ตอนที่ 99 สร้างโลก
กู่ฉางเกอตกอยู่ในห้วงความคิดขณะมองหน้าต่างสถานะ
เจ้าของ : กู่ฉางเกอ
รัศมี : วายร้ายสวรรค์ลิขิต
อาวุธ : ง้าวมารแปดทิศ
ตัวตน : ศิษย์แท้จริงวังเต๋าเซียนสวรรค์ นายน้อยของตระกูลเซียนกู่
เส้นชีพจร : ใจมาร กระดูกเต๋า
ฐานบ่มเพาะ : จักรพรรดิ(ขั้นกลาง)
ความสามารถลี้ลับ : เคล็ดเต๋าเซียนสวรรค์(ขั้นแปด) วิหารจิตเทพบรรพกาล(พรสวรรค์) กายหมื่นปีศาจจำแลง(พรสวรรค์) เคล็ดเซียนปีศาจกลืนกิน ภูมิปัญญาไร้สิ้นสุด
ค่าโชคชะตา : 10000
ค่าโชคลาภ : 2000(มืด)
ร้านค้าระบบ : เปิด
คลัง : หนึ่งในสามชิ้นส่วนเมล็ดพันธุ์โลกx3(ผสาน) การ์ดปล้นโชคx3
ตลอดมา ค่าโชคชะตาของเขาได้เพิ่มเป็นหมื่น ส่วนโชคลาภเขาพุ่งไปสองพันแต้ม ตอนนี้เขารวยมาก แต่เขาก็ไม่รีบเพิ่มฐานบ่มเพาะ
เขามองร้านค่าระบบ และสุดท้ายก็พบสิ่งที่เขาปรารถนา’[เครื่องรางปกปิดกลิ่นอายระดับเทพ]’
มันมีราคาแปดพันค่าโชคชะตา
[รายละเอยีดของ : ปกปิดกลิ่นอายของผู้ใช้อย่างสมบูรณ์เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง]
แม้จะไม่ได้ฟังดูวิเศษ แต่สีหน้าของกู่ฉางเกอก็ดูพึงพอใจมาก ในเมื่อมันเป็นของจากระบบ งั้นความสามารถมันต้องไม่เป็นที่กังขา มันจะสามารถปกปิดกลิ่นอายเขาได้อย่างสมบูรณ์ แล้วเขาจะไปที่ไหนไม่ได้บ้างด้วยความสามารถมิติของเขา?
กู่ฉางเกอรีบแลกมัน โดยปราศจากความรู้สึกเสียใจที่เสียค่าโชคชะตาไปเยอะ เหนือสิ่งอื่นใด เขากำลังจะมีโอกาสสูงสุดที่ว่ากันว่าวิเศษจนแม้แต่เทพสูงสุดยังต้องออกมาแย่งชิง
หลังจากนั้น เขาก็แลกพันโชคลาภเป็นอีกหมื่นค่าโชคชะตาและแลก[เครื่องรางทำลายเขตแดน] กับ[เครื่องรางทำลายค่ายกล]
[เครื่องรางทำลายค่ายกล]เป็นตามชื่อ ‘มันสามารถทำลายค่ายกลและพันธนาการอื่นได้’
สำหรับเครื่องรางทำลายเขตแดน?มันช่วยให้เขาหนีได้
นี่คือมาตรการที่เขาเตรียมไว้
หลังจากนั้น กู่ฉางเกอก็เริ่มผสานชิ้นส่วนเมล็ดพันธ์โลก ทันทีทันใด วิสัยทัศน์เขาเลือนราง และเมล็ดพันธุ์ทั้งสามรูปร่างก็ปรากฏต่อหน้าเขา แสดงฉากยิ่งใหญ่
อักขระซับซ้อนนับไม่ถ้วนกระจาย และโลกภายในมันก็เปิดต่อหน้ากู่ฉางเกอ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง ดวงจันทร์หมุนวนรอบโลก ภูเขากับแม่น้ำปรากฏ และทะเลโบรารก็หลั่งไหล โลกตรงหน้าเขาขยายตัวอย่างน่าทึ่ง
[บูซ!]
แสงพร่ามัวส่องสว่างพื้นที่โดยรอบขณะที่สามเมล็ดพันธุ์ผสานกันอย่างสมบูรณ์ และเปลี่ยนเป็นแสงเรืองรอง
กู่ฉางเกอรู้สึกถึงกลิ่นอายกดดันของทั้งโลกที่กดทับหน้าอกเขา มันเป็นกลิ่นอายโกลาหล
ไม่นาน พลังโกลาหลก็จางหายและฉากก็ใส
สวรรค์และโลกไดก้เปิดในตัวเขา โลกกว้างใหญ่และลึกลับถือกำเนิดในตัวเขา!
โลกถือกำเนิดจริงๆ!
ภายในตัวเขา ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ลอยสูง ดวงดาวปกคลุมท้องฟ้า และเมฆก็ลอยเหนือพื้น ก่อตัวเป็นวัฏจักรชีวิต แม้โลกจะไม่ใหญ่เกินไป มันก็คือการถือกำเนิดโลกใบหนึ่ง
‘ไม่เพียงข้าจะผสานชิ้นส่วนเมล็ดพันธุ์โลกได้สำเร็จ แต่ข้ายังสร้างโลกภายนอกในตัวทีเดียว’
‘ความรู้สึกของการมีโลกในฝ่ามือช่างดีจริงๆ ข้าสามารถขว้างอะไรก็ได้ตามใจชอบ’
‘ถ้าข้าเจอศัตรูที่แข็งแกร่ง ข้ายังหลบหนีเข้าโลกในตัวได้ ตราบเท่าที่ข้าไม่เจอผู้ยิ่งใหญ่ที่เก่งการสร้างและท่องมิติ ข้าจะไม่เป็นอะไร’
กู่ฉางเกอมองค่าโชคชะตาที่ลดไปพันในคราเดียว แต่ก็ไม่สนใจ
เขาครุ่นคิดสักพักและจากนั้น
[บูซ!]
มิติรอบตัวเขาผันผวน และวินาทีต่อมา ทั้งตัวเขาก็หายไปจากจุดที่ยืนโดยไม่ทิ้งความผันผวนไว้
ถ้ามีใครเห็นเขาตอนนี้ พวกเขาจะตกใจ
กู่ฉางเกอหายไปในอากาศธาตุ
วิธีการของเขาประหลาดเกินไป
แต่ทว่า ถ้าคนที่มีความสามารถสรรค์สร้างมาเห็นการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อม พวกเขาจะพบความผันผวนประหลาดบางอย่าง กู่ฉางเกอไม่ได้หายไปในอากาศ เขากลับเปิดอุโมงค์มิติและเข้าไปในอีกโลก
ร่างของกู่ฉางเกอปรากฏบนยอดเขาในโลกที่เขาสร้าง
ขณะมองสภาพแวดล้อมและกระจายสัมผัสไปทั่ว เขาก็ตระหนักว่าโลกมีรัศมีแค่ไม่กี่พันลี้ แม้จะมีภูเขา แม่น้ำ ต้นไม้โบราณกับสิ่งมีชีวิตทั่วไป แต่ก็ไม่มีพลังปราณ
เหนือโลกที่พัฒนาการแล้วคือความโกลาหลที่ยังไม่ได้พัฒนา กู่ฉางเกอจึงอดจมลงในความคิดไม่ได้
เมล็ดพันธุ์โลกที่ระบบมอบให้คือของดีสุด ความโกลาหลไร้สิ้นสุดที่วิวัฒนาการได้ตเนือเขาว่าโลกสร้างขึ้นได้ยังไง เขาสามารถใช้ข้ออ้างอิงนี้ที่ว่าโลกปัจจุบันในตัวเขาอยู่ในช่วงทารกเท่านั้น เขาต้องขยายมันเพิ่มในอนาคต
ตอนนี้ที่เขาอยู่นี่ เขายังสามารถใช้มันเป็นฐานสำหรับแผนการทั้งหมดในอนาคต
กู่ฉางเกอประเมินว่าโลกสามารถวิวัฒนาการได้เพิ่มจนถึงจุดสูงสุดในอนาคต มันไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ที่จะเติบโตจนมีขนาดเท่าทั้งจักรวาล
แน่นอน โลกสามารถใช้งานได้หลายจุดประสงค์เช่น ‘ขังศัตรู ให้โลกของเราปรากฏในโลกภายนอกเอง หรือยังกลืนกินโลกเดิมที่อยู่นอกตัวเขา..’
กู่ฉางเกอนึกถึงตำนานมากมายขณะที่เขาคิดถึงว่าเขาจะใช้โลกเกิดใหม่นี้ยังไง
ตอนแรก มันไม่มีอะไร แต่จากนั้นความโกลาหลก็เข้ามา ความโกลาหลให้กำเนิดเทพมารโกลาหลสามพันตน ท่ามกลางนั้นก็คือผานกู่ จากนั้นผานกู่ก็แบ่งแยกสวรรค์กับโลก
หงจุนได้เทศนาและสามผู้บริสุทธิ์ก็ปรากฏ หนี่วาได้สร้างมนุษย์ ซุยเรนได้สอนมนุษย์ให้สร้างไฟจากฟืน
มันไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ที่สิ่งคล้ายกันนี้จะปรากฏในโลกภายในตัวเขา
กู่ฉางเกอตกอยู่ในห้วงความคิด จากนั้นก็ถามระบบ’ระบบ ข้าสามารถพัฒนาโลกภายในด้วยค่าโชคชะตาได้ไหม?’
[ค่าโชคชะตาใช้ได้กับทุกสิ่ง ตราบเท่าที่ท่านมีค่าโชคชะตาพอ ท่านจะสามารถพัฒนาได้ทุกสิ่งตามปรารถนา]
ระบบตอบ
กู่ฉางเกอพยักหน้า และจากนั้นก็ทุ่มค่าโชคชะตาเพื่อพัฒนาโลกภายใน
[บูม!]
ไม่ช้า กลุ่มวังโอ่อ่าก็ผุดจากพื้นด้านหลังเขา เหมือนตำหนักสวรรค์ที่ตั้งสูงระหว่างสวรรค์และโลก เสาสูงวัดไม่ได้ของพวกมันอย่างเดียวก็ค้ำจุนท้องฟ้าได้แล้ว เหมือนวังสวรรค์ในตำนานโบราณ
ร่างของกู่ฉางเกอหายไปจากจุดและปรากฏภายในวังที่ใหญ่สุด และเขาก็คล้ายกับเทพที่ปกครองสวรรค์และทุกสิ่ง
เขาอดพยักหน้าพอใจไม่ได้
‘มันมีความสามารถมาก จะดีกว่าไหมถ้าข้าจะรออยู่ในนี้จนกว่าโลกนี้จะก้าวข้ามโลกดั้งเดิมได้?’
การก่อสร้างวังสวรรค์ส่วนตัวของเขาไม่ได้เสียแรงนัก เหนือสิ่งอื่นใด โลกในนี้เป็นของเขา มันไม่ยากที่เขาจะเปลี่ยนแปลง
หลังจากนั้น กู่ฉางเกอก็กลับโลกเดิมและขังตัวเองภายในที่พักเขา ตอนนี้ เขาสามารถเมินเรื่องโลกภายในไปได้ก่อน เขาต้องจดจ่อกับถนนอมตะที่อาจปรากฏ
เขาได้เตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว และตอนนี้ เขาแค่ต้องรอโอกาสที่เหมาะสม มันแค่ว่าเขาไม่รู้ว่าถนนอมตะจะปรากฏตอนไหนกันแน่
แต่ในไม่ช้า กู่ฉางเกอก็นึกถึงใครบางคน ภรรยาเขา..ไม่สิ ว่าที่ภรรยา
เยวี่ยหมิงคง!
ในเมื่อนางคือผู้ย้อนเวลา นางก็ต้องรู้ว่าถนนอมตะจะปรากฏตอนไหน มันแค่ว่ามันไม่ง่ายที่จะคุยกับนาง
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ากู่ฉางเกอเดาไม่ผิด งั้นเยวี่ยหมิงคงก็ต้องกำลังเดินทางมาแน่ เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือศัตรูตัวฉกาจสุดของนางในเส้นเวลาก่อน ถ้านางปรารถนาจะแก้แค้นเขา นางก็ต้องฉวยโอกาสนี้
สำหรับที่ว่าเขาจะขโมยโอกาสของภรรยา?กู่ฉางเกอไม่รู้สึกผิดเลย
นางเป็นของเขา โอกาสนั้นจึงเป็นของเขาไปโดยปริยาย
แถม การขโมยโอกาสของภรรยาจะยังเรียกว่าขโมยได้อีกเหรอ?
กู่ฉางเกอรู้ดีว่าเขาไม่สามารถล้างความเกลียดชังที่นางมีต่อเขาได้ในวันหรือสองวัน บางทีนางคงชินกับเขาและยอมแพ้ไปเองหลังโดนเขารังแกไปสักพัก
เขาปฏิบัติต่อนางอย่างดีโดยไม่ฆ่านาง เหนือสิ่งอื่นใด แม้เขาจะชั่วร้าย แต่ก็ไม่ใช่ปีศาจคลั่งที่ชอบนองเลือด
ไม่ว่าจะเป็นกู่เซียนเอ๋อร์หรือเยวี่ยหมิงคง กู่ฉางเกอไม่เลือกฆ่า มันไม่ใช่ว่าเขาทำไม่ได้ แต่เขารู้สึกว่ามันน่าเบื่อเกินไป ถ้าเขาทำเช่นนั้น งั้นอะไรคือความต่างระหว่างเขากับตัวเขาคนเดิมที่โดนมารครอบงำ?
“หยานจี..”
ไม่ช้า สีหน้าของกู่ฉางเกอก็สงบลงและเขาก็เรียกหยานจีผ่านหินสื่อสาร
หยานจีติดตามเขามาตลอด มันแค่ว่านางซ่อนตัวในที่ม ดและไม่เผยตัว เพราะเหตุนี้ จึงมีน้อยคนในนี้ที่รู้ว่าเขามีลูกน้องอาณาจักรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์คอยตาม
ต้องรู้ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสบางคนของวังเต๋าก็ยังไม่ถึงระดับนี้!
ไม่ช้า มิติด้านหน้าเขาก็ผันผวน และหยานจีก็เดินออกมา ทักทายเขาด้วยความเคารพ”นายน้อย’
นับตั้งแต่นางกลับจากแดนเซียนต้องห้าม นางก็พักฟื้นบาดแผลที่นางได้รับ
ถ้านางไม่รีบใช้เครื่องรางทำลายเขตแดน นางคงถูกส่งลงโลงไปแล้ว
กู่ฉางเกอเหลือบมองนาง และจากนั้นก็ถามด้วยการพยักหน้า“บาดแผลเจ้าเป็นอย่างไร?”
“ขอบคุณนายน้อยที่เป็นห่วง เม็ดยาที่ท่านมอบให้ข้าแทบเยียวยาแผลข้าจนหมดแล้ว”
หยานจีตอบ
กู่ฉางเกอใจดีกับนางมาก หลังนางบาดเจ็บ เขาก็คอยมอบยาคุณภาพดีให้นางและยังไม่มอบหมายงานอื่นให้นาง
ตอนนี้ที่เขาเรียกนาง สิ่งแรกที่เขาถามนางยังเป็นสภาพบาดแผล หยานจีจึงอดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้ แม้นางจะไม่แสดงอะไรบนหน้า แต่ในใจนางกลับอบอุ่นมาก
“เยี่ยม ข้ามีงานให้เจ้า”
กู่ฉาเงกอพยักหน้า
“นายน้อย เชิญสั่งข้าได้เลย’
หยานจีพูด
“ช่วยข้าหาที่อยู่ของเจ้าหญิงสี่แห่งราชวงศ์เซียนสูงสุดในสวรรค์ไร้ขอบเขตนี้ นอกจากนี้ อย่าให้นางสังเกตเห็นเจ้าด้วย”
กู่ฉางเกอพูด
ไม่มีทางที่เยวี่ยหมิงคงจะไม่มา มันแค่ว่าเขามั่นใจว่านางจะมาเงียบๆ หาที่ซ่อนตัว
หลังเขา’จัดการ’กับนางในตระกูลกู่ นางก็หลบซ่อนตัวจากเขา
กู่ฉางเกอมองเห็นผ่านกลอุบายนาง แต่เขาต้องให้นางปรากฏต่อหน้าเขาตอนนี้ ในเมื่อนางมายังสวรรค์ไร้ขอบเขต งั้นก็ไม่มีเหตุผลที่นางจะไม่มาเจอหน้าสามีนาง
เขาจะไม่รู้ได้ไงว่าเยวี่ยหมิงคงวางแผนอะไร?
“ถ้าเจ้าถูกนางสังเกต งั้นก็แค่เผยตัวและบอกนางว่าข้าจะไปจับนางเองถ้านางไม่มาเจอข้า”
กู่ฉางเกอพูดเสริม
“เข้าใจแล้ว นายน้อย”
ไม่ช้าหยานจีก็จากไป
นางรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหญิงสี่กับกู่ฉางเกอ
เจ้าหญิงสี่แห่งราชวงศ์เซียนสูงสุดคือธิดาสวรรค์ที่มีชื่อเสียงมาก และนางยังเป็นเจ้าหญิงรัชทายาทของราชวงศ์เซียนสูงสุด ถึงแม้นางจะหมั้นแล้ว แต่ก็ยังมีอัจฉริยะนับไม่ถ้วนที่หมายครองนาง
เรื่องสำคัญสุดคือนางได้ยินข่าวลือในตระกูลกู่ว่าเจ้าหญิงสี่เกาะติดกู่ฉางเกอมาก แต่นายน้อยกู่มักปฏิบัติต่อนางด้วยความไม่แยแสและไม่เคยสนใจ
แต่ตอนนี้ เจ้าหญิงสี่ดูเหมือนจะหลบเลี่ยงกู่ฉางเกอ?ทำไม?
หยานจีสับสน จากสิ่งที่นางเคยเห็นในตัวกู่ฉางเกอ เขาไม่ใช่คนที่จะปฏิบัติกับคนอื่นแบบนั้น
หรือเขาจะไม่ชอบเจ้าหญิงสี่?
เห้อ มันเปล่าประโยชน์ที่นางจะคิดเรื่องนี้ เหนือสิ่งอื่นใด มันไม่ใช่สิ่งที่นางจะคาดเดาได้