ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 2 จุดเริ่มต้นของตำนาน

ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 1  จุดจบคือจุดเริ่มต้น


ตอนที่ 1  จุดจบคือจุดเริ่มต้น

ณ บนหน้าผาแห่งหนึ่ง

บนหน้าผามีชายคนหนึ่งกำลังยืนมองทะเลด้านหน้าด้วยแววตาที่เหม่อลอย แววตาของเขาเป็นเหมือนกับแววตาที่เหนื่อยจนไม่อยากมีชีวิต หากคนปกติมาเห็นแววตาที่ชายหนุ่มกำลังแสดงออกมา บวกกับกำลังยืนอยู่ริมหน้าผา คนปกติคงวิ่งเข้าไปห้ามเพราะคิดว่าเขากำลังจะฆ่าตัวตาย

ชายหนุ่มเริ่มพึมพำเบาๆ กับตัวเอง

“ ในอดีตเมื่อหลายปีก่อน ฉันเคยเป็นถึงหัวหน้าแห่งตระกูลหลินอันยิ่งใหญ่ เป็นตระกูลใหญ่แห่งประเทศจีนที่เป็นประเทศอันดับหนึ่งของโลก เมื่อคิดถึงเรื่องราววันวานที่ผ่านมาในอดีต ฉันก็แทบจะร้องไห้ออกมาทุกครั้ง ฉันเคยถามคำถามกับตัวเองว่าทำอะไรพลาดไปอยู่หลายครั้ง

“ แต่พอลองนึกถึงอดีตที่ผ่านมาฉันก็รู้ว่าตัวเองทำพลาดไปหลายจุดมาก ตอนมีอำนาจก็ทำตัวเป็นขยะสังคมไม่ดูแลตระกูลของตัวเอง พอวันโลกาวินาศที่เป็นจุดจบของมวลมนุษย์เดินทางมาถึง ฉันก็เจอกับเรื่องที่ไม่เคยเจอต่างๆนาๆ จากชายที่ไม่เคยฆ่าแม้แต่แมลงสักตัว กลับต้องมาฆ่ามนุษย์

“ต้องมาฆ่าซ่อมบี้ ต้องมาฆ่าสัตว์กลายพันธุ์  ชีวิตช่างเหมือนกับบทละครจริงๆ ทำไมตัวเรา ทำไมมนุษย์แบบพวกเราต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วย ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของใคร พระเจ้า? มนุษย์ต่างดาว? หรือเป็นเพราะธรรมชาติเป็นผู้ทำให้เกิดขึ้น? ฉันคิดเรื่องพวกนี้ทุกครั้งที่ว่าง แต่หลังจากที่-”

“เลิกพูดจาเลอะเลือนได้แล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อมาล่าไม่ได้ต้องการมาฟังเจ้าพูด”

เสียงผู้หญิงดังขึ้นเพื่อขัดชายหนุ่มที่กำลังพูดอยู่

ชายหนุ่มแสดงใบหน้าไม่พอใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันไปทางด้านหลังของตัวเอง ด้านหน้าของเขาเป็นทะเลขนาดใหญ่ที่มองไปทางไหนก็เห็นเส้นขอบฟ้า ทว่า ด้านหลังของเขากลับเต็มไปด้วยซอมบี้หลายร้อยตัว กำลังยืนมองเขาอยู่

ใช่แล้ว!

ด้านหลังของชายหนุ่มคือเหล่าซ่อมบี้จำนวนมากที่เป็นซ่อมบี้ระดับสูง ซอมบี้ในโลกแบ่งออกเป็นหลายตระกูล มีทั้ง A,S,M และ Z พวกนี้เป็นซ่อมบี้ตระกูลหลักที่รู้จักกันดีว่าเป็นซอมบี้มาตรฐาน แต่เหล่าซ่อมบี้ไม่ได้มีเพียงแค่สี่ตระกูลหลักเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปซอมบี้ที่กลายพันธุ์ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก

เพียงแต่ว่า การจะเป็นซ่อมบี้กลายพันธุ์ได้ต้องเป็นซ่อมบี้ที่มีระดับมากกว่าระดับ 3 ขึ้นไป ซึ่งพวกซ่อมบี้นับร้อยตัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มก็เป็นซอมบี้กลายพันธุ์ทั้งหมด สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าพวกนี้รับมือยากขนาดไหน ชายหนุ่มรู้ดีว่าต่อให้เขาอยู่ในสภาพที่เต็มร้อยตัวเขาก็ไม่อาจรับมือกับพวกมันได้

หนำซ้ำ ด้านหน้าของซอมบี้นับร้อยยังมีซอมบี้หญิงตนหนึ่งยืนอยู่ด้วย บนหน้าผากของเธอมีผลึกสีแดงติดเอาไว้อยู่ สิ่งนั้นแสดงให้รู้ว่า ซอมบี้หญิงตนนี้ก็คือซอมบี้ที่มีระดับการวิวัฒนาการอยู่ในระดับที่ 5 แล้วเธอก็เป็นคนขัดการพูดของชายหนุ่มเมื่อครู่

ต้องรู้ก่อนว่า แม้ว่าตอนนี้วันโลกาวินาศจะผ่านมาแล้วหลายปี แต่มนุษย์ก็ยังไม่รู้ว่าระดับสูงสุดของซอมบี้หรือระดับสูงสุดของสัตว์กลายพันธุ์อยู่ในระดับไหน แต่ที่ยืนยันได้ตอนนี้ก็คือ ระดับ 5 แถมทั่วทั้งโลกยังมีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในระดับ 5

ชายหนุ่มมองไปทางซอมบี้หญิงที่ขัดการพูดของตัวเอง จากนั้นเขาก็พูดใส่เธอด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ราชินีแห่งความตาย อย่างน้อยก็ช่วยฟังข้าพูดให้จบก่อนไม่ได้หรือไง ตอนนี้พลังมานาของข้าหมดแล้ว พลังกายก็แทบไม่เหลือ หรือต้องการให้ข้ากระโดดลงไปในทะเลให้สัตว์กลายพันธุ์ในทะเลกิน เอาแบบนั้นไหม?”

“ใจเย็นก่อนหลินฟาน …อันดับแรกช่วยเรียกข้าว่าราชินีซอมบี้ ส่วนเรื่องการพูดถึงอดีตของเจ้า เจ้าสามารถพูดต่อไปได้ ข้าจะเป็นคนฟังเจ้าเอง”

ราชินีซอมบี้ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม

เหตุผลที่ราชินีซอมบี้ต้องยอมอ่อนให้ก็เป็นเพราะเธอไม่ต้องการให้อาหารอันโอชะตกลงไปในทะเล ชายหนุ่มคนนี้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่มนุษย์ ซึ่งการพัฒนาของซอมบี้ก็คือการกินสิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งเพื่อพัฒนาตัวเอง หากตอนนี้ชายหนุ่มที่ชื่อหลินฟานไม่อยู่บนหน้าผาที่ด้านหน้าเป็นทะเล ราชินีซอมบี้คงเขาไปฉีกชายร่างของเขาไปนานแล้ว

อีกอย่าง ในทะเลก็มีสัตว์กลายพันธุ์มากมายอาศัยอยู่ หากมนุษย์ที่ชื่อหลินฟานตกลงไป ต่อให้เธอเก่งขนาดไหนก็คงไม่สามารถตามไปเอาร่างของเขากลับมาได้ ด้วยเหตุผลพวกนี้ราชินีซอมบี้จึงพยายามข่มใจตัวเองเอาไว้ และพยายามทำทุกอย่างให้มนุษย์คนนั้นไม่กระโดดลงไป

หลินฟานเริ่มพูดต่อ

“ตอนนี้ฉันหมดอารมณ์รำลึกอดีตแล้ว ฉันอยากให้เธอตอบคำถามของข้าแทน”

“ว่ามา!”

ราชินีซอมบี้ยอมตกลง

หลินฟานพยักหน้า จากนั้นก็เริ่มถามว่า

“เธอเคยสงสัยไหมว่าอะไรที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอเคยคิดไหมว่าทำไมมนุษย์ถึงได้รับระบบเพื่อพัฒนาตัวเอง โดยต้องกลืนกินวิญญาณสิ่งมีชีวิตเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่ง? เธอเคยสงสัยไหมว่าทำไมมีเพียงแค่มนุษย์เผ่าพันธุ์เดียวที่ไม่มีผลึก?”

ราชินีซอมบี้นิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะเริ่มพูดขึ้นว่า

“เรื่องที่เจ้าถามมาข้าไม่รู้ และเชื่อว่าคนอื่นๆ ในโลกนี้ก็คงไม่รู้คำตอบเหมือนกัน แต่ในมุนมองของข้า ข้าคิดว่าเรื่องนี้อาจมีคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง จากที่ข้ารู้มาเหมือนว่าระบบที่มนุษย์ครอบครองอยู่จะกล่าวถึงเรื่องการพบเจออะไรสักอย่างด้วยใช่ไหม  เหมือนว่าจะเหลือเวลาอีกประมาณ 5 ปี?”

“ใช่!”

หลินฟานตอบพร้อมพยักหน้าของเขา

เรื่องวันแห่งการพบเจอเป็นเรื่องที่ระบบแจ้งเอาไว้จริงๆ และระยะเวลาก็เหลืออยู่ประมาณ 5 ปี แบบที่ราชินีซอมบี้บอกมา แต่จะพบเจอกับอะไร? หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเมื่อเวลามาถึง? เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ และหลินฟานก็รู้ตัวดีว่าตัวเองคงไม่มีวันได้รู้มัน

หลินฟานเริ่มถามต่ออีกครั้ง

“ทำไมเธอถึงพูดเรื่องวันแห่งการพบเจอตอนนี้?”

ราชินีซอมบี้เริ่มอธิบาย

“วันแห่งการพบเจอ! สิ่งนี้แจ้งเตือนในมนุษย์เท่านั้นข้าเลยไม่แน่ใจมากนัก แต่ว่าหลังจากที่ข้าก้าวเข้าสู่ระดับที่ 5 ข้าก็เข้าใจว่าระดับที่ 6 มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หากยังอยู่ในโลกนี้ หรือไม่ลงไปในทะเลเพื่อกินพวกสัตว์กลายพันธุ์ในทะเล หากเอาเรื่องนี้มาผสมรวมกับคำว่า วันแห่งการพบเจอ ข้าก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้”

“ดาวดวงอื่น! มิติอื่น!”

หลินฟานเผลออุทานออกมา

ราชินีซอมบี้พยักหน้า จากนั้นเธอก็พูดขึ้นต่ออีกว่า

“ ข้าว่าคิดว่าคงประมาณนั้น วันแห่งการพบเจอ! สิ่งนี้น่าจะหมายถึงการเอาสิ่งมีชีวิตจากที่อื่นหรือดาวดวงอื่นๆ มาสู้กันเพื่อให้พัฒนาขึ้นไปอีก เพราะหากคิดตามปกติแล้วสิ่งมีชีวิตบนบกคงไม่สามารถต่อสู้เอาชนะสิ่งมีชีวิตในน้ำได้ กลับกัน สิ่งมีชีวิตในน้ำก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเราที่เป็นสิ่งมีชีวิตบนบก ในสนามรบบนบกได้

“ หากน้ำกับบกไม่สามารถก้าวก่ายซึ่งกันและกันได้ สิ่งที่ข้าคิดออกก็คือการเอาสิ่งมีชีวิตจากที่อื่นเข้ามาต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน

“ แนวคิดนี้สามารถให้คำตอบต่อเจ้าได้หลายข้อ ข้อแรกคือสิ่งที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ต้องเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่มาก ยิ่งใหญ่จนสามารถเคลื่อนดวงดาวหรือเปิดประตูมิติได้ ส่วนเหตุผลว่าทำไปทำไม หรือทำไปเพื่ออะไร เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้

“ ส่วนเรื่องระบบที่มนุษย์ได้รับมา ข้าว่าน่าจะเป็นการฝึกฝนมากกว่า มนุษย์ได้รับการฝึกฝนเพื่ออะไรบางอย่าง เมื่อก่อนตอนที่ข้าเป็นมนุษย์ข้าเคยเล่นเกมมาบ้าง ก่อนที่ผู้เล่นจะเข้าสู้สนามรบในเกมจริงๆ เกมก็จะมีด่านฝึกการต่อสู้พื้นฐานให้ผู้เล่น ข้าว่าเจ้าน่าจะเข้าใจเรื่องนี้

“ ส่วนเรื่องผลึกที่ติดอยู่บนหน้าผาก เรื่องนี้ข้าก็ไม่แน่ใจอีกเช่นกันแต่ข้าคิดว่า เรื่องนี้น่าจะหมายถึงการปิดผนึกยีนเอาไว้อยู่ ยกตัวอย่างเช่น หมาป่าสมัยก่อนมีขนาดตัวเล็กกว่ามนุษย์ แต่พอวันโลกาวินาศมาถึง เหล่าหมาป่าก็ตัวใหญ่ขึ้นมากเดิมประมาณ 3 เท่า เคี้ยวคมขึ้น กรงเล็บคมขึ้น ขนหน้าและแข็งแรงขึ้น

“ สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่หมาป่าเพียงชนิดเดียวแต่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็เหมือนกัน เมื่อมีผลึกเกิดขึ้นก็เหมือนกับว่ายีนในร่างกายจะดีขึ้นกว่าสมัยก่อน ทว่ามนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดียวที่ไม่มีผลึกเกิดขึ้นในโลกนี้ แต่มนุษย์กลับได้รับระบบที่ต้องฆ่าเพื่อแข็งแกร่งขึ้นมาแทน มนุษย์เป็นเหมือนตัวหลักในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะงั้นข้าจึงคิดว่าผู้ที่ทำให้เกิดวันโลกาวินาศต้องการฝึกมนุษย์ แต่ทำไมมนุษย์ถึงได้เป็นตัวหลัก? ทำไมมนุษย์ถึงยังโดนผนึกยีนเอาไว้? ทำไมคนที่ทำให้เกิดเรื่องต้องการฝึกมนุษย์? เรื่องนี้ข้าก็คิดไม่ออกเหมือนกัน

“สิ่งที่ข้าคิดออกก็มีประมาณนี้ เจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้เพราะยังไงนี่ก็เป็นสิ่งที่ข้าคิดคนเดียว ไม่มีหลักฐานอะไรรองรับ”

หลินฟานอึ้งไป !

เขาไม่คิดมาก่อนว่าราชินีซอมบี้จะคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ แถมเรื่องที่เธอพูดออกมาก็เป็นเรื่องที่คล้ายๆ หลินฟานคิดเอาไว้แทบทั้งหมด มนุษย์ไม่มีผลึกหรือได้รับความแข็งแกร่งแบบสิ่งมีชีวิตต่างๆ แต่สิ่งที่มนุษย์ได้รับคือระบบวิญญาณ โดยต้องฆ่าและเอาวิญญาณสิ่งที่ฆ่ามาเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง

ส่วนเรื่องยีนโดนปิดผลึกเอาไว้ หลินฟานก็คิดเอาไว้บ้างแล้วเช่นกัน แต่ทำไมต้องผนึกเอาไว? คนทำเรื่องนี้ต้องการอะไรกันแน่? หลินฟานคิดไม่ออกเพราะตอนนี้ข้อมูลที่เขารู้มันน้อยมากเกินไป

หากมีชีวิตอยู่อีก 5 ปี รอวันที่วันแห่งการพบเจอเดินทางมาถึง ถึงตอนนั้นเราจะไขความลับได้ไหมนะ?

หลินฟานคิดกับตัวเองเงียบๆ ระหว่างเงยหน้ามองท้องฟ้า แต่คิดได้ไม่นานเขาก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นความคิดไร้สาระ ซอมบี้นับร้อยคงไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแน่ อีกอย่างเขาก็เหนื่อยมามากแล้ว หลายคนที่อยู่ในโลกปกติคงไม่เข้าใจว่าวันโลกาวินาศมันเลวร้ายขนาดไหน

น้ำแทบไม่มีกิน!

อาหารก็หายาก!

ไฟฟ้าไม่มี!

ต้องระวังตัวตลอดเวลาทั้งจากมนุษย์ด้วยกัน และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ!

แถมยังมีเรื่องเลวร้ายมากมายที่ต้องพบเจอในแต่ละวัน ใจจริงหลินฟานอยากมีชีวิตอยู่แล้วไปทำให้พวกที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ชดใช้ เขาอยากจับพวกมันไปเล่นเกมเอาชีวิตรอดแบบที่เขาเจอหลายปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยมากกว่า

ช่างแม่งระบบ!

ช่างแม่งคนที่ทำให้เกิดเรื่อง!

ช่างแม่งวันแห่งการพบเจอ!

หลินฟานมองท้องฟ้าสักพัก ก่อนที่จะนั่งลงในท่าคุกเข่าทั้งสองข้าง จากนั้นเขาก็หยิบมีดขนาดเล็กที่อยู่ตรงเอวออกมาพร้อมกับค่อยๆ ถอดเสื้อของตัวเอง เขาเคยคิดมาตลอดว่าถ้าตายก็อยากตายด้วยน้ำมือตัวเอง เพราะงั้นหลินฟานจึงเลือกการตายแบบ ฮารากิริ แบบญี่ปุ่น เขาไม่ได้ชอบประเทศญี่ปุ่นแต่เขาคิดว่าหากตายก็อยากตายแบบวัฒนธรรมของมนุษย์มากกว่า

หลินฟานมองไปยังราชินีซอมบี้ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า

“ช่วยปลิดชีวิตข้าด้วยมือของเจ้าได้ไหม?”

“ตกลง!”

ราชินีซอมบี้ตอบตกลง ถึงเธอจะเป็นซอมบี้แต่ในอดีตก็เป็นมนุษย์มาก่อน ราชินีซอมบี้เคยได้ยินเกี่ยวกับการตายแบบคว้างท้อง หรือที่เรียกว่าฮารากิริมาบ้างในตอนที่เป็นมนุษย์

“เริ่มได้เมื่อเจ้าพร้อม”

เมื่อราชินีซอมบี้เดินมาถึงด้านหลังของหลินฟาน เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในมือขวาของเธอเล็บทั้งห้าเริ่มงอกเป็นกรงเล็บออกมาแบบช้าๆ กรงเล็บที่งอกออกมาจากมือของเธอเพียงมองก็สัมผัสได้ถึงความคมของพวกมัน

หลินฟานพยักหน้า จากนั้นก็ยกมีดในมือพร้อมกับแทงลงท้องตัวเอง

ฉวบ!

เมื่อมีดปักลงท้องของเขา หลินฟานก็เริ่มนึกสงสัยในใจ

“ จบแล้วสินะ

“ บางทีก็สงสัยว่าทำไมตัวเราต้องดิ้นรนมาขนาดนี้ด้วย หากยอมให้ซอมบี้กัดตายไปซะตั้งแต่วันแรกของวันโลกาวินาศ เราก็คงไม่ต้องมาทรมานแบบนี้แล้วแท้ๆ

“ พวกที่ตายช่วงวันโลกาวินาศช่วงแรกๆ ช่างเป็นพวกโชคดีโดยแท้

“แต่… ตายแล้วจะเป็นยังไง ได้ไปนรก ได้ไปสวรรค์ หรือตัวเราจะหายไปเลยแบบไม่มีตัวตนอีกต่อไป พอมาลองคิดๆ ดูอีกครั้งก็ไม่อยากตายเลยแฮะ เฮ้อ~ อยากไปตะบันหน้าของไอพวกที่ทำให้เกิดวันโลกาวินาศชิปหาย!!”

ระหว่างกำลังคิด หลินฟานก็สังเกตถึงความผิดปกติอะไรบางอย่าง ไม่เจ็บ! ถูกต้องแล้วหลินฟานไม่รู้สึกเจ็บในจุดที่ถูกแทง แถมราชินีซอมบี้ก็ยังไม่ตัดหัวของเขาอีก หลินฟานเริ่มก้มมองท้องของตัวเขาเองก็เจอกับมีดที่ปักอยู่

ก็แทงไปแล้วนิ???

จากนั้นเขาก็หันไปทางด้านหลัง แต่เมื่อหันมองไปทางด้านหลังเขาก็เห็นราชินีซอมบี้กำลังตะโกนเหมือนด่าตัวเองอยู่ เพียงแต่เขาไม่สามารถได้ยินเสียงของเธอ

มันเกิดอะไรขึ้น???

ในหัวหลินฟานเต็มไปด้วยความสงสัย

ติ้ง!

[ ประกาศจากระบบ ความหวังของโฮโมเซเปียนส์เริ่มทำงาน กำลังทำการย้อนกลับไปวันแรกที่บันทึกเอาไว้ ผู้เปิดใช้งานคือสายเลือดตระกูล หลิน ]

หลินฟานยังไม่ทันได้สงสัยอะไรเพิ่ม ที่หน้าอกของเขาก็ปรากฏลูกบอลแสงสีฟ้าขนาดเท่าลูกปิงปองรอยออกมาช้าๆ หลินฟานอึ้งไปหลายวิจนในที่สุดเขาก็นึกอะไรออก ลูกบอลสีฟ้าที่อยู่ด้านหน้าของเขาเป็นของที่อยู่ๆ ก็พุ่งเข้าร่างกายของเขาเมื่อหลายปีก่อน ส่วนเข้ามาได้ยังไงนั้นเขาลืมไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาจำได้ขึ้นใจก็คือลูกบอลนี่มันถูกเก็บเอาไว้ในตู้เซฟตระกูลหลิน แถมยังเป็นสิ่งที่เหมือนจะสำคัญมากๆ อีกด้วย

และหลังจากพยายามทำความเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่นาน หลินฟานก็รู้สึกว่าโลกกำลังหมุนเร็วขึ้น เขาเวียนหัวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน จากนั้นสติก็ค่อยๆ เลือนรางลงเรื่อยๆ และไม่นานหลังจากนั้นหลินฟานก็หมดสติการรับรู้ไป

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด