บทที่ 5 นั่นคือยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆ
หลังจากที่คิดเกี่ยวกับมัน เฉียวเนี่ยนก็ลืมตาขึ้น และค่อยๆ ก้าวขาเดินตามเย่วั่งชวนไป
สุ่ยเซี่ยซวนมีขนาดใหญ่มาก แต่ชายคนนี้ดูจะคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี เขาเป็นชายหนุ่มที่ตัวสูง ขายาว และดูเหมือนจะเป็นคนที่เดินเร็วมาก แต่ว่าเฉียวเนี่ยนมักจะอยู่ห่างจากเขาเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น
เธอขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย พร้อมกับบีบสายกระเป๋าเป้ที่อยู่บนไหล่ของตัวเอง แต่จู่ๆ เธอก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย
ในขณะที่เธอกำลังมองหาพ่อแม่ผู้ให้กําเนิดเพียงเพื่อดูว่าพวกเขาเป็นใคร แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอกําลังตกอยู่ในสถานการณ์ยุ่งเหยิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…
“เฉียวเนี่ยน?”
ในขณะที่เฉียวเนี่ยนกำลังเดินตามผู้นำทางไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านข้าง ตะโกนเรียกชื่อเธอด้วยความประหลาดใจ
ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นกลุ่มคนที่ยืนอยู่ในความมืดไม่ไกลมากนัก
เฉียวเว่ยหมิน นายหญิงผู้เฒ่าเฉียว และเฉียวเชิน ที่เพิ่งแยกจากเธอได้ไม่นานนัก ซึ่งตอนนี้ทุกคนได้รวมตัวกันอยู่ที่นี่
นอกจากเฉียวเว่ยหมิน และคนอื่นๆ แล้ว ก็ยังมีฟู่เกอ มิสเตอร์ฟู่ และผู้หญิงอีกสองคนที่แต่งกายด้วยชุดถังจวง* อยู่ด้วย ส่วนชายหนุ่มคอยจับมือของชายชราผมสีขาวที่อยู่ในชุดสูทถังจวงสีกุหลาบแดง อีกทั้งบนรอบคอของเขายังสวมสร้อยคอมรกตสีเขียวเทอร์ควอยซ์ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกถึงความสง่างามและความเยือกเย็นที่ได้รับการตกตะกอนมาเป็นแรมปี และชายชราคนนั้นกำลังมองมาที่เธอจากระยะไกล พร้อมกับหันหน้าไปคุยกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ราวกับว่าเขากำลังถามว่าเธอนั้นเป็นใคร
*(唐装 คือ ชุดถังจวง หรือเสื้อคอจีน)
เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนอยู่ที่นี่ การแสดงออกบนใบหน้าของตระกูลเฉียวนั้นยอดเยี่ยมมาก
“เธอมาที่นี่ทําไม” เฉียวเว่ยหมินเดินเข้ามาหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว และถามด้วยน้ำเสียงบางเบา พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด
เฉียวเว่ยหมินให้เงินเฉียวเนี่ยน แต่เป็นเธอเองที่ไม่ต้องการ ตอนแรกเขายังคิดว่าเฉียวเนี่ยนเป็นคนที่มีกระดูกสันหลัง* แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะไล่ตามมาถึงที่นี่!
*(骨气 กระดูกสันหลัง หมายถึง ความซื่อสัตย์ที่แข็งแกร่งและแน่วแน่)
เฉียวเชินกำลังจะไปหาอาจารย์ และคนในตระกูลฟู่ก็อยู่ที่นี่ด้วย เขาจึงไม่อยากให้ทุกคนรู้เกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวภายในตระกูล ดังนั้น เขาจึงระงับความโกรธและพูดกับเฉียวเนี่ยนว่า “เนี่ยนเนี่ยน ถึงแม้ว่าฉันและคุณย่าของเธอจะไม่ได้ขับไล่เธอออกจากตระกูล แต่เธอก็ได้โพสต์ข้อความตามหาพ่อแม่แท้ๆ จนพบแล้วไม่ใช่เหรอ?แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงไม่กลับไปกับพ่อแม่ของเธอ และที่สำคัญ เธอมาทำอะไรที่นี่?”
เฉียวเว่ยหมินคิดว่าเฉียวเนี่ยนได้ยินพวกเขาคุยกันที่ชั้นล่าง และหญิงสาวตรงหน้าก็ตั้งใจตามพวกเขาขึ้นมาอย่างแน่นอน
เขาไม่ได้มองเย่วั่งชวนที่ยืนอยู่ข้างๆ เฉียวเนี่ยนแม้แต่น้อย จากนั้น เฉียวเว่ยหมินก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วพูดว่า “หรือเธอต้องการมาเอาเงินหนึ่งหมื่นหยวนใช่ไหม?”
เฉียวเว่ยหมินหยิบบัตรธนาคารออกจากกระเป๋าสตางค์ เพื่อที่จะนำมาให้เฉียวเนี่ยน
เฉียวเนี่ยนมองดูการกระทำของอีกฝ่ายด้วยสายตาเคืองโกรธ จากนั้นเธอก็หลับตาลง และกําลังจะอ้าปากพูด
ทันใดนั้นก็มีมือยื่นเข้ามาตรงหน้า และกดบัตรธนาคารของเฉียวเว่ยหมินกลับเข้าไปในกระเป๋าสตางค์ จากนั้นเขาก็คว้ามือของเฉียวเนี่ยนเอาไว้ แล้วหันมาพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “พวกเราไปกันเถอะ คุณปู่เจียงกําลังรอเธออยู่”
หัวคิ้วของเฉียวเนี่ยนแทบจะถูกดึงเข้าหากันในทันที คนที่รู้จักเธอ จะรู้ว่าเธอรู้สึกขยะแขยงและรังเกียจมากเมื่อถูกคนอื่นสัมผัส ซึ่งคนสุดท้ายที่อยากแตะต้องเธอถูกทุบตีจนถูกส่งเข้าโรงพยาบาล และนอนอยู่ที่นั่นเป็นเวลาถึงสามเดือนก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาล
แต่ในตอนนี้ มือซ้ายของเธอถูกจับไว้อย่างแน่นหนา อีกทั้งฝ่ามือใหญ่ที่ร้อนจัดกำลังโอบมือของเธอไว้อย่างสมบูรณ์ เฉียวเนี่ยนรู้สึกถึงเหงื่อชั้นดีในฝ่ามือของชายหนุ่ม จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่จับมือเธออย่างเป็นธรรมชาติ
ถ้าเขาต้องการจะช่วยเธอ เขาไม่จําเป็นต้องจับมือเธอก็ได้!
เฉียวเนี่ยนอยากจะสลัดมือข้างนี้ออกไปในทันที แต่สายตาของเธอก็เห็นกลุ่มคนในตระกูลเฉียวกำลังยืนมองพวกเธออยู่จากระยะไกล เธอจึงต้องกลืนคําพูดที่กำลังจะออกมาอย่างรวดเร็ว
เธอไม่ได้มองเฉียวเว่ยหมินด้วยซ้ำ และคงไม่ต้องไปพัวพันกับเฉียวเว่ยหมินอีกต่อไป
“อือ” เฉียวเนี่ยนส่งเสียงออกมาเล็กน้อย และเธอก็เดินตามหลังเย่วั่งชวนเข้าไปในห้องอาหารส่วนตัว ภายใต้สายตาการจ้องมองของตระกูลเฉียว
สมาชิกของตระกูลเฉียว รวมถึงเฉียวเว่ยหมินตกตะลึงในทันที
สุ่ยเซี่ยซวนแตกต่างจากที่อื่นๆ ซึ่งที่นี่ถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่ดีมาก และคืนนี้พวกเขายังพบปะสัมพันธ์มากมาย และได้จองเพียงห้องเล็กๆ ธรรมดาเท่านั้น แต่เฉียวเนี่ยนเพิ่งจะติดตามชายหนุ่มคนนั้นเข้าไปในห้องอาหารส่วนตัวขนาดใหญ่
ดูเหมือนว่ามีความแตกต่างกันเพียงสองคําเท่านั้น และช่องว่างนั้นเป็นตัวตนที่แสดงออกมา จึงถูกแยกออกจากกันโดยสมบูรณ์!