ตอนที่ 881+882 พูดอีกครั้งสิ
ตอนที่ 881 พูดอีกครั้งสิ
"นี่ ทำไมเดินกันเร็วจัง" หญิงคนนั้นอาจจะอวบอ้วน แต่เธอเดินค่อนข้างเร็ว เธอต้องเดินไปตามถนนและตรอกซอยทั้งวันเพื่อแนะนำผู้คนให้รู้จักกัน เธอมีจึงมีย่างก้าวที่รวดเร็ว
"ครูหลี่ ไม่เจอกันนานเชียว วันนี้ว่างมาซื้อของเหรอคะ นี่คือเสี่ยวเซียวเหรอ ว้าว โตเป็นสาวแล้ว คบกับใครอยู่หรือเปล่า อยากให้ฉันแนะนำผู้ชายให้คุณสักสองสามคนไหมล่ะ" หญิงอ้วนเห็นลู่เสี่ยวเซียวและคิดถึงผู้ชายสองสามคนที่อยู่ในมือของเธอโดยไม่รู้ตัว เธอสงสัยว่าพวกเขาคนไหนที่เหมาะสมที่จะเป็นลูกเขยของตระกูลลู่บ้าง
"ไม่เป็นไรหรอก น้องเขยฉันบอกว่าเขาจะเลือกผู้ชายให้กับเสี่ยวเซียวเป็นการส่วนตัว เขาคงไม่สบายใจกับคนอื่นที่เลือกให้เธอ แม้แต่พี่ชายของเขา ไห่เถียนก็ยังพูดอะไรไม่ได้เลย" นางลู่ฝืนยิ้ม "อีกอย่างเสี่ยวเซียวเองก็ยังอายุไม่เท่าไหร่ แต่งงานหลังจากนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร"
"ไม่เลวร้ายอะไรกัน ถ้าแต่งงานช้า ผู้ชายดี ๆ ก็ชิงแต่งงานกันไปหมดน่ะสิ" หญิงอ้วนมีรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของเธอ อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มของเธอจางลงเล็กน้อยเมื่อเธอมองไปที่เจียงเหยาอีกครั้ง
"นี่คือภรรยาของชิงสีที่มาจากชนบทเหรอ ไม่ใช่ว่าฉันวิจารณ์อะไรคุณหรอกนะ แต่ฉันไม่ได้บอกคุณไปแล้วเหรอว่าคนในชนบทค่อนข้างงี่เง่า ครอบครัวลู่มีฐานะทางสังคมที่สูงเสียขนาดนี้ แต่กลับได้ลูกสะใภ้จากชนบท อาจทำให้ครอบครัวของคุณอับอายได้นะ"
"ตลกล่ะ ครอบไหนที่ไม่เคยเป็นชาวนามาตั้งแต่สามชั่วอายุคนขึ้นไปบ้าง" ลู่เสี่ยวเซียวเยาะเย้ย "ปู่ของฉันก็เป็นชาวนาด้วย"
ใบหน้าของหญิงอ้วนหม่นหมองลงทันที "อดีตก็คืออดีต ปัจจุบันก็คือปัจจุบัน เราต้องมองไปที่อนาคต เมื่อก่อนอาจจะเป็นชาวนา แต่ตอนนี้ยังเป็นเหมือนเดิมไหมล่ะ เราต้องรู้จักตั้งตารอสิ่งดี ๆ สิใช่ไหมล่ะ คนบ้านนอกไม่ค่อยมีเหตุผลเหมือนกับคนในเมือง พวกคุณไม่ได้ยินเรื่องไร้สาระที่ลูกสะใภ้ของคุณพูดต่อหน้าเฉินหลานอิงเมื่อกี้เหรอ"
"ฉันพูดอะไรไร้สาระเหรอคะ" เจียงเหยาไม่มีความสุขเมื่อหญิงอ้วนคนนี้ใช้คำว่า บ้านนอก เพื่ออธิบายเธอ
เธอไม่ได้รู้สึกต่ำต้อยเพียงเพราะเธอมาจากชนบท ที่แน่ ๆ เธอรู้ว่าหญิงอ้วนคนนี้ไม่ได้ให้เกียรติเธอ เธอพูดจากไม่ดีต่อหน้าเธอ เธอคิดว่าเธอหูหนวกและไม่ได้ยินคำพูดที่ไร้ความปรานีของเธอหรือ
"เมื่อกี้ คุณพูดไม่ใช่เหรอ เรื่องทดสอบความเป็นพ่อต่อหน้าเฉินหลานอิง ยังไปบอกว่าลูกของเธอป่วยอีก ถ้านั่นไม่ได้เรียกว่าไร้สาระ แล้วควรเรียกว่าอะไร การทดสอบความเป็นพ่อคืออะไร ฉันไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องนี้ คุณก็แค่คนทั่วไป ไม่ใช่ตำรวจ รู้ได้ยังไงว่าตำรวจเขาสืบคดีอย่างไร ยังบอกอีกว่าการทดสอบนี้มาจากต่างประเทศ พูดเรื่องตลกหรือไง แม่เขายังอุ้มลูกเขาไว้ในอ้อมแขน แม้ว่าเขาจะร้องไห้ก็เถอะ แต่คุณไม่ต้องไปสาปแช่งเขาด้วยความเจ็บปวดก็ได้ คนอย่างคุณนี่มันใจแคบ ปากเหม็น"
"พูดอีกครั้งสิ" เมื่อนางลู่ได้ยินเช่นนั้น นางก็ไม่รอให้เจียงเหยาพูดก่อนที่จะตะโกนใส่หน้าผู้หญิงคนนั้น "ลูกสะใภ้ของฉันเป็นนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยการแพทย์ที่มีชื่อเสียง ถ้าเธอบอกว่ามีการทดสอบก็ต้องมีการทดสอบ เธอเรียนที่มหาวิทยาลัยมาครึ่งปีแล้ว หากเธอบอกว่ามีบางผิดปกติกับเด็ก ก็ต้องมีหลักฐานอะไรสนับสนุนเรื่องนี้ ในฐานะแม่ ฉันรู้จักนิสัยของลูกสะใภ้ฉันเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกอย่างคุณมากพูดแบบนี้ต่อหน้าฉัน เพื่อทำลายความสัมพันธ์ของเรา"
แม่ลู่เป็นครู่ ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าควรจะโกรธอย่างไร เมื่อโกรธ ดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้าง เอวของเธอยืดตรง มุมริมฝีปากของเธอกดลง และใบหน้าของเธอดูโกรธ
"นี่ ยายอ้วน มาเรียกใครมาใจแคบและปากเหม็น" ลู่เสี่ยวเซียวยิ่งโกรธมากขึ้น เธอดึงเจียงเหยาไปข้างหลัง ก่อนที่จะหันไปหาเธอ
"พี่สะใภ้ไม่ต้องกลัว ฉันจะฉีกปากของผู้หญิงอ้วนนี่ออกเป็นชิ้น ๆ เพื่อล้างแค้นให้เธอเอง"
__
ตอนที่ 882 คนบ้านนอก
“เสี่ยวเซียว” นางลู่ดึงลู่เสี่ยวเซียวที่กำลังโกรธจัดไปไว้ข้างหลังเธอ ท้ายที่สุดแล้ว ลู่เสี่ยวเซียวยังคงเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน เธอไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นคิดว่าลู่เสี่ยวเซียวเป็นผู้หญิงไร้การศึกษา แม้ว่าเธอไม่ได้คิดว่าสิ่งที่หลานสาวพูดนั้นผิดก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น
เจียงเหยาโกรธ แต่เธอรู้ว่านางลู่หมายถึงอะไร เธอเอื้อมมือออกไปและดึงลู่เสี่ยวเซียวก่อนที่เธอจะมองดู โชคดีที่ลู่เสี่ยวเซียวถึงจะอารมณ์ไม่ดี แต่เธอไม่ใช่คนโง่ เมื่อเธอเห็นหน้าของเจียงเหยา เธอยืนอยู่ข้างเธออย่างเชื่อฟัง ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง
“คุณป้าคะ เพียงเพราะคุณไม่รู้อะไรบางอย่าง ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง บอกฉันที คุณเคยก้าวออกจากเมืองเมื่ออายุเท่าเธอไหม คุณเคยไปในเมืองมาแล้วกี่ครั้ง คุณรู้เรื่องเกี่ยวกับวงการแพทย์มากแค่ไหน” เจียงเหยาถามคำถามกับผู้หญิงอ้วน
“ฉันไม่ได้เดินทางไปไหนไกล แต่ฉันเคยกินเกลือมามากกว่าเธอ” แม่สื่อไม่สามารถตอบคำถามของเจียงเหยาได้
อันที่จริง เธอเคยไปในเมืองแค่สองสามครั้งเท่านั้น เธอไม่มีญาติหรือเพื่อนที่นั่น เมื่อเธอต้องการแนะนำคน เธอจะนัดพบพวกเขาที่เมือง การไปในเมืองนั้นมีราคาแพงและก็ต้องใช้เงินเช่นกัน ทำไมเธอถึงไปในเมือง หากเธอไม่มีธุระอะไรที่นั่น นอกจากนั้น การไปโรงพยาบาลก็จำเป็นต้องใช้เงิน ถ้าทำได้ เธอจะอยู่ห่างจากที่นั่นไปตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม เธอไม่มีความสุขเพราะมีหญิงสาวที่มาโต้แย้งกับเธอ เธออายุมากกว่าจึงคิดว่าตัวเองรู้ดีกว่าพวกคนหนุ่มสาว
เธอไม่มั่นใจเท่าใดนัก เธอไม่ได้คาดหวังว่าเจียงเหยาจะยังคงมีอะไรพูดกับเธออีก
“แม้ว่าคุณจะกินเกลือทั้งหมดที่ฉันควรกินในช่วงที่เหลือของปี ความรู้ของคุณก็ไม่ได้มากขึ้นหรอกค่ะ” เจียงเหยาเยาะเย้ยอย่างไร้ความปรานี “ฉันยังเด็ก แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่มีความรู้ หากพูดตามธรรมเนียม ฉันอายุน้อยกว่าคุณ แต่ฉันเข้าใจอะไรมากกว่าคุณเสียอีก ฉันยังคงรู้ด้วยว่าตัวเองสามารถพูดหรือไม่สามารถพูดอะไรได้”
“ใช่! พี่สะใภ้ของฉันเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศ เธอยังเป็นนักเรียนเกียรตินิยมและเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัย ถ้าเธอบอกว่ามีการทดสอบความเป็นพ่อ เธอก็ต้องพูดถูก เธอจะกลายเป็นหมอหลังจากเรียนจบ ถ้าคุณไปโรงพยาบาล คุณไม่จำเป็นต้องให้พี่สะใภ้ของฉันรักษาอาการป่วยให้คุณหรอกเหรอ ดังนั้น ถ้าพี่สะใภ้ของฉันบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับร่างกายของเด็กคนนั้น แสดงว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติสิ” ลู่เสี่ยวเซียวรู้ว่าพี่สะใภ้ของเธอเป็นนักศึกษาที่ดีและเป็นคนดี เธอไม่ใช่คนประเภทที่จะพูดเรื่องไร้สาระ
“อะไรคือนักศึกษาที่ยอดเยี่ยม พวกเขาสามารถดูถูกคนอื่นได้อย่างนั้นหรือ” แม่สื่อโกรธจนหน้าแดง เธอหันไปทางนางลู่และกล่าวว่า “คนบ้านนอกก็ยังคงเป็นคนบ้านนอกอยู่วันยังค่ำ เธออาจจะคิดว่าตัวเองน่าทึ่งเพราะได้เรียนมหาวิทยาลัย แต่เธอจะพูดจากับคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง ดูลูกสะใภ้ของคุณสิ ฉันบอกว่าฉันจะแนะนำผู้หญิงจากเมืองให้รู้จักกับลูกชายคุณ แต่คุณกลับปฏิเสธ ดูเธอสิ ลูกสะใภ้ของคุณทำให้คุณอับอายไปเสียทุกที่”
คนที่ไม่โง่ก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีเหตุผล เธอยึดติดกับตัวตนของเจียงเหยาในฐานะที่เป็นคนจากบ้านนอก เธอยังเรียกอีกหญิงสาวว่ามีจากครอบครัวชนชั้นชาวนา ดังนั้นเจียงเหยาจึงพูดหยาบคายกับคนที่ไม่รู้จักให้ความเคารพกับผู้อื่น
“ใช่ ถ้าลูกสะใภ้ของฉันพูดกับคนอื่นแบบนี้ มันก็เป็นคนความผิดของเธอจริง ๆ แต่ถ้าอีกฝ่ายไร้มนุษยธรรมแล้วล่ะก็ คิดว่าเธอจะโง่ให้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรือ” นางลู่ยิ้ม
เธอเป็นครู ดังนั้นไม่มีใครตำหนิเธอ คำพูดไม่กี่คำนั้น ทำให้หญิงอ้วนรู้สึกสับสน