SWO ตอนที่ 5 ที่แท้ข้าก็คืออัจฉริยะไร้เปรียบ
วันรุ่งขึ้นโรงเรียนมัธยมเมืองฉูเกิดความโกลาหลขึ้น
"อะไรนะ? โรงเรียนมัธยมเมืองฉูของเรามีอัจฉริยะไร้เปรียบ?”
“เป็นไปไม่ได้ โรงเรียนมัธยมเมืองฉูของเราอยู่ในอันดับท้าย ๆ ของโรงเรียนมัธยมทั้งหมดมานานกว่าห้าหกปีแล้ว ทำไมจู่ ๆ ถึงมีอัจฉริยะไร้เปรียบได้?”
“เจ้าไม่เชื่อข้า? หรือว่าเจ้าไม่ได้สังเกตเลยรึว่าตอนนี้ทางเข้าโถงฝึกฝนถูกปิดอยู่? บางคนกระทั่งเห็นตัวเลขบนเครื่องทดสอบแก่นโลหิต และเครื่องทดสอบกำลังด้วยตาของพวกเขาเองด้วยซ้ำ”
“แก่นโลหิต 2,000 หน่วย กำลัง 13,000 กิโลกรัม นี่มันบ้าอะไรกัน ไร้สาระสิ้นดี!”
โจวเฮาที่เพิ่งเข้ามาในห้องเรียนเมื่อได้ยินเรื่องพวกนั้นเข้าก็ตกตะลึง
“อัจฉริยะไร้เปรียบ? หรือจะเป็นเพราะสิ่งที่ข้าทำเมื่อคืนนี้?” เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงรีบไปข้างหน้าเพื่อถามเพิ่มเติม
เมื่อคืนที่ผ่านมา เขาเผลอทำลายอุปกรณ์ชั้นนำของโรงเรียนไปสองชิ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเขากลับถึงบ้าน เขาถึงกับไม่สบายใจจนนอนไม่หลับด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่าเป็นโจวเฮา เพื่อนร่วมชั้นก็ขมวดคิ้ว “เจ้าต้องไม่รู้แน่ว่าเมื่อคืนนี้ที่โรงเรียนของเราเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น”
"เรื่องใหญ่?" โจวเฮาถาม
“ก็เมื่อวานหน่ะสิ มีนักเรียนคนหนึ่งแอบเข้าไปในโถงฝึกฝนเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งตัวเอง แล้วเจ้ารู้อะไรไหม ค่าทดสอบของเขาทุกอย่างมันเป็นขีดจำกัดของผู้ฝึกยุทธขั้นสูง! เจ้าไม่คิดว่ามันสุดยอดบ้างเลยรึ?” ยิ่งอีกฝ่ายพูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ราวกับเขาเป็นอัจฉริยะไร้เปรียบที่กล่าวถึงเสียเอง
"อ้อ ข้าก็ว่างั้น!"
เวลานี้โจวเฮามั่นใจแล้วว่าอัจฉริยะไร้เปรียบที่พวกเขากล่าวถึงนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวเขาเอง
อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการให้โรงเรียนติดตามเรื่องนี้อีกต่อไป
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่มีปัญญาจ่ายค่าอุปกรณ์ทดสอบราคาแพงทั้งสองชิ้นได้
“บางทีมันอาจเป็นข่าวลวงก็ได้ ถึงอย่างไรนักเรียนที่ดีที่สุดของโรงเรียนเราอย่างซูหลิงก็ยังอยู่ที่ขั้น 3 ของแก่นโลหิตเท่านั้น” เขาส่ายหัว
เพื่อนร่วมชั้นหญิงเยาะเย้ยทันที “โจวเฮา เจ้าจะไปรู้อะไร? เจ้าสามารถจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของอัจฉริยะไร้เปรียบได้ไหม?”
เพื่อนร่วมชั้นบางคนกล่าวขึ้น “ช่าย ดั่งแมลงฤดูร้อนที่ไม่เคยเห็นน้ำแข็ง โลกของอัจฉริยะไร้เปรียบจะเป็นสิ่งเจ้าเข้าใจได้เช่นไร โจวเฮา ข้าว่านะอย่างน้อยเจ้าควรเอาเวลาไปคิดเรื่องวิธีทะลวงแก่นโลหิตขั้นแรกเถอะ”
โจวเฮาพูดไม่ออก
เขาขี้เกียจเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระกับเพื่อนร่วมชั้นตาบอดกลุ่มนี้ต่อไป
เขากวาดตามองห้องเรียน และขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าจางอี้ไม่อยู่ เพราะโดยปกติแล้วจางอี้จะเป็นคนแรกที่มาถึง
“จางอี้อยู่ไหน?” เขาถามเพื่อนร่วมชั้นที่สนิทกับจางอี้
“โอ้ จางอี้เหรอ ข้าคิดว่าเขาน่าจะกำลังทำงานอยู่ในโรงอาหาร” เพื่อนร่วมชั้นตอบ
โจวเฮารู้สึกผิดทันที เมื่อวานนี้เขาได้ยืมเงิน 1,000 หยวนจากจางอี้มา ทำให้เขาต้องทำงานในโรงอาหารตั้งแต่เช้าตรู่
เขารีบออกจากห้องเรียนไปที่โรงอาหารทันที
เมื่อมาถึง โรงอาหารก็ได้รับการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว
โจวเฮามองไปรอบ ๆ และเห็นจางอี้กำลังนั่งยอง ๆ กินซาลาเปากับผักดองอยู่ในมุมหนึ่ง บางทีซาลาเปาสกปรกอาจเป็นของที่ถูกคนอื่นทิ้งไว้
“จางอี้” เขาเรียกเบา ๆ ขณะที่เดินไปหา
จางอี้เงยหน้าขึ้น และยิ้มออกมาเมื่อเขาเห็นว่าเป็นโจวเฮา"ลมอะไรหอบเจ้ามา?"
โจวเฮาอดถามไม่ได้ “เจ้ากินแค่นี้เองเหรอ?”
“ไม่เป็นไร ข้าชินแล้ว” จางอี้ยิ้ม
“รอเดี๋ยวนะ ข้าจะรีบจัดการให้เสร็จ” ขณะพูดจางอี้ก็รีบกลืนอาหารลงไป
"ข้าขอโทษ ทุกอย่างมันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่น่ายืมเงินจากเจ้าเลย” โจวเฮากล่าวด้วยความเสียใจ
จางอี้ที่เห็นอย่างนั้นจึงกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว “เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร? ถึงอย่างไรเราก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน หากเจ้ามีปัญหายังไงข้าก็ต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว”
เมื่อเห็นว่าโจวเฮาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง จางอี้จึงเปลี่ยนเรื่อง “ยังไงก็เถอะ เจ้าเคยได้ยินเรื่องอัจฉริยะไร้เปรียบที่ปรากฏขึ้นในโรงเรียนของเราเมื่อคืนนี้บ้างไหม?”
“หลายคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ แม้แต่คนในห้องของเราก็กำลังพูดถึงมันเช่นกัน”
เมื่อถึงจุดนี้เขาก็กระซิบเสียงเบา “ข้าว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้น่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะวันนี้ข้าได้รับมอบหมายจากทางโรงเรียนให้ทำความสะอาดโถงฝึกฝน และได้เห็นค่าของอุปกรณ์ทั้งสองด้วยตาของข้าเอง”
"มันน่าทึ่งมาก หากข้าทำได้ถึงหนึ่งในสิบของมัน ข้าคงจะตื่นขึ้นพร้อมกับหัวเราะในความฝัน”
โจวเฮามองไปยังจางอี้ที่กำลังอิจฉาพร้อมกล่าวอย่างหนักแน่น “จางอี้ ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องทำได้แน่”
"ข้าก็หวังเช่นนั้น!"
จางอี้กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ ครอบครัวของจางอี้นั้นยากจนกว่าของโจวเฮามาก แถมเขายังมีน้องสาวที่เรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมต้นอีกด้วย ดังนั้นจางอี้จึงมีทรัพยากรให้ใช้น้อยมาก
หนึ่งวันผ่านไปในพริบตา
ข่าวที่โรงเรียนมัธยมเมืองฉูมีอัจฉริยะไร้เปรียบได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองระดับบน
ผู้มีอิทธิพลจำนวนมากที่สามารถเห็นได้เพียงทางโทรทัศน์เท่านั้นถึงกับไปเยี่ยมชมโรงเรียนมัธยมเมืองฉู
แต่สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับโจวเฮา
เขาในเวลานี้กำลังคิดวิธีหาเงินอย่างรวดเร็ว ประการแรก เขาต้องการคืนเงินที่ยืมมา และปรับปรุงชีวิตของครอบครัวเขา ประการที่สอง เขาต้องการซื้อกล่องปริศนาเพิ่ม
ในสำนักงานของอาจารย์ใหญ่…
หลังจากต้อนรับบุคคลสำคัญมากมาย อาจารย์ใหญ่เจิ้งและคณบดีก็หมดแรง พวกเขานั่งอย่างเกียจคร้านบนเก้าอี้สำนักงานโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของพวกเขา
คณบดีเตรียมน้ำร้อนสองถ้วยแล้ววางลงบนโต๊ะ เขาขมวดคิ้ว และกล่าว “อาจารย์ใหญ่เจิ้ง ดูเหมือนว่าผู้นำจากสำนักจะไม่เชื่อว่าอัจฉริยะไร้เปรียบได้ปรากฏตัวขึ้นในโรงเรียนมัธยมของเรา ทัศนคติของเจ้าเมืองก็ดูคาดเดาไม่ได้เช่นกัน และดูเหมือนจะยากมากหากเราต้องการใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการเพิ่มทรัพยากรบางอย่าง”
อาจารย์ใหญ่เจิ้งไม่สนใจ และกล่าว “เป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมผู้นำสำนัก และเจ้าเมืองนั้นถึงระมัดระวัง ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งพวกเขายังไม่สามารถทำผิดพลาดได้ นอกจากนี้ หากไม่ได้พบกับอัจฉริยะคนนั้นเป็นการส่วนตัว จะให้พวกเขาเชื่อเพียงลมปากงั้นรึ? ข้าคนหนึ่งที่จะไม่เชื่อ”
คณบดีพยักหน้า
เป็นเช่นนั้น
เรื่องนี้ไม่ว่ามองอย่างไรก็ยุ่งยากจริง ๆ
โรงเรียนมัธยมเมืองฉูของพวกเขาได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับท้าย ๆ ของอันดับรวมโรงเรียนมัธยมทุกแห่งมาหลายปี มาตอนนี้จู่ ๆ พวกเขาก็อ้างว่ามีอัจฉริยะไร้เปรียบปรากฏจัวขึ้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ยินคงคิดว่าผู้นำของโรงเรียนนี้กำลังโกหก
ส่วนแรงจูงใจในการโกหกก็คงเป็นการขอทรัพยากรจากทางเมืองเพิ่ม
“ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี?” คณบดีถาม
อาจารย์ใหญ่เจิ้งจิบน้ำร้อน และยิ้มราวกับจิ้งจอก “ง่ายมาก เราแค่ต้องหาอัจฉริยะคนนั้นให้เจอ!”