ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 3 เตรียมความพร้อมก่อนโลกาวินาศ
ตอนที่ 3 เตรียมความพร้อมก่อนโลกาวินาศ
หลินฟานแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นแหวนมาปรากฏต่อหน้า เขาคิดว่านี่อาจเป็นแหวนมิติก็ได้เพราะในวันโลกาวินาศแหวนมิติสำคัญต่อมนุษย์มาก แต่พอลองมองดีๆ เขาก็รู้ว่านี่มันไม่น่าใช่แหวนมิติแบบที่คิด ตัวแหวนเป็นแหวนธรรมดาแต่เพชรตรงแหวนไม่ใช้เพชรธรรมดา เพชรตรงหัวแหวนเปล่งแสงเหมือนลูกบอลสีฟ้าที่เขาเคยเห็นมาก่อน เพียงแต่สีของมันอ่อนกว่าและมีขนาดเล็กกว่ามาก
หลินฟานเริ่มคิดในใจขณะมองแหวนในมือ
“ นี่มันคืออะไรกันนะ
“ มันให้ความรู้สึกของมันเหมือนกับลูกบอลสีฟ้าไม่มีผิด แถมยังอยู่ในกล่องเดียวกับลูกบอลสีฟ้าแบบนี้ด้วย มองยังไงก็ไม่น่าจะใช่ของธรรมดา แต่มันไม่ได้เข้าร่างกายของเราแบบลูกบอลสีฟ้าลูกนั้นแปลว่าไม่น่าจะใช่เครื่องมือย้อนเวลา
“เอาเถอะ ยังไงแหวนนี่ก็นับว่าเป็นมรดกลับของตระกูลหลิน พวกบรรพบุรุษของตระกูลคงไม่ได้เก็บเอาไว้เพื่อฆ่าคนในตระกูลของตัวเองหรอก”
คิดสักพัก หลินฟานก็เริ่มสวมแหวนเข้านิ้วของตัวเองช้าๆ
ติ้ง!
[ ประกาศจากระบบ มรดกของโฮโมเซเปียนส์เริ่มทำงาน ]
หลินฟาน ???
หลินฟานเข้าใจว่าแหวนนี่ต้องเป็นแหวนที่เกี่ยวกับระบบหรือของสำคัญอะไรสักอย่าง แต่ระบบเล่นไม่อธิบายอะไรเลยนี่มันอะไรกัน นี่ไม่ใช่ว่าแหวนนี้เป็นเพียงเครื่องประดับของโฮโมเซเปี่ยนส์อย่างงั้นเหรอ? นี่ตระกูลหลินเก็บของประดับเอาไว้กับของสุดยอดอย่างลูกบอลย้อนเวลาเนี่ยนะ?
สงสัยอยู่พักหนึ่งในที่สุดหลินฟานก็สงบสติของตัวเองลง ไม่รู้ไม่ใช่ว่าไม่มีจริง หลินฟานเชื่อว่าแหวนนี้ต้องเป็นแหวนที่สำคัญมากแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่รู้เท่านั้นว่าแหวนนี่มันมีเอาไว้ทำอะไรกันแน่
จริงสิ!
อยู่ๆ หลินฟานก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เขาหันไปทางผู้หญิงผมทองที่โดนหลี่หมิงจับแขนเอาไว้อยู่ จากนั้นก็ถามออกมาว่า
“เธอชื่ออะไร?”
“กุหลาบแดงค่ะ”
ผู้หญิงผมทองตอบชื่อในวงการของเธอ ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่ต้องมาปิดบังอีกต่อไป
หลินฟานยกแหวนที่สวมขึ้น
“รู้ไหมว่าแหวนนี่สามารถทำอะไรได้ ใครเป็นคนจ้างเธอมาเพื่อขโมยมัน”
หลินฟานคิดว่าถามแบบนี้ง่ายกว่าเยอะ เพราะยังไงซะพวกที่ต้องการมรดกของตระกูลหลินก็ต้องรู้อะไรบางอย่างกันแน่ ไม่งั้นพวกมันก็คงไม่ลงทุนจ้างนักฆ่ามาขโมยของแบบนี้ แทนที่จะหาความจริงเองเค้นเอาความจริงจากคนอื่นมันง่ายกว่าเยอะ!
ผู้หญิงผมทองทำหน้าลังเลอยู่สักพัก จากนั้นเธอก็พูดขึ้น
“ต้องขอโทษด้วยค่ะคุณหลิน แต่แหวนนั่นทำอะไรได้ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ส่วนเรื่องใครเป็นคนจ้างฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะเพราะทางองค์กรไม่ได้บอกอะไร องค์กรของเรารับเงินมาและทำงาน พวกเราไม่สนว่าใครเป็นคนจ้าง”
“เท่าไหร่?”
หลินฟานพูดเสียงเบาๆ
ผู้หญิงผมทองทำหน้าสงสัย
“ค่ะ???”
หลินฟานพูดต่อด้วยใบหน้าจริงจังว่า
“ ฉันถามว่าข้อมูลผู้จ้างต้องจ่ายเท่าไหร่เพื่อได้มา
“ ต้องให้ย้ำอีกรอบไหมว่าอย่าพูดอะไรไม่เข้าท่าออกมา ฉันว่าฉันเตือนเธอไปก่อนหน้านี้แล้วนะ องค์กรนักฆ่าของเธอต้องเก็บข้อมูลของคนที่จ้างทำงานเอาไว้อยู่แล้วอย่ามาแสดงละครต่อหน้าของฉัน
“เพียงแค่บอกมาว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่เพื่อที่จะรู้ว่ามันคือใคร องค์กรนักฆ่าไม่ได้ยึดถือเรื่องเงินเป็นหลักหรือไง ไม่ใช่ว่า ในองค์กรของพวกเธอมีคติที่ว่า เงินถึงทุกอย่างทำได้หมด! อยู่อย่างงั้นเหรอ บอกราคามา แค่บอกราคามาก็พอไม่ต้องมาแสดงละครต่อหน้าฉัน”
กุหลาบแดงเงียบไป
สิ่งที่หลินฟานพูดออกมาเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ตอนแรกเธอลังเลเลยไม่อยากบอกเรื่องการซื้อข้อมูลแต่ในเมื่ออีกฝ่ายรู้ไส้รู้พุงองค์กรนักฆ่าขนาดนี้ เธอก็ไม่มีทางเลือกแล้ว ตอนนี้มีแต่ต้องทำตามสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ
กุหลาบแดงคิดเรื่องหนีออกจากสถานการณ์นี้อยู่เหมือนกัน แต่เมื่อมองหลี่หมิงที่ยืนจับตัวเธอเอาไว้อยู่ เธอก็รู้ว่าการหนีคงไม่ใช่ง่ายๆ อีกอย่าง เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงได้รู้สึกกลัวหลินฟานมากกว่าหลี่หมิงซะอีก ความกลัวที่เธอรู้สึกเป็นความกลัวจากลางสังหรณ์ของตัวเอง แรงน้อยกว่า! ตัวน้อยกว่า! ดูยังไงก็อ่อนแอกว่าแท้ๆ! กุหลาบแดงไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงกลัวหลินฟานมากกว่า
กุหลาบแดงพยักหน้า จากนั้นก็ชี้ไปทางมือถือของเธอที่อยู่บนโต๊ะ
หลี่หมิงมองตามนิ้วของเธอ จากนั้นก็ดึงเธอไปทางโต๊ะที่มีมือถือว่าอยู่ เมื่อไปถึงมือถือกุหลาบแดงก็กดไปที่มือถือของเธออยู่สักพักใหญ่ จากนั้นก็เงยหน้าแล้วพูดขึ้นว่า
“1 แสนดอลลาร์ค่ะ”
หลินฟานไม่ได้ตอบอะไร เขาหันมองซ้ายทีขวาทีเพื่อหามือถือของตัวเองเพื่อโอนเงิน เมื่อเจอมือถือเขาก็ถามเลขบัญชีแล้วโอนเงินให้กุหลาบแดงแบบไม่พูดอะไร
ต้องเข้าใจก่อนว่าตระกูลหลินเป็นตระกูลที่ใหญ่มาก ตระกูลหลินมีประวัติยาวนานกว่าประเทศจีนซะอีก ราชวงศ์ของประเทศจีนล่มสลายไปหลายราชวงศ์แต่ตระกูลหลินก็ยังคงอยู่ แถมตระกูลหลินยังมีกองทัพเป็นของตัวเองในมณฑลหลินหนานแห่งนี้ด้วย
ด้วยอำนาจที่ตระกูลหลินมีอยู่ในครอบครอง เงินเพียง 1 แสนดอลลาร์ ไม่ได้เยอะอะไรเลยในสายตาของหลินฟาน อีกอย่าง เมื่อวันโลกาวินาศเมาถึงเงินก็เป็นเพียงของไร้ประโยชน์ อย่าว่าแต่ราคา 1 แสนดอลลาร์ ต่อให้ราคา 1 ล้านดอลลาร์ 10 ล้านดอลลาร์ หลินฟานก็ยอมจ่ายแบบไม่เปิดปากบ่น
หลังจากส่งเงินให้ไม่นาน กุหลาบแดงพูดขึ้นว่า
“จีเป่ยค่ะ”
“…จีเป่ย ใช้ลุงของฉันไหม?”
หลินฟานถามด้วยน้ำเสียงสงสัย เขาผ่านวันโลกาวินาศมาอย่างยาวนาน แม้แต่ชื่อลุงของตัวเองเขาก็ยังหลงๆ ลืมๆ
กุหลาบแดงพยักหน้า
“ค่ะ! ส่วนเรื่องแหวนทำอะไรได้นั้นคิดว่าทางนั้นเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ทางองค์กรคาดว่า เขาก็แค่อย่าได้มรดกลับของตระกูลหลิน”
“อืม…”
หลินฟานพยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับ
ตอนนี้หลินฟานถึงทางตันแล้ว จีเป่ยลุงของเขาเป็นพี่ชายของแม่ของเขา จากที่หลินฟานลองค้นความทรงจำ จีเป่ยคือคนที่เป็นเหมือนปลิงที่มาเพื่อดูดเลือดตระกูลหลิน พ่อแม่ของหลินฟาน พวกเขาทั้งสองได้เสียชีวิตไปเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ แถมในตระกูลหลินยังเหลือหลินฟานเพียงคนเดียวที่เป็นสายหลักของตระกูล ตระกูลจีฝั่งแม่ของเขาเลยเสนอตัวมาช่วยดูแลธุรกิจให้
แต่ฉากหน้าก็ดูเหมือนช่วย เบื้องหลังพวกมันเข้ามาเพื่อกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเองกันเท่านั้น หากเป็นคนปกติคงรู้สึกโมโหเมื่อคิดถึงเรื่องแบบนี้ แต่หากเป็นคนที่ผ่านวันโลกาวินาศมาหลายปีแบบหลินฟาน เรื่องพวกนี้ไม่ทำให้โกรธเลยสักนิด
โลกใบนี้มีกฎแห่งป่าทุกยุคทุกสมัย ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แข็งแกร่งกว่าย่อมมีเสียงมากกว่า หากอ่อนแอก็จะโดนเอาเปรียบและเป็นผู้แพ้ให้คนอื่นเหยียบย้ำ เรื่องที่ตระกูลจีทำกับตระกูลหลิน หลินฟานไม่ได้รู้สึกโมโหอะไรเลยเพราะมันเป็นเรื่องปกติของโลก
แต่ถ้าถามว่าอยากแก้แค้นไหม… เรื่องนี้ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ ถึงจะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติของโลกแต่ถ้าโอกาสมาถึงหลินฟานก็จะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ แน่นอน เมื่อมีโอกาสเขาจะไม่ปล่อยโอกาสแก้แค้นหลุดลอยไปแน่
หลินฟานเริ่มคิดในใจอีกครั้ง
“ ตอนนี้ต้องทำความเข้าใจสถานการณ์ใหม่ทั้งหมดก่อน วันนี้วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2023 แปลว่าเหลือเวลาอีก 32 วัน ก่อนที่วันโลกาวินาศจะมาถึง หากไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน
“ เรื่องแหวน เรื่องโฮโมเซเปียนส์ ตอนนี้เราต้องเก็บเอาไว้ก่อนตอนนี้ไม่ใช่เวลามาตามไขปริศนาความลับเหล่านั้น ถึงจะรู้ความลับไปแต่หากไม่มีชีวิตอยู่ก็ไร้ค่าอยู่ดี เราต้องเร่งสร้างรากฐานของตัวเองเอาไว้
“ อาวุธ! น้ำ! อาหาร! พลังงาน! เราต้องรีบเก็บตุนของพวกนี้เอาไว้ให้มากที่สุด เพราะเมื่อวันโลกาวินาศมาถึงของพวกนี้จะเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ตอนนี้เราต้องขายสมบัติทั้งหมดของตระกูลหลินออกไปให้หมด เพื่อเปลี่ยนเงินเป็นของพวกนั้นแทน
“ หลินกรุ๊ปมีมูลค่าในตลาดอยู่ประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์ ถ้าขายหุ้นที่ตระกูลหลินถือครองอยู่ 51% เราก็จะได้เงินประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์ ด้วยเงินจำนวนขนาดนี้คงซื้อของที่ต้องการได้จำนวนมาก
“ แต่จะซื้อยังไงนี่สิ! อาหารกับน้ำสะอาดคงไม่ใช่เรื่องยากเพราะของพวกนี้ต่อให้ซื้อเป็นแสนล้านก็คงไม่มีใครสนใจ แต่ถ้าซื้ออาวุธกับพลังงานจำนวนมาก รัฐบาลกลางต้องสงสัยแน่ ถึงตระกูลหลินจะครอบครองอำนาจกองทัพในมณฑลหลินหนาน แต่หากของพวกนี้ไหลเข้ามณฑลจำนวนมากในระยะเวลาสั้นๆ รัฐบาลกลางคงไม่อยู่เฉยๆ
“ เราต้องหาตัวแทนที่สามารถข้นย้ายอาวุธเข้าประเทศได้ แปลว่าคงต้องหาตัวแทนที่มีพลังอำนาจมากๆ แบบนี้คงไม่พ้นพวกตัวแทนตะวันตกเพราะพวกนั้นเป็นพวกที่ชอบทำสงครามเป็นชีวิตจิตใจ หลายประเทศทั่วโลกต่างก็ต้องเดือดร้อนเพราะพวกนี้
“อีกอย่าง ถึงจะไม่อยากยอมรับแต่ก็ต้องยอมรับว่าอาวุธของพวกตะวันตกดีกว่าประเทศตะวันออกแบบพวกเรา”
หลินฟานเริ่มจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
ตอนนี้หลินฟานตัดใจเรื่องไขปริศนาแหวนในมือไปแล้ว ตอนนี้เขาต้องรีบทำเรื่องอื่นแทนเพราะตอนนี้เวลาเหลือเพียง 32 วัน ก่อนที่วันโลกาวินาศจะมาถึง เขาไม่มีเวลาเอาสมองไปคิดเรื่องอื่น ตอนนี้ต้องรีบตุนอาหาร ตุนน้ำ ตุนพลังงาน และตุนอาวุธเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถตุนเอาไว้ได้
ส่วนเรื่องที่เขาเป็นกังวลก็มีอยู่ด้วยกันสองเรื่องหลักๆ เรื่องแรกคือการเคลื่อนไหวนี้จะทำให้รัฐบาลกลางคิดว่าเขาจะก่อกบฏ ต้องรู้ก่อนว่าตระกูลหลินปกครองมณฑลหลินหนานมาอย่างยาวนาน แม้ช่วงรวมประเทศตระกูลหลินก็ไม่เสื่อมอำนาจลง แถมรัฐบาลกลางก็อนุญาตให้กองทัพตระกูลหลินคงอยู่เอาไว้ได้
อธิบายง่ายๆ ในช่วงวุ่นวายยุค 19xx ตระกูลหลินยอมเขาร่วมกับรัฐบาลกลางเพื่อสร้างประเทศใหม่ แต่กองทัพตระกูลหลินไม่โดนทำลาย เพราะงั้นทหารทุกคนในมณฑลหลินหนานจึงเป็นของตระกูลหลิน ไม่ใช่ของรัฐบาลกลาง
ด้วยเรื่องนี้รัฐบาลกลางก็จับตาดูตระกูลหลินแบบใกล้ชิดอยู่แล้ว หากมีการขนอาวุธเข้ามณฑลจำนวนมากรัฐบาลกลางคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ เป็นแน่
ส่วนอีกเรื่องที่หลินฟานกำลังกังวลก็คือ เขาจะหาคู่ค้าขนาดใหญ่แบบนี้ได้ที่ไหน อาวุธไม่ใช่ผักสดตามตลาดนัด หรือขนมในซุปเปอร์มาร์เก็ต ของพวกนี้ไม่ได้หาซื้อง่ายๆ แถมระยะเวลาตอนนี้ก็เหลือเพียง 32 วัน สั่งผลิตธรรมดาคงไม่สามารถผลิตและส่งมาได้ทันเวลาแน่
ทว่า ในระหว่างกำลังหนักใจหลินฟานก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาไม่คิดเลยว่าสิ่งที่จะสามารถแก้ปัญหาได้จะอยู่ใกล้ๆ กับเขาแบบนี้ หลินฟานส่ายหน้าของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเงยหน้ามองไปทางกุหลาบแดงที่ยืนอยู่ แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า
“ฉันต้องการซื้ออาวุธและพลังงานจำนวนมาก!”