บทที่ 689 ผู้ชายของเฉียวหรง (ตอนฟรี)
บทที่ 689 ผู้ชายของเฉียวหรง
“ไม่ใช่เฉียวหรง แต่ก็เกี่ยวกับเฉียวหรง!” จี้ช่าวเหลยขี้เกียจรอให้จี้เฟิงเดา เขาจึงเฉลยว่า “ไอ้หน้าขาวไก่อ่อน ผู้ชายของเฉียวหรง วางเหวินเกา!”
“ใครนะ?”
จี้เฟิงรู้สึกประหลาดใจทันที “วางเหวินเกา นั่นไม่ใช่สามีของเฉียวหรงเหรอ? เขาเป็นไอ้หน้าขาวของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่? พี่รอง พี่ก็พูดประชดประชันเกินไป!”
เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและหัวเราะ พี่รองยังคงเป็นคนที่ชอบเล่นมุกตลกร้ายไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ ก็อย่างที่คนในแวดวงรู้กัน วางเหวินเกาแทบไม่มีสถานะในตระกูลเฉียว เช่นเดียวกับแม่บ้านตระกูลใหญ่หลายๆคนที่เป็นรองสามี แต่ไม่ว่าเขาจะมีสถานะแบบไหนในตระกูลเฉียวก็ตาม เขาก็เป็นสามีของเฉียวหรงอยู่วันยังค่ำ แล้วเขาจะถูกเรียกว่าผู้ชายของเฉียวหรงได้ยังไง!
จี้ช่าวเหลยหัวเราะและพูดว่า “น้องสาม ฉันจะบอกอะไรให้ สถานะของวางเหวินเกาในตระกูลเฉียว แทบไม่ต่างอะไรกับคนรับใช้เลย เหมือนกับทาสที่ถวายตัวในสมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นภายในตระกูลเฉียวหรือภายนอก เฉียวหรงดูเป็นคนที่มีอิทธิพล ดูเป็นหญิงแกร่งอะไรทำนองนั้นใช่มั้ย ไม่มีใครที่กล้าแตะต้องคนของตระกูลเฉียว เธอจะเข้าไปจัดการจนกว่าเธอจะพอใจ แต่สำหรับวางเหวินเกา เขามีสถานะไม่ต่างจากคนรับใช้ที่เฉียวหรงไม่จำเป็นต้องใส่ใจเลย เผลอๆเด็กหนุ่มที่มีหน้าที่คอยบำเรอความสุขให้เฉียวหรง อาจจะสำคัญกับหล่อนมากกว่าวางเหวินเกาด้วยซ้ำ!”
“เกินไป!” จี้เฟิงไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “แม้ว่าจะเป็นสามีที่แต่งเข้าบ้านภรรยา แต่ถ้าแม้แต่ภรรยายังไม่ให้เกียรติสามีของตัวเอง แล้วแบบนี้คนอื่นๆจะไม่พลอยดูถูกวางเหวินเกาไปด้วยเหรอ? มันไม่สมเหตุสมผลเลย!”
จี้ช่าวเหลยหัวเราะและพูดว่า “แล้วใครบอกว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น ถ้าฉันเป็นวางเหวินเกานะ ฉันคงระเบิดไปนานแล้ว เพราะความจริงแล้ว ไม่เพียงแค่เฉียวหรงเท่านั้นนะที่ดูถูกวางเหวินเกา แม้แต่คนในตระกูลเฉียวก็มองวางเหวินเกาไม่ต่างจากผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่ง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!”
“ช่างเถอะพี่รอง เราเลิกนินทาคนอื่นดีกว่า” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว “ผมไม่สนใจเรื่องของคนอื่น และไม่อยากจะรู้เรื่องผัวๆเมียๆของชาวบ้านเท่าไหร่ด้วย ผมแค่อยากจะรู้ว่าทำไมจู่ๆวางเหวินเกาถึงมาที่เจียงโจว? มันเกี่ยวอะไรกับผมหรือเปล่า!”
“เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!” จี้ช่าวเหลยยักไหล่และพูดอย่างไร้ความรับผิดชอบ “อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าวางเหวินเกาไม่น่าจะมาหาพวกเราโดยตรง ถ้าเขามาก็คงจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเฉียวหรงนั่นแหละ เขาไม่มีความมั่นใจพอที่จะทำอะไรด้วยตัวคนเดียวหรอก!”
จี้เฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ถ้าไม่เกี่ยวกับเราก็แล้วไป แต่พูดก็พูดเถอะ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องที่พูดตอนหลัง”
“ทำไม?” จี้ช่าวเหลยถามด้วยความประหลาดใจ
“วางเหวินเกาที่พี่รองพูด มันมาจากการประเมินของพี่คนเดียวใช่มั้ยล่ะ!” จี้เฟิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ “และถ้าสิ่งที่พี่พูดเป็นความจริง วางเหวินเกาก็เป็นบุคคลที่น่ากลัวมาก เพราะแม้แต่คนที่ไร้อารมณ์ ก็คงไม่สามารถทนอยู่ในสภาพแวดล้อมของการถูกเลือกปฏิบัติแบบนั้นได้นานกว่า 20 ปี แบบนี้หรอก และคนพวกนี้มีชีวิตที่ดีกว่าคนอื่นๆ พวกเขามีความถือตัว เสียหน้าไม่ได้ และหวังเหวินเกาก็ไม่น่าใช่นักบุญหรือคนที่ปลงกับชีวิตจนปล่อยวางได้ขนาดนั้นนี่นา!”
จี้ช่าวเหลยตกตะลึง เขาไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับวางเหวินเกา ตั้งแต่ที่เขาได้ยินว่าผู้ชายคนนี้เข้าร่วมตระกูลเฉียว เขาก็หัวเราะด้วยความดูแคลน อย่างมากเขาก็ด่าตระกูลเฉียวสองสามคำเกี่ยวกับเห็นคนเป็นแค่สิ่งของ นอกจากนั้นก็รู้สึกสงสารวางเหวินเกา แต่เขาไม่เคยคิดถึงรายละเอียดในเรื่องนี้เลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อตอนนี้เขาได้ฟังคำพูดของจี้เฟิง มันก็ทำให้เขานึกถึงความเป็นจริงขึ้นมาได้ว่าสิ่งที่จี้เฟิงพูดดูสมเหตุสมผลกว่าจริงๆ
ถ้าวางเหวินเกาจะต้องอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ทำให้ตัวเองถูกกดลงต่ำและน่าอับอายมานานกว่า 20 ปี มันคงจะแปลกหากเขาไม่กลายเป็นบ้าไปเสียก่อน แต่วางเหวินเกาก็ยังคงมีชีวิตที่ปกติดี!
“พอมาคิดอย่างจริงๆจังๆ วางเหวินเกาคนนี้ก็น่าทึ่งมากจริงๆ!” จี้ช่าวเหลยอดไม่ได้ที่จะผงกศีรษะด้วยความชื่นชม
“ดังนั้น พี่รอง พี่ต้องให้ความสนใจกับผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้น เขามาเจียงโจวทำไม? มีจุดประสงค์อะไร? วางเหวินเกาผู้นี้ อาจจะน่ากลัวกว่าเฉียวหรงเสียอีก เพราะอย่างน้อยเราก็คอยระวังเฉียวหรง แต่กับผู้ชายที่เราคิดว่าไม่มีพิษมีภัยนี่แหละ ที่จะทำให้เราประมาท และเถ้าหากเขาลงมือทำอะไรกับเราจริงๆ มันอาจจะสายเกินไปที่เราจะรับมือก็ได้!” จี้เฟิงกล่าว
“ไม่ต้องห่วง ถึงฉันจะไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อน แต่ในเมื่อนายเตือนฉันแล้ว ฉันรู้ดีว่าต้องทำยังไง!” จี้ช่าวเหลยยิ้ม
“โอเค ถ้าอย่างนั้นเรื่องวางเหวินเกาก็จบแค่นี้ แต่สิ่งที่ผมสนใจมากที่สุดคือแอร์โฮสเตสคนนั้น!” จี้เฟิงกล่าว “พี่รอง ถ้าในเมื่อไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของเธอ แล้วเธอขึ้นมาอยู่บนเครื่องบินได้ยังไง? มาเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินขนาดนี้ เธอไม่ได้ถูกตรวจสอบอะไรก่อนเลยเหรอ?”
ตอนนี้จี้เฟิงแน่ใจแล้วว่าคนที่สะกดรอยตามเขาในวันนี้คือแอร์โฮสเตสบนเครื่องบินที่เขาเห็นในวันนั้น แต่จากข้อมูลที่พี่รองบอกมา มันเป็นเรื่องที่แปลกเล็กน้อยที่พี่รองจะไม่พบข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเธอเลย!
“บันทึกการขึ้นเครื่องบินหายไป ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ก็ถูกลบไปด้วย...” เมื่อพูดเรื่องนี้ จี้ช่าวเหลยก็เริ่มรู้สึกแปลกๆแล้วเช่นกัน “น้องสาม แอร์โฮสเตสคนนี้มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เอาเป็นว่าเราติดต่อกันเรื่อยๆก็แล้วกันถ้ามีอะไรเพิ่มเติม” จี้เฟิงถอนหายใจ อีกฝ่ายรัดกุมมากจริงๆ ไม่ทิ้งอะไรให้สืบต่อได้เลย
แม้ว่าจี้ช่าวเหลยจะอยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อเห็นว่าจี้เฟิงลังเลที่จะพูด เขาจึงไม่ถามอะไรมากไปกว่านี้
ทั้งสองคุยกันอีกไม่กี่คำก็วางสายไป และใบหน้าของจี้เฟิงก็มืดมนลงทันที
แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเธอ แต่นั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีว่าแอร์โฮสเตสคนนั้นมีอะไรผิดปกติจริงๆ! เกรงว่าถ้าไม่ใช่เพราะจี้เฟิงเป็นคนมีความตื่นตัวมากกว่าคนธรรมดา ก็อาจจะยังไม่รู้ว่ามีใครบางคนกำลังติดตามเขาอยู่!
หากอีกฝ่ายสะเพร่าหลุดข้อมูลมาบ้างและไม่รัดกุมเด็ดขาดขนาดนี้ จี้เฟิงอาจไม่ระมัดระวังตัวมากนัก แต่ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วเขาได้พบกับศัตรูที่ร้ายกาจ นอกจากนั้นอีกฝ่ายยังซ่อนตัวอยู่ในเงามืด และเขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไร
อีกฝ่ายเป็นเหมือนกับงูพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด รอคอยจังหวะดีๆและโจมตีถึงตายได้ทุกเมื่อ!
จี้เฟิงไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะจัดการกับเขา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีใด เขาก็มั่นใจว่าเขาสามารถรับมือได้ และจัดการได้อย่างใจเย็น นอกจากนั้นยังสามารถโต้ตอบกลับอย่างดุเดือดได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จี้เฟิงกลัวที่สุดก็คือศัตรูไม่ได้เพ่งเล็งที่จะทำร้ายเขาโดยตรง แต่เลือกที่จะโจมตีผู้คนรอบตัวของเขาแทน อย่างเช่นเซียวหยูซวนและถงเล่ย ไม่ก็พี่รองจี้ช่าวเหลย เพื่อสนิทที่เหมือนกับพี่น้องอย่างจางเล่ย และคนอื่นๆ ... อาจจะรวมถึงทำร้ายร่างกายเหล่าลูกจ้างของโรงงานผลิตยา!
“ฟู่—!”
จี้เฟิงตระหนักได้ว่าเขากำลังพบกับปัญหาที่ยากมาก
ปัญหาในครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่เคยขัดแย้งกับคนอื่น แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับเฉียวหรง ผู้หญิงที่บ้าคลั่งสุดโต่ง จี้เฟิงก็ไม่เคยรู้สึกเลยว่าเขาตกที่นั่งลำบาก เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร มันก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาและเขาก็มั่นใจว่าจัดการกับมันได้
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าเฉียวหรงจะบ้าแค่ไหน เธอก็ไม่กล้าโจมตีผู้คนที่อยู่รอบตัวเขา เพราะเธอรู้ตัวดีว่าถ้าเธอสร้างศัตรูไปทั่ว มันจะเกิดอะไรขึ้น มันจะเป็นการบีบบังคับให้ผู้อาวุโสเฒ่าต้องยื่นมือเข้ามาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และเมื่อถึงเวลานั้นเฉียวหรงจะไม่มีโอกาสได้เสนอหน้าทำตามใจตัวเองแบบนี้อีก
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้แตกต่างออกไป
อีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ที่ฉลาดมาก เธอซ่อนตัวอยู่ในความมืด เขาไม่รู้แม้กระทั่งจุดประสงค์ของคู่ต่อสู้ และเขาก็ไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้จะทำอะไรต่อไป ...
สิ่งที่ทำให้จี้เฟิงรู้สึกหมดหนทางมากขึ้นไปอีกก็คือเขาไม่สามารถบุกไปเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้โดยตรงได้ในตอนนี้
เพราะการทำแบบนั้น จะเป็นการส่งสารไปยังผู้ที่อยู่เบื้องหลังของอีกฝ่าย ในกรณีนี้ อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะรู้วิธีการการติดตามของอีกฝ่าย และทำให้อีกฝ่ายระมัดระวังตัวมากขึ้น ดังนั้นการจะรู้ถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่ายคงเป็นเรื่องที่ยากมากกว่านี้
ตูม—
จี้เฟิงตบหลังโซฟาอย่างหงุดหงิดและตะคอกด้วยความโกรธว่า “ในเมื่ออยากจะเล่นเกมกับฉันนัก ฉันก็จะเล่นด้วย และถ้าเกมได้เริ่มขึ้นแล้ว อย่ามาคิดถอนตัวทีหลังก็แล้วกัน!”
....................
หลายวันต่อมา จี้เฟิงอยู่ที่โรงงานสาขาทุกวันตามปกติ เขาศึกษาเกี่ยวกับสูตรของยาลดน้ำหนักหมายเลข 53 กับคังหยวน
จี้เฟิงได้เขียนส่วนผสมทั้งหมดไว้ในใบสั่งยาแล้วและส่งมอบให้คังหยวน
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะผลิตโดยตรงตามใบสั่งยา
เนื่องจากประสิทธิภาพของยาลดน้ำหนักหมายเลข 53 นั้นแรงเกินไป เมื่อผลิตตามสูตรยาดั้งเดิมแล้วผลลัพธ์ที่ได้มันจะยิ่งใหญ่และทำให้คนอื่นเกิดความระแวงสงสัยได้ง่าย
คนจีนให้ความสำคัญกับการถ่อมตัว ไม่มีใครอยากเห็นคนอื่นได้ดิบได้ดีกว่าตัวเองมากเกินไป การเผยไต๋ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
เมื่อคุณหยิบสูตรยาออกมา คุณสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่น่าตกใจได้ แต่หลังจากนั้นทุกคนจะสงสัยว่าสูตรยาของคุณมาจากที่ไหน
อันที่จริง แม้แต่ตอนนี้ ก็ยังมีคนจำนวนมากสงสัยในเรื่องนี้ แต่เป็นเพราะจี้เฟิงไม่ได้ทำอะไรที่น่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ และมีคุณปู่ของจี้เฟิงคอยขวางกั้นไว้ จึงไม่มีใครมาติดต่อเขาโดยตรง ยกเว้นคนที่มีอำนาจยิ่งใหญ่พอๆกันอย่างเหอหงเหว่ย
แต่ถ้ายังมียาดีๆออกมาอีก ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะพูด
การพุ่งขึ้นสูงเร็วเกินไป มันมีแนวโน้มที่จะเฟื่องฟูและก็เสื่อมถอยในอัตราที่พอๆกัน ซึ่งนั่นไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่ดี
จี้เฟิงไม่กลัวความอิจฉาริษยาจากคนอื่น แต่กลัวว่าจะไม่มีทางอธิบายที่มาของสูตรยาได้
ดังนั้นจี้เฟิงจึงวางแผนที่จะลดส่วนผสมของยาออกไปหนึ่งหรือสองชนิดจากสูตรยาทั้งหมด เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการชะลอประสิทธิภาพของยา
ด้วยประสิทธิภาพของยาลดน้ำหนักหมายเลข 53 แม้ว่าผลจะช้าลงเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่ายาลดน้ำหนักทั่วไปอย่างแน่นอน และช่วยไม่ให้สะดุดตาจนมากเกินไปด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งล่าช้ามากขึ้นเท่าไหร่ ข่าวลือก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ คนอื่นๆจะรู้ว่าโรงงานผลิตยาเถิงเฟยอันทรงพลังกำลังพัฒนายาลดความอ้วนชนิดใหม่ และผู้เชี่ยวชาญอย่างคังหยวนที่เป็นที่รู้จักกันดีในวงการเภสัชยังเป็นประธานหลักในการดำเนินการโครงการนี้ด้วย
เมื่อถึงเวลาเปิดตัวยาลดน้ำหนักนี้ มันจะโฆษณาให้เองไปในตัว
เมื่อคังหยวนเห็นสูตรยาของยาลดความอ้วนหมายเลข 53 มันทำให้คังหยวนหลงใหลมากจริงๆ ส่วนเรื่องการค้นคว้าวิธีชะลอประสิทธิภาพของยาจากสูตรยานี้ ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้คังหยวนรู้สึกสนุกและสนใจมากเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น คังหยวนยังควรค่าแก่การเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านเภสัชกรรม จากสูตรยาลดน้ำหนักหมายเลข 53 นี้ จริงๆแล้วเขานึกถึงสูตรยาที่เป็นไปได้มากมาย แต่ในปัจจุบันเขาไม่สามารถทดสอบทีละตัวได้ เพราะความคิดและเวลาส่วนใหญ่ของเขาต้องทุ่มเทไปที่การศึกษาวิธีชะลอประสิทธิภาพของยาลดน้ำหนักหมายเลข 53
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้จี้เฟิงรู้สึกงงมากก็คือ ในช่วงสองสามวันที่เขาวิ่งไปมาระหว่างโรงงานสาขากับวิลล่า เขาไม่เคยเห็นคนที่สะกดรอยตามเขาอีกเลย ดูเหมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องตลก ไม่มีร่องรอยใดๆเลย
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียดอยู่ในใจ จู่ๆอีกฝ่ายก็เปลี่ยนแผน เป็นไปได้หรือไม่ว่าอีกฝ่ายพร้อมที่จะเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว?
เขาเพิ่มความระมัดระวังขึ้นมาทันที และการมาที่โรงงานสาขาก็น้อยลง และถึงแม้ว่าเขาจะมาที่โรงงานสาขา เขาก็จะพาเซียวหยูซวนมาด้วย และเตรียมตัวที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ
วันแบบนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งมหาวิทยาลัยเปิดอย่างเป็นทางการ แต่จี้เฟิงก็ยังไม่พบร่องรอยของอีกฝ่าย
แม้ว่าภายนอกจี้เฟิงจะดูผ่อนคลาย แต่ก็เพียงแค่ภายนอกเท่านั้น ในใจยังคงเป็นกังวลและระมัดระวังสิ่งรอบตัวอยู่เสมอ เขากำลังรอการปรากฏตัวของศัตรูของเขาตลอดเวลา
ก็มาดูกันว่าใครจะมีความอดทนมากกว่ากัน!
…จบบทที่ 689~❤️