บทที่ 4 รถเปล่ามีราคา 2 ล้านหยวนขึ้นไป
เฉียวเนี่ยนหลบมือที่ยื่นออกมาอย่างไร้ซุ่มเสียง เธอเดินตามหลังเขาห่างออกไปหนึ่งก้าวเสมอ เสียงแหบแห้งสบายๆ พูดขึ้นมาชัดเจน "ไม่ถือสา"
เจียงหลีมองไปที่มืออันว่างเปล่า แล้วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาเหลือบมองไปยังลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยที่ดูอ่อนโยนและอ่อนแอด้านข้าง คาดไม่ถึงว่าดวงตาของอีกฝ่ายกำลังดูสับสน
เธอจะเก็บซ่อนไว้ได้ยังไง เขาเห็นมันไม่ชัดเจนด้วยซ้ำ
เจียงหลีคิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด โดยที่ไม่คิดอะไรมากอีก เขาก็เดินไปที่ประตูรถและช่วยเธอเปิดประตูของเบาะหลัง
"ข้างนอกมันร้อน ขึ้นรถก่อน"
ก่อนที่เฉียวเนี่ยนจะออกมา เธอไม่รู้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองเป็นคนแบบไหน ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร เธอเพิ่งโพสต์ข้อมูลตัวเองลงในเว็บไซต์ 'ลูกรักกลับบ้าน' ซึ่งเป็นเว็บไซต์ชื่อดังที่นิยมตามหาเด็กหาย ใช้เวลาไม่นานก็มีคนติดต่อเธอกลับมา
ผลจากข้อมูลที่เฉียวเว่ยหมินมอบให้มา เฉียวเชินก็เปิดเผย 'โดยไม่ได้ตั้งใจ' ต่อเธอว่า พ่อแม่แท้ๆ ของเธอมาจากเมืองลั่วเหอและเป็นครู
เฉียวเนี่ยนหรี่ตามองดวงอาทิตย์ซึ่งเคลือบด้วยรัศมีอันเจิดจ้า แล้วถอนสายตาออกไป
เธอรู้จักรถรุ่นนี้ดี ถังจิ้นบอกกับเธอว่า รถเปล่า*มีราคา 2 ล้านหยวนขึ้นไป
*(รถเปล่า คือรถที่ไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์เสริมใดๆ)
รถคันนี้มีซันรูฟ มองแวบแรกก็สะดุดตาที่สุด ราคาขั้นต่ำสุดคงมากกว่า 3.8 ล้านหยวน
เฉียวเนี่ยนเลิกคิ้วขึ้น เบนท์ลีย์ที่เฉียวเว่ยหมินนำเข้ามาแทนที่เมื่อปีก่อนราคาเพียง 5 ล้านหยวนเท่านั้น คุณปู่ในเมืองลั่วเหอของเธอเป็นใครกันแน่?
ทันทีที่เธอเข้าไปนั่งด้านใน ลมเย็นก็พัดผ่านใบหน้า ปัดเป่าความร้อนของดวงอาทิตย์จากด้านนอกออกไป เฉียวเนี่ยนเหลือบมอง 'เพื่อน' ที่นั่งอยู่ในรถ และจะร่วมเดินทางไปทานข้าวกับพวกเขาทีหลัง
อีกฝ่ายน่าจะอายุยี่สิบต้นๆ คิ้วและดวงตาของเขาสะดุดตามาก บางทีอาจเป็นเพราะหางตาที่ชี้ขึ้นเล็กน้อย เมื่อเชิดคางขึ้น ใบหน้าของเขาจึงค่อนข้างดูเย็นชา เสื้อผ้าบนร่างมองไม่เห็นแบรนด์ที่ชัดเจน แต่ทำจากฝีมือที่ละเอียดประณีตอย่างมาก เมื่อสวมใส่บนตัวก็ดูราวกับว่ามันถูกสั่งทำมาให้เขาโดยเฉพาะ กระดุมโลหะถูกขัดเงาวับ ไร้ริ้วรอย ดวงตามีความลุ่มลึก เฉื่อยชา มีระดับ ซึ่งดูยากมากที่จะเข้ากันได้
บนข้อมือเขามีสร้อยลูกประคำอันเยือกเย็นอยู่ และมีกลิ่นของไม้จันทน์จางๆ ในรถ
ผู้ชายคนนี้นับถือศาสนาพุทธ?
เจียงหลียิ้มแล้วแนะนําผ่านนอกประตูรถ "เนี่ยนเนี่ยน นี่คือเย่วั่งชวน เพื่อนของฉันเอง เรียกเขาว่าพี่ชายเย่ก็ได้นะ"
เฉียวเนี่ยนชะงักและมองไปรอบๆ
รถยนต์ที่เปิดประทุนได้ ถือว่าเป็นรถยนต์รุ่นที่ค่อนข้างกว้างขวาง แต่ขาของผู้ชายคนนี้ยาวมากเหมือนมีภาพลวงตาว่าไม่มีที่ให้วางได้ เขาจึงต้องงอขาเล็กน้อยเพื่อวางลง
เฉียวเนี่ยนรู้สึกได้ถึงการจ้องมองมาที่ตนเองซึ่งมองไม่เห็นโดยตรง เธอเม้มริมฝีปาก ลดเปลือกตาลง แล้วเรียกพี่ชายเย่ด้วยน้ำเสียงที่ดูมีมารยาทอย่างสบายๆ จากนั้นก็หาที่นั่งข้างๆ เพื่อนั่งลง
ในทางกลับกัน เย่วั่งชวนลืมตาขึ้นจากเสียงเรียกอันอ่อนโยนที่พูดว่า พี่ชาย ของเธอ ดวงตาลุ่มลึกของเขาไร้แรงกระเพื่อม
สายตาของเขาจับจ้องไปยังหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่ตรงมุมข้างๆ ผิวของเธอเป็นสีขาวที่ขาวมากๆ ทั้งยังดูละเอียดอ่อนราวกับกระเบื้องเคลือบ
เปลือกตาของเธอเป็นชั้นบางๆ ดวงตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ขนตาที่โค้งงอนก็ยกขึ้นเล็กน้อย เหมือนกับเด็กน้อยที่รู้ความ!
......
ทักษะการขับรถของเจียงหลีดีมาก ในรถมีคนทั้งหมดสามคน ดูเหมือนว่าเจียงหลีจะกลัวเธอลำบากใจ บางช่วงจึงหาหัวข้อออกมาพูดคุยกับเธอเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตาม เธอก็บอกเรื่องสถานการณ์ที่บ้านเก่าอย่างไม่ปกปิด
มีเพียงชายที่นั่งอยู่ข้างเธอเท่านั้น ที่ไม่ได้พูดตั้งแต่ต้นจนจบ
แต่เขาก็นั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนสิงโตที่พักผ่อน แม้ว่าจะไม่แสดงกรงเล็บแหลมคม แต่ผู้คนก็เพิกเฉยต่อการดำรงอยู่ของเขาไม่ได้
รถขับไปถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว
สุ่ยเซี่ยซวนตั้งอยู่ใจกลางเมือง บนที่ดินผืนนี้ทุกตารางนิ้วไม่ได้ถูกนำไปสร้างเป็นตึกระฟ้าสูงใหญ่
อย่างไรก็ตาม สุ่ยเซี่ยซวนก็ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุด มีสวนขนาดใหญ่ อยู่ในทำเลที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังเงียบสงบ จึงถูกกำหนดให้เป็นธุรกิจระดับสูงและดีมาก
"ฉันจะเอารถไปจอด"
เจียงหลีจอดรถที่หน้าประตู เขาพูดกับผู้ชายที่เอาแต่เงียบบนรถว่า "คุณชายวั่ง ฉันจองห้องริมน้ำเอาไว้แล้ว นายพาเนียนเนี่ยนเข้าไปก่อน ฉันจอดรถเสร็จแล้วจะตามไป"
เฉียวเนี่ยนได้ยินเสียงจรดจมูกข้างๆ เสียงผู้ชายทุ้มต่ำและร้อนแรงราวกับอยู่ใกล้หูของเธอ "ไปกันเถอะ"