SWO ตอนที่ 4 พลังทะลุหลอด!
โจวเฮาไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าค่าที่ออกมาจากเครื่องมือทดสอบแก่นโลหิตจะทะลุหลอดเพียงเพราะเขาหมุนเวียนเทคนิคฝึกฝนของเขาอย่างไม่ตั้งใจแบบนี้!
“นี่มันอุปกรณ์ขยะอะไรเนี่ย!”
เขาพูดไม่ออก ก่อนจะย้ายไปที่เครื่องวัดกำลัง
เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อครู่ เขาจึงไม่กล้าใช้กำลังมากเกินไป และทำเพียงชกอุปกรณ์เบา ๆ
บูม
เครื่องมือทดสอบที่สามารถทนต่อการโจมตีเต็มกำลังของผู้ฝึกยุทธได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยเสียงดังแคร็ก
โจวห่าวตกตะลึง..
เขาสาบานเลยว่าเขามาที่นี่เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของเขาจริง ๆ ไม่ใช่เพื่อทำลายข้าวของ
“มีผู้บุกรุกในโถงฝึกฝนของโรงเรียน เปิดสัญญานเตือนเร็วเข้า!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สังเกตเห็นเพื่อนร่วมงานนอนอยู่บนพื้นตะโกนขึ้น
กริ๊งงง กริ๊งงง
เสียงเตือนดังขึ้น
โจวเฮารีบหลบหนีไปทันทีโดยไม่คิดซ้ำสอง
เขาเร็วมากจนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองไม่เห็นแม้แต่เงา ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวมันก็ไม่มีใครอยู่ในโถงฝึกฝนแล้ว
ไม่นานข่าวผู้บุกรุกที่โถงฝึกฝนก็มาถึงหูของผู้นำโรงเรียน
แม้จะเวลาดึกดื่นแต่อาจารย์ใหญ่ คณบดี และผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียนต่างก็รีบไปที่โรงเรียน
อุปกรณ์ทดสอบในโถงฝึกฝนเป็นรากฐานของโรงเรียน ถ้ามันหายไปครึ่งหนึ่งของโรงเรียนจะหายไป
“เร็วเข้า ตรวจสอบว่ามีอุปกรณ์หายไปหรือไม่!” อาจารย์ใหญ่เจิ้งตะโกนขึ้นอย่างกังวล
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ตรวจไปมาซ้ำหลายครั้งก็ตรวจซ้ำอีกรอบ แม้แต่คณบดีก็เริ่มตรวจสอบกับเขาด้วย
แต่หลังจากตรวจสอบแล้ว คณบดีก็ต้องตกตะลึง
หัวใจของอาจารย์ใหญ่เจิ้งเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเขาเห็นปฏิกิริยาของคณบดี เขาสงสัยว่าพวกเขาทำอุปกรณ์ทดสอบแก่นโลหิตที่สำคัญที่สุดหายหรือไม่
เขารีบเดินเข้าไปทันที
เมื่อเห็นว่าอุปกรณ์ทดสอบแก่นโลหิตนั้นยังอยู่ดี ในที่สุดเขาก็ผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น และเห็นค่าที่อุปกรณ์ทดสอบแสดงออกมา เขาก็ตกตะลึง
“2,000 หน่วย!”
เข็มถูกวางไว้ที่ด้านขวาสุด
“นี่ นี่มัน…” อาจารย์ใหญ่เจิ้งตกใจจนพูดไม่ออก 2,000 หน่วยเป็นค่าความแข็งแกร่งสูงสุดของผู้ฝึกยุทธขั้นสูง
นักเรียนที่โดดเด่นที่สุดในโรงเรียนอย่างซูหลิงยังทำได้เพียง 300 หน่วยเท่านั้น
“อาจารย์ใหญ่ ดูนี่สิ” คณบดีชี้ไปที่เครื่องทดสอบกำลัง
อาจารย์ใหญ่เจิ้งรีบเร่งและจ้องไปที่ค่าสูงสุดบนเครื่องทดสอบทันที
“13,000 กิโลกรัม”
ในทำนองเดียวกัน นี่คือขีดจำกัดของผู้ฝึกยุทธขั้นสูง อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งพอ ๆ กับผู้ฝึกยุทธขั้นสูงเท่านั้น มันก็เหมือนกับที่มีคนทำคะแนนได้ 100 คะแนนในการทดสอบเพราะพวกเขาทำได้เพียง 100 คะแนน ในขณะที่มีคนทำได้ 100 คะแนนเพียงเพราะคะแนนสูงสุดในการทดสอบมีเพียง 100 คะแนนเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าในสถานการณ์นี้ ผู้ที่ทดสอบความแข็งแกร่งของเขาบนอุปกรณ์คืออย่างหลัง
อาจารย์ใหญ่เจิ้งสูดหายใจเข้าลึก ๆ “เป็นไปได้ไหมว่าผู้ฝึกยุทธขั้นสูงจะแอบมาที่โรงเรียนของเราเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของเขา”
อาจารย์ใหญ่เจิ้งไม่สามารถเชื่อเช่นนั้นได้
ทำไมผู้ผู้ฝึกยุทธขั้นสูงถึงต้องมาที่โรงเรียนเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเขา? ถ้าพวกเขาต้องการทดสอบความแข็งแกร่ง แน่นอนว่าพวกเขาจะไปที่สหพันธ์ศิลปินป้องกันตัวหรือไม่ก็ร้านค้าของพันธมิตรใต้ดินเพื่อทดสอบให้ได้ผลอย่างแม่นยำ
“กัปตันหวาง คืนนี้มีอาจารย์มาที่โรงเรียนหรือไม่?” คณบดีนึกถึงอาจารย์ของโรงเรียนจึงรีบถามออกมา
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยส่ายหัว และกล่าวอย่างลังเล “ไม่มีอาจารย์มาที่โรงเรียนครับ แต่เป็นนักเรียนที่อ้างว่าอยู่ปี 3 ที่มา”
“เรียนปีสาม?”
อาจารย์ใหญ่เจิ้ง และคณบดีอุทานออกมาพร้อมกัน
"ใช่ครับ เป็นนักเรียนที่สวมชุดนักเรียน และหมวกสีดำ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกคนหนึ่งกล่าว
อาจารย์ใหญ่เจิ้งรู้สึกตื่นเต้น “รีบไปที่ห้องรักษาความปลอดภัยกันเถอะ”
ไม่นาน กลุ่มผู้บริหารของโรงเรียนก็รีบไปที่ห้องรักษาความปลอดภัย และเปิดกล้องวงจรปิด
จริงอย่างที่เขาว่า!
ในภาพเป็นนักเรียนที่สวมเครื่องแบบของโรงเรียนมัธยมเมืองฉู อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมุมทำให้พวกเขามองไม่เห็นใบหน้าของนักเรียนคนนั้น จากนั้นพวกเขาจึงรีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโถงฝึกฝน
มันยังคงเป็นนักเรียนหมวกดำคนเดิม!
อาจารย์ใหญ่เจิ้ง และคณบดีต่างมองหน้ากัน พวกเขาเห็นความปีติยินดีบนใบหน้าของกันและกัน!
แก่นโลหิต 2,000 หน่วย
กำลัง 13,000 กิโลกรัม
ไม่ว่าจะเป็นอันไหน มันก็แสดงถึงขีดจำกัดของผู้ฝึกยุทธขั้นสูง
อาจารย์ใหญ่เจิ้ง และคณบดีจะไม่แปลกใจเลยหากผู้ฝึกยุทธอาวุโสที่อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารนอกเมืองสามารถบรรลุมาตรฐานดังกล่าวได้
แต่ตอนนี้มันถูกยืนยันกลาย ๆ แล้วว่าเป็นความแข็งแกร่งของนักเรียนปีสาม!
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตื่นเต้นอย่างมาก
“ในปัจจุบันนับจากบรรดาโรงเรียนมัธยมปลายในฐานทั้งเก้าของประเทศ นักเรียนที่โดดเด่นที่สุดคือทายาทสายตรงของตระกูลเฉิง ความแข็งแกร่งของเขาเวลานี้คือผู้ฝึกยุทธขั้นกลาง!” คณบดีพูดออกมาทีละคำ
ใบหน้าของอาจารย์ใหญ่เจิ้งเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำ เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะสว่างขึ้นในทันใด
“อัจฉริยะ อัจฉริยะไร้เปรียบ!!”
คณบดีก็พยักหน้าอย่างหนักแน่นเช่นกัน “เขาบรรลุถึงขีดจำกัดของผู้ฝึกยุทธขั้นสูงในปีสามของมัธยมปลาย เขาต้องเป็นอัจฉริยะไร้เปรียบซึ่งถือกำเนิดขึ้นหลังจากดาวเคราะห์โลกได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมายนับร้อยปี!!”
“ที่สำคัญที่สุด อัจฉริยะไร้เปรียบคนนี้เป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมเมืองฉูของเรา!”
เมื่อเขาได้ยินคณบดีพูดคำว่าโรงเรียนมัธยมเมืองฉู อาจารย์ใหญ่เจิ้งก็ดูราวกับถูกฉีดเลือดไก่ เขาตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
เขาเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนนี้มาหลายสิบปีแล้ว ซึ่งในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งมันไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย
แต่เมื่อใกล้ถึงเวลาเกษียณ อัจฉริยะที่โดดเด่นก็ปรากฏตัวขึ้นในโรงเรียน
รู้แบบนี้แล้วจะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร?
“อาจารย์ใหญ่ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาอัจฉริยะไร้เปรียบคนนี้ และคิดว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร” คณบดีสงบกว่าอาจารย์ใหญ่เจิ้งมาก และพูดด้วยเสียงต่ำ
ทันทีที่อาจารย์ใหญ่เจิ้งได้ยินดังนั้น ความตื่นเต้นของเขาก็ค่อย ๆ สงบลง
เพราะท้ายที่สุดแล้วกล้องวงจรปิดก็จับภาพใบหน้าของนักเรียนคนนี้ไม่ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น การเกิดของอัจฉริยะไร้เปรียบในโรงเรียนก็เป็นเรื่องใหญ่
พวกเขาต้องคิดอย่างรอบคอบว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
หลังจากผ่านการพิจารณาอย่างจริงจัง อาจารย์ใหญ่เจิ้งก็หันกลับมา และมองไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูง กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่น ๆ ก่อนจะกล่าวอย่างเคร่งขรึม “พวกเจ้าห้ามทำให้เรื่องในคืนนี้รั่วไหลเด็ดขาด เราจะประกาศให้ทราบเองหลังจากที่เราพบสุดยอดอัจฉริยะคนนั้นแล้ว”
เจ้าหน้าที่ระดับสูง และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่น ๆ พยักหน้า
แต่ลึก ๆ ทุกคนรู้ดี…
เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะถูกซ่อนไว้ได้อย่างไร?