บทที่ 7 เรียนที่โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่ง
ถามแล้วถามอีก แต่จู่ๆ ปู่เจียงก็หยุดถามทันที แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า "เนี่ยนเนี่ยน ปู่ได้ยินมาว่าหลานดรอปเรียน* ไปหนึ่งปีแล้ว ตอนนี้หลานกำลังจะเรียนชั้นมัธยมปลายปี 3 ใช่ไหม?อยากไปโรงเรียนมัธยมปลายที่ไหนไหม? มีโรงเรียนที่ชอบหรือเปล่า?"
*(休学 พักการเรียน ดรอปเรียน)
โรงเรียนมัธยมปลาย
เฉียวเนี่ยนที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับการดื่มน้ำซุป เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็หรี่ตาลง
ถ้าปู่ไม่เอ่ยถึง เธอก็ไม่เคยคิดเรื่องที่จะกลับไปโรงเรียนเลย
สำหรับเธอแล้ว โรงเรียนมัธยมปลายและมหาวิทยาลัยเป็นเพียงประกาศนียบัตร และเธอก็ไม่ได้ต้องการสิ่งนั้นมาต้องนานแล้ว
แต่ตอนนี้ เฉียวเนี่ยนครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นและส่ายหน้า "หนูยังไม่ได้ตัดสินใจเลย"
เจียงเซียนโหรวมองว่าความลังเลของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ว่าการเรียนนั้นแย่ มีเกรดไม่ดี ก็เลยหัวเราะเยาะในใจ สอบเข้ามัธยมปลายไม่ผ่านก็คือสอบไม่ผ่าน แต่กลับบอกว่ายังไม่ได้ตัดสินใจ ส่วนปู่ก็จริงๆ เลย ยังจะถามว่าอีกฝ่ายว่าชอบโรงเรียนไหนอีก!
ชอบก็สามารถสอบเข้าได้เหรอ?
เย่วั่งชวนเหลือบมองหญิงสาวที่รับประทานอาหารอย่างมีมารยาท เขาเหยียดร่างกายของตัวเองและเอนหลังพิงเก้าอี้ แล้วพูดกับหญิงสาวอย่างสบายๆ ว่า "โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งก็ไม่แย่"
"โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่ง?" เดิมทีปู่เจียงอยากจะพาเฉียวเนี่ยนกลับไปเรียนต่อที่ปักกิ่ง แต่เขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และคิดได้ทันทีว่าเฉียวเนี่ยนยังคงมีระยะห่างระหว่างฐานะ อีกทั้งยังเป็นคู่หมั้นของเย่วั่งชวน! ผู้คนในเมืองปักกิ่งมีสายตามากมาย เนี่ยนเนี่ยนจะกลับไปที่ปักกิ่งด้วยช่องหว่างขนาดใหญ่ได้ยังไง แบบนี้ เขาอาจจะปกป้องเธอไม่ได้ หลังจากคิดเล็กน้อยเขาก็ตกลงทันที "โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งก็ไม่เลวนะ ยิ่งทั้งคุณภาพของการสอนก็โอเค เนี่ยนเนี่ยนล่ะ หลานคิดเห็นอย่างไรบ้าง?"
โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่ง?
เฉียวเนี่ยนเม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่อยากอยู่ในวงแหวนรอบนอกนี้อีกต่อไปแล้ว
แต่เมื่อเธอลืมตาขึ้นเพื่อพบกับท่าทางที่คาดหวังของชายชรา เธอก็เข้าใจและพยักหน้า "หนูยังไงก็ได้ค่ะ"
"งั้นก็โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งนะ"
เขากำลังพักรักษาตัวอยู่ที่ปักกิ่ง จงจิ่นก็ยังทํางานที่กรุงปักกิ่ง แต่ถ้าเฉียวเนี่ยนต้องการอยู่วงแหวนรอบนอก เขาก็สามารถทำได้แค่เลือกคนจากในห้องมาสองคนเพื่อให้ช่วยดูแลเท่านั้น
เขามองไปรอบๆ เจียงเซียนโหรวและคนอื่นๆ ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า "พี่ชายรองของหลานมีบ้านอยู่ที่วงแหวนรอบนอกนี้ ในปีสุดท้ายของมัธยมปลาย นอกจากโรงเรียน หลานยังสามารถไปอยู่บ้านเขาชั่วคราวได้"
ทันทีที่คําเหล่านี้ออกมา นอกจากเจียงหลีแล้ว ครอบครัวที่เหลืออีกสามคนก็ดูสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
เจียงหลีมีบ้านแยกอยู่ข้างนอก แต่ชายชราจัดการให้คนนอกอย่างชัดเจน มันหมายความว่ายังไง? กันพวกเขาออกเหรอ?
เจียงเซียนโหรวยังเป็นเด็กอยู่ ทำหน้าบึ้งทันที ริมฝีปากเม้มและแสดงความไม่พอใจของตัวเองออกมา
เจียงจงหนานยังดูปกติดีอยู่ เพียงแค่รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง ถังหว่านหรูซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กำลังเช็ดปากของตัวเองอย่างสง่างาม และดูเหมือนจะดูถูกเหยียดหยามในการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้
เย่วั่งชวนพูดด้วยท่าทางผ่อนคลาย "ผมก็อยู่วงแหวนรอบนอกสักพัก สามารถช่วยดูแลเธอได้"
เฉียวเนี่ยนเงยหน้าขึ้นมองเขา บังเอิญไปพบกับสายตาของใครบางคน
แววตานี้…
เธอเกือบสำลักซุปในลำคอ ตัวเองเลยเบี่ยงสายตามองไปทางอื่น
…
ด้านนอกห้อง
เฉียวเชินและเฉียวเว่ยหมินไม่ได้สนใจมื้ออาหารตรงหน้าเลย พวกเขาต่างก็ครุ่นคิดก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเฉียวเนี่ยน ใจลอย* ขณะที่พูดไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้
*(心不在焉 ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใจลอย)
โชคดีที่เหออวี้เจวียนและถังเวยมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่าหลังจากสอบเข้ามัธยมปลายเสร็จ เธอจะเข้าสู่สายศิลปะ
จิตใจที่ทรมานของเฉียวเชินก็รู้สึกดีขึ้น
หลังมื้ออาหาร แขกทั้งหลายต่างก็มีความสุข
เหออวี้เจวียน เฉียวเว่ยหมินและคุณนายฟู่ต้องการส่งสองแม่ลูกถังเวย เฉียวเชินก็รู้สึกเหมือนกัน
หลังออกจากสุ่ยเซี่ยซวน เมื่อฟู่เกอเห็นว่าเฉียวเชินหน้าซีดและดูเหม่อลอย จึงเดินเข้าไปกระซิบถามว่า "เป็นอะไร?"
เมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดของเขา เฉียวเชินก็กัดริมฝีปากและส่ายหัว แล้วตอบอย่างนุ่มนวลว่า "ไม่เป็นไร เพียงแค่ปวดหัวเล็กน้อย"