บทที่ 1 ลูกสาวจอมปลอมของตระกูลเฉียว
ท้องฟ้ารอบเมืองในเดือนมิถุนายนเหมือนกับเตาเผา ดวงอาทิตย์ที่แผดเผาทำให้เกิดคลื่นความร้อนหลายชั้นบนท้องถนน และไม่มีใครอยู่บนถนนเลย
เฉียวเนี่ยนออกมาจากห้องพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระที่เพิ่งเก็บเรียบร้อย
ก่อนลงบันได เธอได้ยินเสียงของเฉียวเชินพูดจอแจอยู่ที่ชั้นล่าง
“พ่อแม่แท้ ๆ ของเฉียวเนี่ยนกำลังมารับเธอจริงๆ เหรอคะ?”
ผู้เป็นพ่อถามเธออย่างเคร่งครัด "ลูกทำอะไรอยู่ ฝึกเพลงที่ต้องใช้เปียโนเล่นจนเชี่ยวชาญรึยัง? เพื่อนของคุณย่ากำลังจะมาจากปักกิ่ง เธอเป็นถึงศาสตราจารย์ด้านมนุษยศาสตร์และศิลปะ ทั้งยังเป็นนักเปียโนระดับชาติ ถ้าลูกทำได้ดี พอกลับไปก็จะให้คุณย่าจะช่วยจัดการเรื่องนั้นให้ ลูกจะได้เรียนที่มหาวิทยาลัยในปักกิ่งโดยตรง"
"หนูซ้อมมาแล้ว"
ก่อนที่เฉียวเนี่ยนจะลงไป เธอก็ได้ยินเฉียวเชินพูดอีกครั้ง
"คุณพ่อคะ คุณพ่อคิดว่าพ่อแม่แท้ๆ ของพี่สาวหน้าตาเป็นยังไงเหรอคะ?"
ทันทีที่ลดเสียงพูดลง เธอก็ซ่อนตัวอยู่ในความไร้เดียงสา และพึมพำอย่างดูถูก "พ่อแม่แท้ๆ ของเธอบอกว่าจะมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่กลับเพิ่งมาถึงวันนี้! ไม่น่าไปซื้อตั๋วรถไฟเลย นั่งรถไฟสองวันหนึ่งคืนจากหุบเขาเพื่อมารับคนเนี่ยนะ?"
เฉียวเนี่ยนที่อยู่ด้านบนอดที่จะหยุดชะงักไม่ได้ ร่องรอยของการประชดวาบผ่านดวงตาที่ไม่แยแสของเธอ
เมื่อสามเดือนที่แล้ว เธอบังเอิญค้นพบว่าน้องสาวที่แสนดีของตัวเองอย่าง เฉียวเชิน แอบมีความสัมพันธ์กับแฟนของเธออย่างลับๆ และทั้งคู่ก็พากันนอกใจเธอ
ด้วยความโกรธ เฉียวเนี่ยนจึงเปิดประเด็นนี้ จากนั้นเธอก็ล่วงรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของตระกูลเฉียว แต่เป็นเด็กที่ตระกูลเฉียวรับเลี้ยงมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
การรับเลี้ยงบุญธรรมของตระกูลเฉียวไม่ใช่เพราะอยากมอบความเมตตา หรืออยากทําความดี
แต่เป็นเพราะเฉียวเชินเป็นโรคเลือดที่หายากตั้งแต่เด็ก นอกจากการทานยาแล้ว ยังต้องมีการถ่ายเลือดทุกเดือนอีกด้วย
ตระกูลเฉียวเป็นเจ้าของบริษัทที่ประสบความสำเร็จ และได้รับการจดทะเบียนเปิดตัวเรียบร้อยในปีก่อน ซึ่งถือเป็นรายใหญ่ในเมือง ถ้าโรคของเฉียวเชินต้องการใช้เงินเพียงอย่างเดียว ตระกูลเฉียวก็คงจะไม่ต้องปวดหัว
บังเอิญว่านอกจากจะโชคร้ายและป่วยตั้งแต่เกิดแล้ว เฉียวเชินยังมีกรุ๊ปเลือด RH ที่หายากอีกด้วย กรุ๊ปเลือดนี้หายากมาก ว่ากันว่าหนึ่งหรือสองจากหนึ่งแสนคนถึงจะมีกรุ๊ปเลือดนี้
เนื่องจากมันหายากเกินไป โรงพยาบาลจึงเรียกกรุ๊ปเลือดนี้ว่า เลือดแพนด้า*
*(เลือดแพนด้า 熊猫血 เป็นกรุ๊ปเลือด RH ซึ่งมีคนที่มีกรุ๊ปเลือด RH น้อยมาก และสัดส่วนของชาวฮั่นมีเพียงสามในพันเท่านั้น ชนกลุ่มน้อยแต่ละกลุ่มสามารถพบสูงได้มากกว่า 20% โดยทั่วไปมีน้อยมาก และหายากมาก Rh blood group system หมายถึงระบบกลุ่มเลือดลิงจำพวกที่มีความสำคัญรองจากระบบหมู่เลือด ABO)
หมายความว่ามันมีค่าเท่ากับแพนด้ายักษ์
ตระกูลเฉียวมีเงินรักษาโรค แต่ไม่มีวิธีใดที่มั่นใจได้เลยว่าโรงพยาบาลจะมีเลือดแพนด้าเพียงพอสําหรับเฉียวเชินทุกเดือน ดังนั้น ตระกูลเฉียวจึงคิดหาวิธีแก้ไข และรับเลี้ยงเด็กที่มีกรุ๊ปเลือดที่ตรงกันจากสถานเลี้ยงเด็กกําพร้า เพื่อใช้เป็นถุงเลือดเคลื่อนที่สําหรับลูกสาวเธอ!
เธอก็คือถุงเลือดฟรีนั่นเอง
เฉียวเนี่ยนถูกสั่งสอนให้เป็นพี่สาวที่ดีตั้งแต่เด็ก มอบเสื้อผ้าสวยๆ ให้น้องสาวใส่ ยังมีโอกาสลุ้นของรางวัลต่างๆ ให้น้องสาวอีก… ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงของเฉียวเชินและฟู่เกอถูกเปิดเผยในครั้งนี้ เธอคงจะถูกขังอยู่ในความมืดมน!
ทั้งนี้ตระกูลเฉียวยังบอกเธออีกว่า เพียงเพราะหลังจากการรักษามาหลายปี เฉียวเชินก็ฟื้นตัวได้เป็นปกติแล้ว แต่ก็ต้องระมัดระวังไว้ ดังนั้นจึงเธอไม่จำเป็นต้องทานยาและถ่ายเลือดอีก
เฉียวเนี่ยนจึงไม่มีค่าอีกต่อไป นอกจากนี้ นายหญิงผู้เฒ่าเฉียวยังโกรธที่เธอสร้างเรื่องใหญ่ให้กับเฉียวเชินและฟู่เกอในงานเลี้ยงวันเกิดของเฉียวเชิน เพื่อปกป้องชื่อเสียงของเฉียวเชิน และหน้าตาของตระกูลเฉียว นายหญิงผู้เฒ่าจึง 'เปิดโปง' ลูกสาวจอมปลอมคนนี้ต่อหน้าทุกคน
พ่อของเฉียวเชินไม่อยากพูดถึงเฉียวเนี่ยน "ลูกพูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ"
เฉียวเชินไม่ยอมรับ เธอขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "จริงๆ แล้ว พวกเขาซื้อตั๋วเครื่องบินก็ได้ ทำไมถึงต้องมาตอนนี้ด้วย อย่ามาทำเป็นยากจนสิ!"
"เอาล่ะ"
พ่อของเฉียวเชินเห็นเฉียวเนี่ยนเดินลงบันไดมา จึงปรามด้วยเสียงต่ำ
สิ่งแรกที่ปรากฏให้เห็นคือใบหน้าอันดุร้าย เธอสวมเสื้อยืดสีฟ้าอ่อน ทับด้วยเสื้อเชิ้ตลายทางสีแดงขาว ชายผ้าผูกติดกับกางเกงขาสั้นผ้าเดนิมแบบสบายๆ เผยให้เห็นเรียวขาที่เพรียวบางและขาวเนียนของเธอ
คนในครอบครัวของพวกเขาขาวมาก แต่เฉียวเนี่ยนขาวกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผิวที่ขาวเกินไปหรือไม่ ดวงตาของเฉียวเนี่ยนดูมืดมนมาก เมื่อเห็นเธอ เฉียวเว่ยหมินก็รู้สึกแปลกแยกอย่างชัดเจน
แน่นอนว่าไม่ใช่เหตุผลส่วนตัว
"เนี่ยนเนี่ยน เธอเก็บของแล้วเหรอ?" หลังจากสิบกว่าปีที่เลี้ยงดูเธอ เฉียวเว่ยหมินเม้มริมฝีปาก เมื่อมองย้อนกลับไป หากเทียบกับคนอื่นในตระกูลเฉียว เขามักจะถามเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่า
เฉียวเนี่ยนลงมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางที่นุ่มฟู แล้วตอบเสียงอืม
ในที่สุดเฉียวเชินก็เห็นเธอ จึงรีบเก็บใบหน้าที่ดูมีความสุขไว้ทันที แกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วตะโกนว่า "พี่สาว"
"..." เฉียวเนี่ยนไม่สนใจแม้แต่จะพูดตอบรับเธอ และเดินข้ามหน้าเฉียวเชินไป
เมื่อเฉียวเนี่ยนไม่สนใจ เฉียวเชินก็เม้มริมฝีปากอย่างไม่เต็มใจ ขนตายาวของเธอหย่อนลงราวกับว่ากระทำผิด ใบหน้าที่สดใสดูไม่มีสีเลือดมากนัก อ่อนแอราวกับดอกไม้สีขาวในสายลม
เหออวี้เจวียนก้มหน้าลงทันที ใบหน้าของเธอมืดมน จากนั้นจึงเคาะไม้เท้าแล้วพูดขึ้น "เฮอะๆ ตอนนี้กำลังพูดกับแกอยู่นะ ไม่ได้ยินรึไง?"
เฉียวเชินจับมือผู้เป็นย่าไว้ทันที เธอเงยหน้าขึ้นแล้วส่ายหน้าเบาๆ พลางกัดริมฝีปากเพื่อช่วยพูด "คุณย่า ลืมมันไปเถอะนะคะ พี่สาวคงจะอารมณ์ไม่ดี หนูไม่เป็นไร"
เมื่อเธอพูดแบบนั้น เหออวี้เจวียนยิ่งดูไม่พอใจ เธอมองไปที่เด็กสาวอย่างไม่สบอารมณ์ และรู้สึกมีปัญหากับทุกสิ่งอย่าง จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยความรังเกียจ "แต่เดิมเด็กนี่ก็ไม่ใช่ลูกของตระกูลเฉียวอยู่แล้ว หลังจากที่สั่งสอนมากว่าสิบปี ก็ยังเปลี่ยนท่าทางการวางตัวในกระดูกไม่ได้!"
"คุณแม่ "
เฉียวเว่ยหมินเรียกผู้เป็นแม่เหมือนกำลังอ้อนวอน เขาเดินไปตรงหน้าเฉียวเนี่ยน แล้วแสร้งหยิบบัตรออกมา "นี่คือเงินหนึ่งหมื่นหยวน"
เขาถอนหายใจและยัดมันให้กับเฉียวเนี่ยน "เธอรับไป! กลับไปหา… พ่อแม่ของเธอแล้วเชื่อฟังให้ดี เธอเก็บเงินนี้ไว้ซื้อเสื้อผ้า ครั้งหน้า…อาจจะใช้ประโยชน์ได้"
เขามักจะระมัดระวังในเรื่องหน้าที่การงานของตนเองเสมอ นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ตระกูลเฉียวชนะโครงการพัฒนาของรัฐบาล เฉียวเว่ยหมินจึงไม่ต้องการสร้างปัญหาเพิ่ม
เขาตรวจสอบพ่อแม่แท้ๆ ที่จะมารับเฉียวเนี่ยนแล้ว ดูเหมือนจะมีนามสกุลว่า เจียง ซึ่งเป็นครูสอนการเขียนมืออาชีพ และเป็นคนจากเมืองลั่วเหอ
เมืองลั่วเหออยู่ห่างจากตัวเมืองหลวงสามร้อยกิโลเมตร พื้นที่นั้นเป็นเขตยากจนที่รู้จักกันดี ทุกๆ ปีผู้ประกอบการจะบริจาคเงินให้กับเมืองลั่วเหอ เพื่อช่วยเหลือคนยากจน นอกจากนี้ เขาเองก็ได้ร่วมบริจาคด้วย ครูแบบนั้นในเขตชนบทเล็กๆ ทำให้เขาไม่ได้ตรวจสอบอย่างจริงจังนัก จึงนําครูในชนบทที่ขยันขันแข็งเข้ามาแทนซึ่งมักจะให้สัมภาษณ์ข่าวได้
เฉียวเนี่ยนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่สามแล้ว เมื่อกลับไปที่ลั่วเหอ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้เข้ามหาวิทยาลัย ไม่ต้องพูดถึงคนที่เรียนจบมัธยมปลายอันดับหนึ่งของเมืองอย่างเฉียวเชินซึ่งสามารถไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในปักกิ่งได้
ชีวิตนี้พังพินาศแล้ว!