ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 4 เรียกรวมตัวเหล่าตระกูลข้ารับใช้!
ตอนที่ 4 เรียกรวมตัวเหล่าตระกูลข้ารับใช้!
“อาวุธ? พลังงาน?”
กุหลาบแดงอุทานตอบด้วยใบหน้าสงสัย เธอไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ อาวุธ! ไม่ใช่ว่าอาวุธประเทศจีนโดนควบคุมโดยรัฐบาลกลางงั้นเหรอ ถึงตระกูลหลินจะมีอำนาจมากมายในมณฑลหลินหนานแต่การซื้ออาวุธก็ไม่สามารถทำได้ นี่เป็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาลกลางและตระกูลหลิน กุหลาบแดงทำงานในเงามืดของประเทศนี้มานานเธอจึงรู้เรื่องพวกนี้มาบ้าง
และเมื่อผู้นำตระกูลหลินพูดว่าอาวุธจำนวนมากแบบนี้ มันก็แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้ต้องการแค่มีดหรือปืนธรรมดาทั่วๆ ไป แต่ถ้าตระกูลหลินซื้อปืนจำนวนมากโดยไม่ผ่านรัฐบาลกลาง ตระกูลหลินก็คงไม่รอดจากข้อหากบฏ กุหลาบแดงเลยไม่เข้าใจว่าทำไมหลินฟานถึงได้ต้องการอาวุธจำนวนมาก
อีกอย่างเรื่องพลังงานก็ทำให้เธอสงสัยเช่นกัน หากประเทศจีนเป็นประเทศในแถบแอฟริกาหรือประเทศที่ขาดแคลนพลังงาน กุหลาบแดงก็ยังพอเข้าใจเป้าหมายตรงนี้ได้ แต่นี่ประเทศจีนมีพลังงานจำนวนมากให้ใช้งาน แบบนั้นแล้วยังต้องการพลังงานไปทำไมอีก น้ำมันก็ไม่ขาด แก๊สก็ไม่ขาด ประเทศจีนตอนนี้ไม่ขาดแคลนของเหล่านี้เลยสักนิด กุหลาบแดงไม่เข้าใจว่าหลินฟานจะเอาพลังงานไปทำไม
หลินฟานพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า
“ฉันต้องการปืนและกระสุนจำนวนมาก มากเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น พลังงานก็เน้นพวกน้ำมันเป็นหลัก ไม่ว่าทางองค์กรของเธอจะหามาได้เท่าไหร่ฉันก็จะซื้อเอาไว้ทั้งหมด ส่วนเรื่องเอาไปทำอะไรฉันคิดว่าเรื่องนี้ฉันคงไม่ต้องอธิบาย”
“คุณหลินค่ะ ฉันรับปากได้ว่าเราสามารถส่งมอบของเหล่านั้นให้คุณได้ แต่จำนวนมากที่ว่าคือจำนวนเท่าไหร่ หากไม่ระบุชัดเจนฉันก็ไม่สามารถสั่งซื้อชัดเจนให้กับคุณได้”
กุหลาบแดงถามด้วยใบหน้ายิ้มอ่อนๆ
“10,000 ล้านดอลลาร์ นั่นคืองบประมาณ ฉันต้องการให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้แล้วของทั้งหมดก็ต้องส่งถึงภายในเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันนี้”
“นั่น…”
กุหลาบแดงอ้ำอึ้งไป
เธอไม่คิดเลยว่าหลินฟานจะใช้เงินมหาศาลขนาดนี้เพื่อซื้อของที่พูดมา ว่ากันตามตรง ต่อให้เป็นประเทศที่ส่งออกอาวุธมากที่สุดในโลก หากได้รับออเดอร์ใหญ่ขนาดนี้แถมมีเวลาเพียง 30 วัน ประเทศนั้นก็คงไม่สามารถทำได้ง่ายๆ
แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องการขนส่ง กุหลาบแดงก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นเธอก็เริ่มถามคำถามทันทีที่คิดได้
“ฉันขอเสียมารยาทถามนะคะ แต่ตระกูลหลินมีเงินขนาดนั้นเหรอ?”
“มี!”
หลินฟานตอบแบบไม่ใส่ใจ
หลินฟานไม่ได้โกรธกับคำถามของกุหลาบแดง ตระกูลหลินอ่อนแอมานานแถมยังโดนโจมตีทั้งภายในและภายนอก อยู่ๆ มาบอกว่าจะใช้เงินจำนวน 10,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อของ เป็นใครก็ต้องระแวงเรื่องนี้เป็นธรรมดา
หลินฟานพูดต่ออีกว่า
“ เรื่องนี้เธอไม่ต้องเป็นห่วงไปแค่กลับไปรายงานคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ตามที่ฉันพูดไปก็พอ เดี๋ยวเธอก็จะรู้เองว่าตระกูลหลินจะมีเงินจ่ายหรือเปล่า
“ เงื่อนไขการซื้อขายครั้งนี้ของฉันมีเพียงข้อเดียว นั่นคือของทั้งหมดต้องส่งมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลินแห่งนี้ภายในเวลาไม่เกิน 30 วัน นับจากวันนี้ เงินทั้งหมดจะถูกโอนจ่ายทันทีเมื่อของมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิน
“ส่วนเรื่องการขนส่งก็ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องรัฐบาลกลางของประเทศ พวกเธอสามารถขนส่งมาทางเครื่องบินได้เลย สิ่งที่พวกเธอต้องจำให้ขึ้นใจก็คือ ทำยังไงก็ได้ให้ของมาถึงภายในระยะเวลา 30 วัน เข้าใจใช่ไหม?”
หลินฟานพยายามเน้นย้ำระยะเวลาเป็นอย่างมาก เหตุผลที่เขาต้องทำแบบนี้ก็เป็นเพราะหากวันโลกาวินาศมาถึง ต่อให้มีเงินมากเท่าไหร่มันก็ไร้ค่า หลังจากวันโลกาวินาศสิ่งที่จะเป็นสกุลเงินก็คือ ผลึกของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ อาหาร น้ำและพลังงานในรูปแบบต่างๆ
ใจจริงหลินฟานก็อยากสั่งเครื่องบินและรถถังมาด้วยเหมือนกัน แต่พอลองคิดดูดีๆ ของพวกนั้นก็ราคาแพงมากเกินไป สู้เอาเงินไปซื้อปืนและกระสุนปืนมันดูคุ้มค่ามากกว่าเยอะ อีกอย่าง เมื่อถึงวันโลกาวินาศหลินฟานค่อยไปเปิดคลังแสงเพื่อเอามาใช้งานก็ได้
เพราะตามความทรงจำของเขาเมื่อชาติก่อน เมื่อวันโลกาวินาศมาถึงรัฐบาลทั่วโลกจะล่มสลายภายในเวลาไม่นาน ประเทศจีนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นในเรื่องนั้นเช่นกัน เมื่อรัฐบาลล่มสลายทหารและตำรวจก็เหมือนมังกรไร้หัว คลังแสงหลายคลังแสงทั่วประเทศต่างก็ไม่โดนเปิดใช้งานเพราะไม่มีคำสั่งจากรัฐบาล มันจึงมีคลังแสงจำนวนมากที่ไม่โดนกองทัพเปิดใช้งาน
เพราะว่ารู้เรื่องพวกนี้ หลินฟานจึงคิดว่ารถถังหรือเฮลิคอปเตอร์ไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้ซื้อมา อาวุธหนักจำเป็นมากก็จริง แต่ในวันช่วงแรกๆ ของวันโลกาวินาศ อาวุธเบาอย่างปืนเป็นของที่จำเป็นมากกว่า
อีกอย่าง ตระกูลหลินก็ควบคุมกองทัพในมณฑลหลินหนานอยู่ กองทัพในมณฑลหลินหนานก็มี รถIFV! รถถัง! เฮลิคอปเตอร์โจมตี! มากพอสมควร อาวุธหนักพวกนี้เพียงพอในช่วงแรกๆ ของวันโลกาวินาศอยู่แล้ว แทนที่จะเอาเงินก้อนนี้ไปซื้ออาวุธหนักแล้วได้จำนวนน้อยๆ สู้เอาไปซื้ออาวุธเบาแล้วได้จำนวนมากๆ มันดีกว่าเยอะ
กุหลาบแดงพยักหน้า
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะรายงานเรื่องนี้ต่อผู้รับผิดชอบเอง”
“ปล่อยเธอออกไป!”
หลินฟานออกคำสั่ง
เมื่อทุกอย่างสามารถตกลงกันได้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องจับเอาไว้ และหลินฟานก็เข้าใจดีว่ากุหลาบแดงคนนี้ต้องทำงานให้ตัวเองแน่นอน เพราะหากการซื้อขายครั้งนี้สำเร็จเธอคงได้ผลงานมหาศาล การซื้อขายครั้งนี้อาจทำให้เธอกลายเป็นผู้นำในองค์กรเลยก็ได้ เนื้อชิ้นใหญ่อยู่ตรงหน้าหมาป่าแบบเธอไม่มีทางปล่อยไปแน่
หลี่หมิงลังเลเล็กน้อย แต่ยังไงนี้ก็เป็นคำสั่งของหลินฟาน เพราะงั้นหลี่หมิงจึงปล่อยตัวเธอตามคำสั่งที่ได้รับ
เมื่อโดนปล่อยตัวกุหลาบแดงก็ไม่รอช้า เธอรีบแต่งตัวแล้วรีบออกไปจากห้องทันที
เมื่อกุหลาบแดงออกไปแล้ว หลี่หมิงก็พูดขึ้นว่า
“คุณหลิน ตอนนี้ตระกูลหลินมีเงินเหลืออยู่เพียงแค่ 2,000 ล้านดอลลาร์ เท่านั้น พวกเราไม่มีเงินถึงขนาดนั้นนะครับ”
หลี่หมิงไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงบอดี้การ์ดของหลินฟาน แต่เขายังรับหน้าที่จัดการเงินทุนภายในตระกูลหลินอีกด้วย พูดง่ายๆ ก็คล้ายๆ กับตำแหน่งพ่อบ้านของตระกูลบวกกับทำหน้าที่คุ้มกันเจ้านายไปด้วย
หลินฟานพยักหน้ารับ แล้วตอบว่า
“ เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว
“ แต่พวกเรายังมีอย่างอื่นนอกจากเงินไม่ใช่หรือไง เรายังมีหุ้นของหลินกรุ๊ปอยู่ 51% ถ้าขายหุ้นทั้งหมดเราคงได้ประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์ แล้วก็ยังมีที่ดินส่วนตัวของตระกูลหลินกว่า 10,000 ไร่ ขายพวกมันให้หมด!
“หลังจากนี้พวกเราจะเปลี่ยนทรัพย์สินทั้งหมดเป็นอาหารและน้ำสะอาด หากขายพวกที่ดินกับของมีค่าทั้งหมดออกไป พวกเราคงได้เงินมาประมาณ 2,000 – 3,000 ล้านดอลลาร์ หากองค์กรนักฆ่าหาของไม่ได้ตามราคาที่กำหนดเอาไว้ พวกเราก็จะเปลี่ยนเงินที่เหลือเป็นอาหารทั้งหมด”
หลี่หมิงอึ้งไป “…”
เขาไม่คิดมาก่อนว่าหลินฟานจะวางแผนเอาไว้ขนาดนี้ ตามปกติสถานการณ์แบบนี้เขาจำเป็นต้องหยุดหลินฟานเอาไว้ แต่เมื่อมองบรรยากาศที่หลินฟานปล่อยออกมา เมื่อได้ฟังน้ำเสียงที่หลินฟานกำลังพูดออกมา หลี่หมิงไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงคิดว่าตัวเองไม่สมควรขัดคำสั่งบ้าๆ พวกนี้
หลี่หมิงพูดขึ้น
“หากพลาดครั้งนี้ตระกูลหลินจะล่มสลายนะครับ”
“อืม…”
หลินฟานพยักหน้าตอบด้วยใบหน้าจริงจัง
สิ่งที่หลี่หมิงพูดออกมาเป็นเรื่องที่ถูกต้อง การขายหุ้นของหลินกรุ๊ป 51% ก็เหมือนการตัดเงินทุนจำนวนมหาศาลที่ไหลเข้าตระกูลทุกปี ทั้งยังมีเรื่องของการนำเข้าอาวุธจำนวนมากอีก หากไม่เกิดวันโลกาวินาศขึ้น รัฐบาลกลางก็คงส่งกำลังรบมากวาดล้างตระกูลหลินข้อหากบฏต่อประเทศแน่นอน หลินฟานเข้าใจเรื่องพวกนี้ดี
แต่หลินฟานก็แปลกใจหน่อยๆ เหมือนกันที่หลี่หมิงยอมทำตามง่ายๆ แบบนี้ ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองต้องเสียเวลาอธิบายมากกว่านี้ซะอีก แต่เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะหลินฟานเองก็ไม่อยากเสียเวลาอธิบาย
หลินฟานเริ่มพูดขึ้นอีกว่า
“ตอนนี้หน่วยรบพิเศษของตระกูลหลินเหลืออยู่กันกี่คน?”
“เฮ้อ~ เรื่องนี้เป็นความผิดของผมเองครับ ผมโดนส่งให้ไปจัดการงานที่ต่างประเทศไม่กี่วันหน่วยรบพิเศษก็โดนไล่ออกไปเยอะมาก ผมไม่คิดมาก่อนว่าจีเป่ยจะกล้ามากขนาดนี้ พวกเราเหลือเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้นครับ”
หลี่หมิงตอบเดียวน้ำเสียงเศร้าใจ
หลินฟานไม่ตอบอะไร เรื่องหน่วยรบพิเศษโดนไล่ออกเขารู้อยู่ก่อนแล้ว นั่นเป็นเพราะเขาเป็นคนไล่พวกนั้นออกด้วยตัวเอง และพอวันโลกาวินาศมาถึงหน่วยรบพิเศษก็เหลือเพียงไม่กี่คน คนเหล่านั้นต่างก็สละชีวิตให้หลินฟานมีชีวิตรอด หลี่หมิงที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยสละชีวิตเช่นกัน
ส่วนเหตุผลที่หลินฟานไล่หน่วยรบพิเศษออกก็เป็นเพราะจีเป่ย หลินฟานจำได้แค่นี้ เขาไม่รู้ว่าพวกหน่วยรบพิเศษทำผิดหรือไม่ได้ทำผิดแล้วโดนไล่ออกเฉยๆ เพราะความทรงจำของเขามันเลือนลางเหลือเกิน หลินฟานจำได้แค่ว่า คนที่เป็นต้นเหตุให้เขาไล่หน่วยรบพิเศษของตระกูลออกก็คือจีเป่ย จีเป่ยลุงแสนดีของเขานั่นเอง
‘ จีเป่ยอีกแล้ว! ตอนแรกว่าจะปล่อยให้มันผ่านๆ ไป แต่เมื่อได้รู้ว่ามันเป็นตัวสร้างปัญหามากมายขนาดนี้ ชักเริ่มไม่อยากปล่อยไปซะแล้วสิ ‘
หลินฟานสบถในใจด้วยความรู้สึกหัวเสีย
หลังจากพยายามทำให้ตัวเองใจลงสักพัก หลินฟานก็สงบใจตัวเองลงได้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะไปสนใจมดตัวน้อยๆ เอาไว้หลังจากจีเป่ยและคนตระกูลจีรอดจากวันโลกาวินาศกันได้ แก้แค้นหลังจากนั้นก็ไม่สาย หลินฟานคิดแบบนี้จึงใจเย็นลง
หากต้องการทรมานคนจริงๆ บางคนอาจคิดว่าเอามาทรมานเองจะสะใจกว่า แต่สำหรับหลินฟานผู้ผ่านวันโลกาวินาศมาแล้ว เขารู้ดีว่าการทรมานคนที่ดีที่สุดก็คือการปล่อยให้คนที่ต้องการทรมานมีชีวิตอยู่ต่อไป ชีวิตในวันโลกาวินาศมันเลวร้ายยิ่งกว่าการโดนทรมานหลายเท่านัก
หลินฟานพูดขึ้นอีกว่า
“เรื่องนั้นไม่ใช่ความผิดของนาย ว่ากันตามเหตุผลฉันเองก็ผิดเหมือนกันที่หูเบาเกินไป หลังออกไปจากห้องนายก็ไปเรียกตัวพวกนั้นกลับมาให้หมด เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหากลับกัน พวกที่ไม่ภักดีต่อตระกูลหลินก็กำจัดออกไปให้หมดซะ”
“ครับ!”
หลี่หมิงตอบรับคำสั่ง
เมื่อจัดการเรื่องหน่วยรบพิเศษได้แล้วเรื่องภายในตระกูลหลินก็หมดห่วงไป และเมื่อรู้ว่าเรื่องภายในตระกูลเรียบร้อย หลินฟานก็ทำหน้าจริงจังอีกครั้งพร้อมกับแพร่กลิ่นอายจริงจังออกมาจากร่างกาย จากนั้นเขาก็ออกคำสั่งว่า
“ประกาศด่วนเรียกรวมตัวตระกูลข้ารับใช้ทั้ง 10 ฉันต้องการให้พวกนั้นมาถึงคฤหาสน์ภายใน 2 ชั่วโมง”
“ครับ!”
หลี่หมิงตอบรับด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน