง! ต่อให้เธอเป็นดาราดังขนาดไปมันก็ไร้ประโยชน์ หากเธอไม่สามารถออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลหลินได้ ก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรทำให้พวกแกใจกล้าจนมาด่าผู้นำตระกูลหลินในคฤหาสน์ตระกูลหลินแบบนี้ แต่เมื่อเรื่องมันเป็นอย่างนี้ไปแล้วพวกก็แกทุกคนก็ต้องรับผิดชอบกับผลที่จะตามมา แค่คุกเข่าคงไม่พอแล้ว”

เมื่อครู่หลินฟานแค่ต้องการสั่งสอนบทเรียนเล็กน้อยให้กับคนเหล่านั้น  แต่เมื่อเขารู้ว่าตัวเองกำลังโดนด่าในบ้านของตัวเอง หลินก็เปลี่ยนใจ เขาจะไม่แค่สั่งสอนบทเรียนคนพวกนี้แต่จะให้คนพวกนี้รับรู้ถึงกฎแห่งป่า รับรู้ถึงความจริงอันโหดร้าย

“ลากตัวพวกมันมาหน้าห้อง”

หลี่หมิงกดหูฟังที่ข้างหูของตัวเองพร้อมกับออกคำสั่ง

หลังจากคำสั่งของหลี่หมิงโดนส่งออกไป ชายชุดดำตัวใหญ่ก็เดินเข้ามาในห้องโถงจากนั้นก็ลากตัวพวกคนไม่ได้รับเชิญตรงมาที่หน้าห้องโถง แน่นอนว่ามีคนพยายามต่อต้านอยู่บ้าง แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของหลินฟานเมื่อครู่นี้ พวกที่ต่อต้านก็หยุดลงทันที

คุกเข่า กับ ตาย

ต่อให้โง่ขนาดไหนก็คงเลือกได้ง่ายๆ ยุคนี้ไม่ใช่ยุคกลางที่บอกว่าเกิดเป็นคนอย่ายอมคุกเข่าให้ใครง่ายๆ หรือยอมตายดีกว่าคุกเข่า ประโยคแบบนั้นมันเก่าไป ถึงเมื่อครู่จะต่อต้านกันอยู่บ้างเพราะกลัวเสียเกียรติของตัวเอง แต่พอมีความตายเข้ามาเกี่ยวข้องพวกที่ต่อต้านทั้งหมดต่างก็เงียบและคุกเข่าลงแต่โดยดี

“พอใจแล้วใช่ไหม ฉันจะกลับแล้ว”

ผู้หญิงคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

จากนั้นเธอลุกขึ้นหลังจากคุกเข่าได้ประมาณ 3 วิ เธอเป็นถึงดาราดังระดับประเทศการที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้เธอไม่สามารถรับมันได้จริงๆ แค่คุกเข่า 3 วิ เธอก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว

หลินฟานมองไปที่ผู้หญิงที่ลุกขึ้น จากนั้นเขาถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเหนื่อยใจ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนเดียวกันกับคนที่บอกว่าจะประกาศว่าตระกูลหลินป่าเถื่อนเมื่อครู่ หลินฟานมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นและรู้สึกคุ้นๆ หน้ายังไงไม่รู้

เขารู้สึกว่าเหมือนเคยเห็นเธอในทีวี แต่ในอีกความทรงจำก็เหมือนจะเคยเห็นเธอเดินขายตัวอยู่ข้างถนนเพื่อแลกกับขนมปังเพียงหนึ่งก้อน วันโลกาวินาศเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายต่อผู้หญิงมาก มีผู้หญิงหลายคนที่ยอมนอนกับผู้ชายเพราะขนมปังเพียงแค่ก้อนเดียว

หลินฟานมั่นใจว่าความทรงจำหลังชัดเจนกว่า แต่ตอนนี้เขาคงพูดมันออกไปไม่ได้ เพราะงั้นหลินฟานจึงเลือกข้อแรกแล้วถามว่า

“เธอเป็นดาราดังมากๆ ของประเทศใช่ไหม รู้สึกเหมือนว่าเคยเห็นหน้ามาก่อน”

“ใช่! ฉันชะ-”

“ไม่ต้องๆ ฉันแค่ถามให้แน่ใจจะได้จัดการได้ถูกวิธีเท่านั้นเอง”

หลินฟานขัดขึ้นก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะพูดจบ จากนั้นหลินฟานก็หันไปทางหลี่หมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วก็ออกคำสั่งว่า

“สั่งให้คนไปเอาน้ำกรดมา”

“ครับ!?”

ครั้งนี้แม้แต่หลี่หมิงก็ตกใจ

ทุกคนในห้องเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงแห่งนี้ไม่ใช่คนโง่หากมีคำว่า ดารา ทำโทษ และน้ำกรด ผู้คนก็พอเดาได้ว่าหากทำโทษดาราด้วยน้ำกรดมันหมายถึงอะไร

คนที่ตกใจที่สุดคือผู้หญิงที่กำลังยืนอยู่ เมื่อได้ยินคำว่าน้ำกรดเธอก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่างกาย เธอรีบนั่งคุกเข่าลงต่อทันที จากนั้นก็พูดอ้อนวอนกับหลินฟาน

“คะ คุณหลิน …ฉันมันโง่เอง ดะ ได้โปรดยก-”

“อย่าๆ อย่าทำตัวน่าสงสารแบบนี้สิ เธอพูดแบบนั้นมันก็เหมือนกับว่าฉันเป็นคนผิดเลยไม่ใช่หรือไง เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเธอที่เริ่มก่อนแท้ๆ ก่อนหน้านี้ก็ขู่ฉันในบ้านของฉัน เมื่อกี้ยังมาพูดจาอวดดีอีก เธอเป็นคนทำให้เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นเอง”

หลินฟานอธิบายเหตุผล

ใจจริงหลินฟานก็รู้ว่าตัวเองทำเกินไป แต่เมื่อเขาตัดสินใจไปแล้วว่าจะแสดงความโหดร้ายให้คนพวกนี้ได้เห็น เขาก็จะทำมันตามความตั้งใจ อีกอย่างยังไงเดี๋ยวก็เกิดวันโลกาวินาศขึ้นอยู่แล้วต่อให้ทำเรื่องใหญ่อะไรไปก็ไม่จำเป็นต้องกลัว เมื่อวันโลกาวินาศมาถึงต่อให้คุณข่มขืนคนกลางแจ้งมันก็ไม่นับว่าเป็นความผิด

อีกทั้ง หลินฟานยังต้องการเตือนไปยังพวกตระกูลทรยศด้วยว่าตอนนี้ตัวเองไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาต้องการสร้างความหวาดกลัวให้กับพวกมัน

“คุณเว่ย! คุณเว่ยช่วยฉันด้วย!!”

เมื่อรู้ว่าพูดกับหลินฟานต่อไปก็ไร้ความหมาย ผู้หญิงคนนั้นจึงหันไปหาคนที่พาเธอเข้ามาในงานนี้ คนที่เธอหันไปหาก็คือผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างดูดี

หลินฟานรู้สึกดีขึ้นมาทันทีที่คนพาดาราหญิงคนนั้นมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลทรยศ ตอนนี้หลินฟานสามารถคัดได้แล้วว่าใครทรยศใครภักดี เพราะตั้งแต่ที่ผู้นำตระกูลของ 6 ตระกูลข้ารับใช้ไม่ปรากฏตัวในงานประชุม เขาก็ลิสต์ไปแล้วว่าพวกมันเหล่านั้นเป็นพวกตระกูลทรยศต่อตระกูลหลิน

ชายที่โดนเรียกก้าวออกมาจากฝูงชน เขาเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าของหลินฟานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วเขาก็ผสานมือของตัวเองสองข้างเข้าด้วยกันพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ผมต้องขอโทษจริงๆ เกี่ยวกับเรื่องเสียมารยาทเมื่อครู่ แต่อย่างน้อยก็ช่วยเห็นแก่หน้าของผม เห็นแก่หน้าของตระกูลเว่ยด้วยเถอะครับคุณหลิน เธอยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผมรับรองว่าครั้งหน้าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”

หลินฟานขมวดคิ้ว

“ ครั้งหน้า? นี่นายยังคิดว่ามันจะมีครั้งหน้าด้วยหรือไง?

“มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า ความผิดพลาดของทหารเป็นของแม่ทัพครึ่งหนึ่ง ซึ่งฉันก็คิดว่าคำนี้เป็นคนพูดที่ดีจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ เห็นแก่หน้าของตระกูลเว่ยที่รับใช้ตระกูลหลินมานานฉันจะยอมให้สักหน่อยก็ได้”

ชายตระกูลเว่ยแสดงใบหน้าดีใจออกมาทันที เมื่อครู่เขาได้ยินประโยคช่วงแรกหัวใจของเขาก็ตกลงไปอยู่ตาตุ่ม แต่เมื่อได้ยินช่วงท้ายเขาก็รู้สึกว่าตัวเองรอดแล้ว แต่ในระหว่างที่ชายตระกูลเว่ยคิดว่าตัวเองรอดแล้ว หลินฟานก็ทำลายความหวังโดยพูดขึ้นอีกว่า

“ฉันว่าจะเทราดหน้าของเธอทั้งหน้า หากครึ่งหนึ่งก็คือครึ่งหน้าแต่ในเมื่อนายเป็นคนของตระกูลเว่ยนายก็โดนไป 1 ส่วน 4 ของหน้าก็แล้วกัน”

ชายตระกูลเว่ย “….”

ชายตระกูลเว่ยไม่รู้ว่าตัวเองต้องตอบสนองยังไงในสถานการณ์แบบนี้ เหตุผลที่เขากล้าออกมาก็เป็นเพราะคิดว่าตัวเองไม่โดนลงโทษแน่ๆ เขาไม่คิดเลยว่าหลินฟานจะกล้าทำถึงขั้นนี้ นี่มันไม่คิดจะไว้หน้าตระกูลเว่ยเลยหรือไง?

“ของมาแล้วครับ”

หลี่หมิงพูดขึ้นขณะที่ถือขวดน้ำกรดอยู่ในมือ

หลินฟานรับขวดมาและส่งไปทางชายตระกูลเว่ย จากนั้นหลินฟานก็ชี้นิ้วไปทางดาราหญิงที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่

“จัดการซะ เธอเป็นคนของนาย”

ชายตระกูลเว่ยแสดงใบหน้าลังเล เขาลับตามองระหว่างหลินฟานและดาราหญิงที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ แต่เขาก็ลังเลไม่ได้นาน เขารับขวดน้ำกรดจากมือหลินฟานแล้วเดินไปทางดาราหญิงคนนั้นด้วยสีหน้าโหดร้าย

“ ไม่!!!

“ คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะคุณเว่ย!!!

“ไหนคุณบอกว่าคุณรักฉันไง ไม่!!!”

ดาราหญิงคนนั้นพยายามลุกขึ้นหนี แต่เธอก็โดนชายร่างใหญ่สูทดำกดร่างกายเอาไว้ เมื่อโดนคนร่างใหญ่กดร่างเอาไว้ขนาดนั้นผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอมีหรือที่จะสามารถลุกขึ้นหนีไปได้

หลินฟานมองภาพด้านหน้าด้วยความรู้สึกชินชา สำหรับเขาที่ผ่านวันโลกาวินาศมาก่อนเมื่อได้ยินคำว่า [รัก] เขาก็แทบอยากจะอวกออกมา ในวันโลกาวินาศหลินฟานเคยเห็นแม้กระทั่ง ครอบครัวกินกันเองเพราะทนความหิวไม่ไหว หรือสามีขายเมียและลูกตัวเองเพื่อแลกกับขนมปังเพียงไม่กี่ก้อน

คำว่า รัก มันก็เป็นเพียงคำสวยหรูที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมาเท่านั้น

ซ่า!!!

“อากกกกกก!!!!”

เมื่อน้ำกรดโดนเทลงบนหน้าดาราหญิงคนนั้น เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังขึ้นอย่างฉับพลัน

ขณะเดียวกันทุกคนในห้องโถงต่างก็แสดงท่าทางที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็หันหน้าหนี บ้างก็ปิดตาตัวเอง บ้างก็ยืนมองเฉยๆ แต่ไม่ว่าจะแสดงท่าทางแบบไหนออกมามันก็ไม่มีใครเลยสักคนที่แสดงตัวว่าต้องการหยุดเรื่องนี้

แปะ!

แปะ!

แปะ!

หลินฟานปรบมือให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นเขาพูดกับชายตระกูลเว่ยว่า

“เห็นแกความกล้าของนายฉันจะไม่ให้นายเป็นคนเทราดหน้าตัวเองก็แล้วกัน แบบนั้นมันน่าจะโหดร้ายเกินไป …เอาเป็นว่า ให้ผู้หญิงที่โดนนายราดน้ำกรดใส่หน้าเทใส่หน้านายคืนดีกว่า”

ชายตระกูลเว่ยยังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับมา ขวดน้ำกรดที่อยู่ในมือของชายตระกูลเว่ยก็โดนแย่งไปแล้ว แล้วก็แน่นอน คนที่แย่งมันไปจากมือของชายตระกูลเว่ยก็คือผู้หญิงที่กำลังเอามือปิดแผลบนหน้าของเธอเอาไว้อยู่ ในใจของเธอเต็มไปด้วยความโกรธและความแค้น ถึงจะเจ็บแต่เธอก็กัดฟันทนเอาไว้

จากนั้นภาพแบบเดิมก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

“อากกกกกก!!!!”

เมื่อเห็นว่าเรื่องสองคนนั้นเรียบร้อย หลินฟานก็หันมามองกลุ่มคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้า เขามองกลุ่มคนด้านหน้าด้วยแววตาเย็นชา จากนั้นก็พูดขึ้นว่า

“เมื่อครู่ฉันก็แค่ต้องการให้มาคุกเข่าต่อหน้าแล้วจะปล่อยๆ ให้ออกไป แต่พวกแกดันมาด่าฉันในบ้านของฉัน หากตระกูลหลินปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ ทุกคนก็คงจะคิดว่าตระกูลหลินง่ายต่อการรังแก เรื่องแบบนั้นฉันคงยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้เพราะตระกูลหลินของเราไม่ใช่ตระกูลที่อ่อนแอ เอาเป็นว่า… หักแขนสองข้างหรือหักขาหนึ่งข้าง ทุกคนเชิญเลือก”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด