684 - ชีวิตที่สอง
684 - ชีวิตที่สอง
ทุกคนกระสับกระส่าย แล้วหวาดกลัวต่อวิธีการของชายชราผู้บ้าคลั่ง ยอดฝีมือทั้งสองคนที่ถูกโจมตีเมื่อสักครู่นี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นเป็นเทพนักฆ่าจากยุคโบราณอย่างแน่นอน
วันนี้พวกเขาประกาศการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ โดยเลือกที่จะโจมตีสิ่งมีชีวิตอมตะของดินแดนรกร้างตะวันออกเพื่อทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเกิดความกลัว
ความแข็งแกร่งที่พวกเขาใช้โจมตีข้ามผ่านมิตินั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง แต่สุดท้ายพวกเขาก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดจากการตอบโต้ของชายชราผู้บ้าคลั่ง
เย่ฟ่านเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เทพนักฆ่าไม่คิดจะล้มเลิกความตั้งใจและลอบสังหารตัวเขาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่คิดจะละเว้นชีวิตของหนานหนานซึ่งทำให้เย่ฟ่านไม่สามารถอดกลั้นความโกรธไม่ได้
“ไม่เป็นไร ข้าไม่กลัว…” นางดึงแขนเสื้อของเย่ฟ่านและเผยรอยยิ้มที่กระจ่างสดใส
“หนานหนานไม่ต้องกังวล พี่ใหญ่จะไม่ปล่อยให้ใครทำอันตรายเจ้า” เย่ฟ่านยิ้ม
ในเวลานี้ผู้บ่มเพาะจำนวนมากในเมืองหวังกงก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง นี่คือพลังของสิ่งมีชีวิตอมตะ มันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถต่อต้านได้
เมื่อหลายคนมองมาที่เย่ฟ่านดวงตาของพวกเขาดูแปลกๆ นักฆ่าโบราณสองคนนั้นลอบสังหารเขาครั้งแล้วครั้งเล่าแต่สุดท้ายก็ไม่ประสบผล
ในอดีตไม่มีใครสามารถหลบหนีจากประกาศิตได้ แม้ว่าตอนนี้เทพนักฆ่าทั้งสองจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แต่ทุกคนก็มีความเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะไม่มีวันล้มเลิกความตั้งใจ
"เด็กน้อยมารับของขวัญจากพี่สาว..."
ในที่สุดจี้จื่อเยว่ก็พบโอกาสนางเดินเข้าหาเย่ฟ่านพร้อมกับส่งขวดหยกใบเล็กๆให้เขา
ผิวของจี้จื่อเยว่เป็นสีขาวกระจ่างสดใส นางสวมชุดสีม่วงดูสง่างามราวกับเทพธิดา ดวงตาที่เหมือนพระจันทร์เสี้ยวของนางหรี่ลงเล็กน้อย นางดันขวดหยกเข้าหาเย่ฟ่านและส่งเสียงกระซิบเบาๆ
"เร็วเข้า เก็บมันไว้"
"นี่คืออะไร?"
“นี่คือยาศักดิ์สิทธิ์จะช่วยชีวิตเจ้า ข้า”หยิบยืม“มาจากบรรพบุรุษอาวุโส มันเป็นยาศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการกลั่นขึ้นมาจากจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ และมันประเมินค่าไม่ได้”
“อา …”
เย่ฟ่านอุทานด้วยความตกใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าของวิเศษชิ้นนี้จะต้องถูกจี้จื่อเยว่ขโมยมา เรื่องนี้มันทำให้เขาทั้งเกิดความซึ้งใจและขบขัน เด็กหญิงคนนี้มีความกล้าจริงๆ
“ยิ้มทำไมยังไม่รีบเก็บไว้อีก”
จี้จื่อเยว่แยกเขี้ยวเป็นการข่มขู่ หลังจากนั้นนางก็แสดงรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ให้หนานหนาน ดวงตากลมโตของนางกลายเป็นเส้นเล็กๆและนางกล่าวด้วยเสียงหัวเราะว่า
"น้องสาว เจ้าอยากไปกับข้าไหม"
หนานหนานรีบกอดขาของเย่ฟ่านแล้วส่ายศีรษะ เด็กหญิงตัวเล็กทำราวกับว่าจี้จื่อเยว่กำลังจะลักพาตัวนาง
“ไม่หรือ!”
จี้จื่อเยว่เกาจมูกของนางเบาๆ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป
“พี่สาวคนนั้นมีกำลังตั้งครรภ์หรือ?” หนานหนานบอกเย่ฟ่านอย่างเงียบๆ
เย่ฟ่านได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะ เด็กน้อยเช่นนี้จะรู้อะไร แต่ในขณะที่เขากำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานชายชราผู้บ้าคลั่งก็กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“มีสมบัติลับอยู่ในตัวของนาง”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หัวใจของเย่ฟ่านสั่นสะท้าน เขาเคยได้ยินเรื่องราวของครรภ์เซียนมาบ้าง ว่ากันว่าร่างศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้ก็เหมือนกันกับร่างเซียนโบราณของเขาที่ไม่สามารถดำรงอยู่ในยุคปัจจุบันได้
ไม่ว่าหญิงสาวคนใดที่ครอบครองร่างศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้ พวกนางจะไม่สามารถมีชีวิตยืนยาวเกินกว่าสิบห้าปีแต่ดูเหมือนจี้จื่อเยว่จะมีข้อยกเว้น เพราะตอนนี้นางมีอายุยี่สิบปีแล้ว
ในอดีตเย่ฟ่านรู้ดีว่านางเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเพียงแต่เขาไม่รู้ว่านั่งเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ชนิดใด
แต่ถ้าหากนางเป็นครรภ์เซียนจริงๆ มันก็ดูเหมือนว่าตระกูลจี้จะมีวิธีการบางอย่างที่สามารถทำให้นางมีชีวิตอยู่ต่อได้ มิหนำซ้ำยังกลายเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งเหมือนเช่นยุคโบราณ
ในฐานะปรมาจารย์แห่งนิกายเทียนซวนชายชราผู้บ้าคลั่งคงมีประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดา เป็นไปได้ไหมว่าสมบัติลับบนร่างของจี้จื่อเยว่นั้นเกี่ยวข้องกับครรภ์เซียนจริงๆ
เย่ฟ่านและคนอื่นๆ มุ่งหน้าขึ้นสู่ทางเหนือ ที่ด้านหลังของพวกเขาติดตามไปด้วยคนนับพันที่ต้องการ "จาริกแสวงบุญ"
ตลอดเส้นทางที่พวกเขาผ่านมีนักฆ่าปรากฏตัวออกมาสี่ครั้ง พวกเขาไม่เพียงต้องการจะฆ่าเย่ฟ่าน แต่หนานหนานก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
และสิ่งที่ปรากฏตัวขึ้นนั้นไม่ใช่คนจริงๆแต่เป็นหุ่นเชิดระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าพวกมันยังไม่สามารถเข้าถึงตัวพวกเขาที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของชายชราผู้บ้าคลั่งได้
“ใครเป็นคนจ้างให้พวกเขาทำเช่นนี้?” หลี่เหอซุยครุ่นคิด
"อาจเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์บางคนอย่างเช่นฮั่วอวิ๋นเฟย และเป็นไปได้มากว่ามีคนจากนิกายหยินหยาง มันมีผู้คนมากมายจริงๆที่น่าสงสัย เรื่องนี้พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้” จักรพรรดิดำบ่นพึมพำ
เย่ฟ่านแตะคางแล้วไม่พูดอะไร เขารู้ว่าจะต้องมีการต่อสู้อย่างต่อเนื่องในอนาคต และตอนนี้เขาต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มข้ามความว่างเปล่าเพื่อเดินทางสู่ผาศักดิ์สิทธิ์โดยไม่อนุญาตให้ผู้คนที่อยู่ข้างหลังตามมาได้!
เมื่อหลี่เหอซุยมองเห็นกระดานหมากรุกที่ถูกเขียนขึ้นโดยจักรพรรดิดำ เขาก็เกิดความตกตะลึงและกล่าวว่า
“เจ้าหมาบ้าหยุดก่อน พวกเราไม่อยากเดินทางไปทะเลทรายตะวันตกหรือทุ่งหญ้าทางเหนือเหมือนเช่นผังป๋อกับตู้เฟย?”
จักรพรรดิดำคำรามด้วยความไม่พอใจทันที
“เจ้าไม่เชื่อในจักรพรรดิคนนี้หรือ?”
หนานหนานทำหน้ากังวลเล็กน้อย นางนั่งยองๆกับพื้น แล้วพูดอย่างจริงจังว่า "หมาน้อย เจ้าต้องระวังด้วย ทุกครั้งที่ทำผิดพลาด เจ้าอาจจะเสียพวกเราไป"
“เจ้า”
จักรพรรดิดำไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ยังคงก้มหน้าขีดเขียนกระดานหมากรุกบนพื้นด้วยความโกรธ ในกระบวนการนี้ชายชราผู้บ้าคลั่งมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
เย่ฟ่านรู้ว่าจักรพรรดิดำทำสิ่งนี้โดยเจตนา บางทีมันอาจจะต้องการคำวิจารณ์จากชายชราผู้บ้าคลั่งเท่านั้น
“เอาล่ะเส้นทางที่จะไปผาศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกต้องแล้ว พวกเจ้าเชื่อใจข้าได้เลย” จักรพรรดิดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นี่คือประตูมิติที่จะส่งพวกเราเดินทางไปยังทะเลทรายตะวันตก...” ชายชราผู้บ้าคลั่งกล่าวเบาๆ
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าหมาตัวนี้เชื่อถือไม่ได้ เจ้าคิดจะส่งพวกเราไปทะเลทรายตะวันตกเพื่อตามหาเขาพระสุเมรุกับพระพุทธเจ้าอย่างนั้นหรือ” หลี่เหอซุยกล่าว
“นี่มันจะไปที่หน้าผาศักดิ์สิทธิ์ชัดๆ...” จักรพรรดิดำงุนงง ดวงตาของมันกรอกไปกรอกมา
ชายชราผู้บ้าคลั่งไม่พูดอะไร แต่ลงมือขีดเขียนบนพื้นและแก้ไขอักขระสองสามตัวอย่างรวดเร็ว
“ที่แท้มันก็ผิดปกติตรงนี้นี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้ารู้สึกว่าตัวเองทำผิดอยู่เป็นประจำ” จักรพรรดิดำบ่น
"วาบ"
เมื่อแสงไฟกะพริบ ทุกคนก็เดินทางผ่านประตูมิติขนาดใหญ่และมุ่งหน้าสู่หน้าผาศักดิ์สิทธิ์ในทันที
หลังจากที่พวกเขาจากไปไม่นานใครบางคนก็ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า ร่างของเขาพร่ามัวจนเกือบจะโปร่งใส และดูเหมือนว่ามันจะพังทลายในสายลมเมื่อใดก็ได้
เขามองดูความว่างเปล่าอย่างแน่วแน่และไม่พูดอะไร แต่กลิ่นอายของเขาให้พืชพรรณมากมายที่อยู่ในภูเขาแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว
เย่ฟ่านและคนอื่นๆไม่รู้ว่าพวกเขาเดินทางมาเป็นระยะทางกี่พันลี้
หน้าผาศักดิ์สิทธิ์ตั้งชายแดนระหว่างภาคกลางและภาคเหนือ
สถานที่แห่งนี้คือดินแดนอาถรรพ์ ในอดีตเคยมีร่างเซียนโบราณระดับผู้สูงสุดถูกสังหารอยู่ที่นี่ เลือดของเขาชโลมไปทั่วหน้าผาทำให้ที่นั่นกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทันที
เรื่องนี้ทำให้ผู้คนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ต้องเข้าใจว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณนั้นมีความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา ว่ากันว่าในตอนที่พวกเขาเป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์พวกเขาก็มีความสามารถในการต่อสู้กับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แล้ว
“ร่างศักดิ์สิทธิ์คนนั้นทรงพลังเกินไป เดิมทีเขาอาศัยอยู่ในภูเขาอมตะโดยเตรียมที่จะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแห่งความเป็นอมตะ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่สังหารอยู่ในหน้าผาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้” จักรพรรดิดำถอนหายใจ
เย่ฟ่านเกิดความสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณคนนี้มีความแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ แต่น่าเสียดายที่การจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับผู้อมตะนั้นสำหรับร่างเซียนโบราณเป็นสิ่งที่ทำได้ยากเหลือเกิน
หากเขาสามารถกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะได้เขาคงไม่ถูกจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่สังหารไปอย่างเศร้าโศกแบบนั้น
“เย่น้อย เจ้าต้องค้นหายาศักดิ์สิทธิ์อมตะมาปลูก ข้าได้ยินจากท่านปู่ว่าการที่ร่างศักดิ์สิทธิ์จะเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะนั้นยากมาก พวกเจ้าจำเป็นต้องใช้เวลาถึงสองชีวิตในการรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์จนเพียงพอ
และแต่ต่อให้เจ้ากลายเป็นครึ่งเซียนอย่างมากสุดเจ้าก็จะมีอายุได้เพียงสองพันปี เมื่อชีวิตของเจ้ามาถึงจุดสิ้นสุดพลังศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะลดต่ำลงเรื่อยๆ
ดังนั้นเจ้าจึงจำเป็นต้องใช้ยาศักดิ์สิทธิ์อมตะมาปลูกสักต้น เจ้าจำเป็นต้องใช้มันสร้างชีวิตที่สองให้กับตัวเอง” หลี่เหอซุยกล่าวอย่างจริงจัง