SWO ตอนที่ 7 โจวเฮาจู่โจม
กริ๊งงง กริ๊งงง
หลังเลิกเรียน นักเรียนหลายคนไม่รีบร้อนที่จะจากไป แต่พวกเขากลับวิ่งไปที่สำนักวิชาการเพื่อสอบถามเกี่ยวกับการแข่งขัน
โจวเฮาเดินตามจางอี้ไปที่โรงอาหารเนื่องจากที่นั่นมีอาหารเหลือทานฟรี
ทั้งสองนั่งคุยกันขณะทานอาหาร
“จางอี้ ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ระดับแก่นโลหิตขั้น 2 งั้นแปลว่าเจ้าสามารถเข้าร่วมการแข่งนี้ได้ใช่ไหม?” โจวเฮาถามขณะกัดซาลาเปา
จางอี้พยักหน้า และกลืนอาหารก่อนกล่าว “ข้าสามารถเข้าร่วมได้ แต่ข้าไม่รู้สึกอยากสมัครสักเท่าไหร่”
โจวเฮาถามกลับด้วยความสงสัย “ทำไมล่ะ?”
“ข้าลงไปก็เสียเวลาเปล่า” จางอี้ฝืนยิ้ม “ทุกคนที่อยู่ระดับแก่นโลหิตขั้น 3 จะเข้าร่วมอย่างแน่นอนเนื่องจากรางวัลสำหรับการแข่งครั้งนี้มันใจกว้างมาก ดังนั้นแม้ว่าข้าจะลงสมัคร แต่เป้าหมายคงตั้งไว้ได้เพียงอันดับหกถึงสิบเท่านั้น แม้จะจริงที่ข้ามีระดับสูงกว่าคนอื่น ๆ ที่อยู่แก่นโลหิตขั้น 2 แต่เจ้าก็รู้อยู่ว่าข้ามีปัญหาขาดแคลนแก่นโลหิตมาระยะหนึ่งแล้ว ข้าทำได้ดีในการทดสอบก็จริง แต่ไม่ใช่กับการต่อสู้จริง”
โจวเฮาขมวดคิ้วและถาม “เจ้าคิดว่าเจ้าจะได้อันดับใดถ้าเจ้าเข้าร่วม?”
จางอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “มีเพียง 13 คนเท่านั้นที่เหนือกว่าข้าด้านแก่นโลหิตในชั้นปีสาม และมี 7 คนที่มีความแตกต่างเล็กน้อยในด้านแก่นเลือดกับข้า หากข้าเข้าร่วมการต่อสู้จริง ๆ ข้าอาจจะอยู่อันดับ 21 ล่ะมั้ง”
เมื่อเข้าใจจางอี้แล้ว โจวเฮาก็ยิ้มก่อนกล่าว “จางอี้ เจ้าไม่ต้องกังวลและลงทะเบียนได้เลย ข้ามีวิธีทำให้เจ้าติดสิบอันดับแรก!”
จางอี้อุทานและมองโจวเฮาด้วยความประหลาดใจ
“แค่เชื่อข้าก็พอ ที่เหลือไม่ต้องห่วง” โจวเฮากล่าวอย่างลึกลับ
“ตกลง งั้นข้าจะเข้าร่วม” จางอี้พยักหน้าอย่างหนักแน่น
สองวันผ่านไปในพริบตา
ในเช้าของวันที่สาม เวลาลงทะเบียนของการแข่งขันปีสามอันร้อนแรงได้ปิดลง
รายชื่อผู้สมัครถูกติดไว้บนบอร์ดประกาศของสำนักวิชาการ
ในช่วงออกกำลังกายตอนเช้า นักเรียนหลายคนแห่กันไปที่กระดานข่าว
“ปีสามของโรงเรียนเรามีคนที่มีแก่นโลหิตนับจากขั้นหนึ่งขึ้นไปอยู่ประมาณ 400 คน เมื่อดูจากที่รายชื่อมีมากกว่า 400 แสดงว่าการแข่งครั้งนี้เกือบทุกคนมีส่วนร่วม”
“ใครจะไม่เข้าร่วมบ้างเล่าเมื่อมีรางวัลมากมายมาล่อใจเช่นนี้!”
“ข้าเห็นด้วย เจ้าจะรวยทันทีหากสามารถติดสิบอันดับแรกได้!”
“เจ้าคงกำลังฝัน เจ้าคิดว่ามันง่ายดายนักรึที่จะเข้าสู่สิบอันดับแรก?”
เสียงพูดคุยดังจอแจในหมู่นักเรียนที่แออัด ใบหน้าของทุกคนเวลานี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
โจวเฮามองไปยังกลุ่มคนที่หนาแน่นตรงหน้า แม้ว่าเขาจะสายตาดี แต่นั่นไม่ได้ช่วยอะไรหากมีคนบังป้ายมากขนาดนี้ ดังนั้นเขาจึงพยายามแทรกตัวเข้าไปโดยผลักนักเรียนส่วนใหญ่ออกไปด้วยแรงเพียงเล็กน้อย
นักเรียนบางคนที่รู้จักโจวเฮาเยาะเย้ยเขาทันที “โจวเฮาเจ้าจะพยายามเข้าไปดูเพื่ออะไร? เจ้าไม่มีคุณสมบัติกระทั่งลงทะเบียนด้วยซ้ำ ดูรายชื่อไปจะมีประโยชน์อะไร?”
โจวห่าวเพิกเฉยพวกเขา และเบียดตัวเข้าไปในแถวหน้า ดวงตาของเขากวาดดูรายชื่ออย่างรวดเร็ว ขณะที่แอบท่องจำชื่อของนักเรียนที่คาดว่าน่าจะติดสิบอันดับแรก
พักกลางวัน
ที่สนามซ้อมใหญ่ของโรงเรียน…
นักเรียนหลายคนที่สมัครเข้าร่วมการแข่งขันกำลังฝึกซ้อมกันอย่างหนัก พวกเขากำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมพร้อมเนื่องจากรอบคัดออกจะมีขึ้นในตอนบ่าย
นักเรียนที่อยู่ระดับแก่นโลหิตขั้นสอง หรือกระทั่งนักเรียนที่อยู่ระดับแก่นโลหิตขั้นสาม เช่น ซูหลิงก็กำลังฝึกซ้อมกันอย่างหนักเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้วการแข่งขันนี้ก็จัดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป
ดังนั้นจึงไม่มีใครพร้อมสำหรับมัน
โจวเฮากวาดสายตาไปรอบ ๆ หลังจากยืนยันตำแหน่งของนักเรียนที่มีศักยภาพติดสิบอันดับแรกแล้ว เขาก็ก้มหน้าแล้วเดินเข้าไป
คนแรกที่เขาเลือกคือหวังหมิงซึ่งมีระดับฝึกฝนอยู่ที่แก่นโลหิตขั้นสาม เมื่อโจวเฮาเข้ามาใกล้ และอยู่ห่างออกไปเพียงสามถึงสี่เมตร เขาก็แสร้งทำเป็นสะดุด และชนเข้ากับหวังหมิง
หวังหมิงตอบสนองอย่างรวดเร็วและหลบโจวเฮา
“เจ้าตาบอดงั้นรึ?” หวางหมิงถามอย่างเย็นชาเมื่อเห็นว่าเป็นโจวเฮา
โจวเฮาตั้งสติและขอโทษอย่างลนลาน ขณะเดียวกันเขาก็ก้าวไปข้างหน้า และตบหลังหวังหมิงเบา ๆ “ข้าชนเจ้า?”
หวังหมิงเย้ยหยัน "เจ้า? เฮอะ จะไปไหนก็ไป อย่าได้ขัดขวางการฝึกของข้า”
"ได้ ได้"
โจวเฮารีบจากไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาเยาะเย้ยอยู่ในใจ จงเย่อหยิ่งต่อไปเถอะ เพราะอีกไม่นานเจ้าจะเคลื่อนไหวไม่ได้ไปอีกพักใหญ่ ๆ
คืนนั้นหลังจากทดสอบความแข็งแกร่งของเขาในโถงฝึกฝนแล้ว โจวเฮาก็ได้เน้นฝึกฝนไปที่การควบคุมความแข็งแกร่งของเขาเป็นพิเศษ
แม้จะเป็นเพียงการตบเบา ๆ แต่โจวเฮาได้ทำลายเส้นลมปราณเล็ก ๆ ของหวังหมิงไปหลายเส้น ตราบใดที่หวังหมิงยังคงโคจรเลือดของเขาต่อไป เลือดก็จะจับตัวเป็นลิ่มในเส้นลมปราณของเขา และในที่สุดแก่นโลหิตของเขาก็จะถูกปิดกั้นทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
หลังจากนั้นโจวเฮาใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อเข้าหานักเรียนคนอื่น ๆ ที่มีศักยภาพในการเข้าสู่สิบอันดับแรก และทำแบบเดียวกันกับพวกเขา
แน่นอนว่าอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเหล่านี้ไม่มีนัยสำคัญต่อนักเรียนที่ได้รับการฝึกมาหลายปี อย่างมากพวกเขาก็แค่ต้องพักฟื้นตัวหนึ่งหรือสองวัน
เป้าหมายของโจวเฮาคือการป้องกันไม่ให้พวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันที่จะจัดขึ้นในตอนบ่าย
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้ปรับเปลี่ยนความเสียหายแปรผันตามคนที่เขาแค้นอีกด้วย
"หืม? หลู่ย์เจี้ยนไม่ไปฝึกกับเขาเหรอ?” โจวเฮามองไปรอบ ๆ ก่อนจะขมวดคิ้ว เขาได้วางแผนสำหรับหลู่ย์เจี้ยนไว้แล้ว
ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงไม่ดีเท่านั้น แต่เขายังกระทั่งเคยรังแกโจวเฮามาก่อนด้วย
“เขาอาจจะออกจากโรงเรียนอีกครั้ง” โจวเฮาไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยหลู่ย์เจี้ยนไป เขาออกจากโรงเรียนทันที และเดินไปตามถนนกว้างทางด้านขวาไปยังย่านที่อยู่อาศัยหนาแน่น
เขาได้ยินมาว่าหลู่ย์เจี้ยนมักมาที่นี่เพื่อทานอาหารกลางวัน
เมื่อเขาไปถึงอาคารในละแวกนั้น เขาก็เห็นหลู่ย์เจี้ยนที่กำลังคุยอะไรบางอย่างกับชายคนหนึ่ง
เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ปรากฏว่าหลู่ย์เจี้ยนใช้การแข่งขันนี้เพื่อเริ่มเดิมพันอย่างลับ ๆ ในโรงเรียน
“พี่ใหญ่เล่ย ยอดรวมคือ 100,000 หยวน” หลู่ย์เจี้ยนกล่าวกับชายหนุ่มด้วยท่าทางที่ต่ำต้อย
“ทำไมมันน้อยจังวะ” ชายหนุ่มดูไม่พอใจ
“ช่วยไม่ได้ ถึงอย่างไรเมืองฉูก็ยากจนอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของการแข่งขัน เราคงจะไม่ได้กระทั่ง 100,000 หยวนด้วยซ้ำ!”
“เอาล่ะ กฎปกติ ให้ข้า 60,000 หยวน ส่วนเจ้าค่อยมาที่นี่อีกทีพรุ่งนี้เพื่อรับยาเปิดเส้นลมปราณ”
หูของโจวเฮากระตุก ยาเปิดเส้นลมปราณมีราคาแพงกว่ายารวมโลหิตซึ่งเป็นยาหลักที่ใช้ในการบ่มเพาะเคล็ดวิชานาคคชสารปัญญาบารมี
ไม่แปลกใจเลยที่หลู่ย์เจี้ยนมักมาที่นี่บ่อย ๆ ปรากฎว่าเขามีช่องรับยาอยู่ที่นี่
โจวเฮากระทืบพื้น และพุ่งไปข้างหน้าทันที
"ใครกัน?"
พี่เล่ยเพิ่งตอบสนองขณะเห็นการโจมตีสายหนึ่งราวกับสายฟ้าฟาดลงมา
ปัง ปัง
โจวห่าวเคาะพวกเขาสลบไปอย่างง่ายดาย
นอกจากนี้โจวเฮายังต่อยหลู่ย์เจี้ยนซ้ำอีกหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะล้มป่วยไปอีกอย่างน้อยครึ่งปี
หลังจากรับเงินจากพี่เล่ยและหลู่ย์เจี้ยนแล้ว โจวเฮาก็จากไปอย่างรวดเร็ว
เขาไม่รู้สึกผิดแม้แต่ที่ขโมยเงินพวกนี้มา
ระหว่างทางกลับโจวเฮาอารมณ์ดีมาก ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เขาไม่มีแม้แต่ 1,000 หยวน และจำเป็นต้องยืมจากจางอี้ แต่ตอนนี้เขามีเงินถึง 100,000 หยวน
มันเป็นโชคก้อนใหญ่จริง ๆ
“100,000 หยวน ข้าจะใช้มันทำอะไรดี…” โจวเฮาครุ่นคิด ทันใดนั้นเขาก็หยุดเดิน และตบต้นขาของเขา “ข้านี่โง่จริง ๆ หลู่ย์เจี้ยนไม่ใช่คนเดียวสักหน่อยที่เปิดเดิมพัน!”