Ep.94 - โจรโลกวิญญาณ
2/2
Ep.94 - โจรโลกวิญญาณ
อย่าเห็นว่าหวังฉงเป็นคนเดียวที่ต้องการในหินสกิลเทคนิคความกลัว เพราะจ้าวหมิงเองก็สนใจมันเช่นกัน
แม้เจ้าสิ่งนี้ไม่เหมาะให้เขาใช้งาน แต่มันสามารถนำไปเสริมพลังรบของทีม หรือแลกเปลี่ยนหินสกิลที่ต้องการได้
อีกอย่าง เหล่าจ้าวไม่ใช่คนจน ไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะยอมถอยเพื่อเงินเพียงเล็กน้อย
สิ่งที่หวังฉงคาดไม่ถึงก็คือ หลังจากฮังอวี่พาคนอื่นๆแยกตัวไปคุยไม่ถึงห้านาที จ้าวหมิงกลับใจกว้างยอมรับข้อเสนอทันที ... เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ? เจ้าเด็กนั่นใช้เวทมนตร์สะกดจิตพวกเขาหรือเปล่า!
อันที่จริงฮังอวี่ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษเลย เขาก็แค่เปิดเผยข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับอาณาเขตวิญญาณ
คุณค่าของอาณาเขตวิญญาณยังไม่เป็นที่รู้กันในปัจจุบัน แต่ข้อมูลนี้เกรงว่าคงปิดต่อไปได้อีกไม่นาน เพราะในทุกๆเมืองมีอาณาเขตวิญญาณมากกว่าหนึ่งแห่ง ดังนั้นจะถูกเปิดโปงเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลา
การให้ข้อมูลพวกนี้แก่จ้าวหมิงและคนอื่นๆก่อนจึงไม่มีปัญหาอะไร แล้วอีกอย่างพวกเขาไม่ได้อยู่เมืองเดียวกัน ดังนั้นไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้คนกันเอง
เจียงหนาน จางเสี่ยวเฉียงไม่จำเป็นต้องพูดถึงพวกเขาเชื่อมั่นในตัวฮังอวี่อย่างแน่นอน
ส่วนจ้าวหมิง ฮังอวี่ชื่นชมในตัวอีกฝ่ายมาก อีกฝ่ายใจเย็น รู้จักชั่งใจ เฉียบแหลมและเด็ดขาด
เขามีพรั่งพร้อมทั้งสติปัญญา ความทะเยอทะยาน และความกล้าหาญ รวมไปถึงเงิน มีเกือบทุกเงื่อนไขที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังนับถือและเคารพในตัวฮังอวี่เป็นอย่างมาก คนผู้นี้จึงควรค่าแก่การสนับสนุน
อาณาเขตวิญญาณมีค่ามาก แม้จะรู้ข้อมูลเร็วกว่าคนอื่นๆแค่หนึ่งวัน แต่นั่นมีความหมายเป็นอย่างยิ่ง
หินสกิลนับเป็นสิ่งใด? แลกกับข้อมูลนี้จ้าวหมิงยอมรามือแต่โดยดี!
ผลลัพธ์นี้ฮังอวี่พอใจ จ้าวหมิงพอใจ เสี่ยวเฉียงพอใจ และเจียงหนานก็พอใจเช่นกัน
เรียกได้ว่าทุกคนพอใจ!
ต่อไปก็ถึงเวลาเช็คบิลแล้ว
หากอธิบายให้ตรงกว่านี้ก็คือถึงเวลาเรียกค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมทีมของนายน้อยฉง
หวังฉงได้รับแต้มวิญญาณไปถึง 119 แต้ม และเขาต้องจ่าย 1 ล้านหยวนต่อแต้ม รวมทั้งสิ้น 119 ล้านให้แก่ทั้งสี่คน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะตกคนละ 30 ล้านหยวน
นอกจากนี้ เขายังต้องจ่ายให้ จ้าวหมิง จางเสี่ยวเฉียง และเจียงหนานอีกคนละ 20 ล้านเป็นเงินค่ามัดจำหินสกิลเทคนิคความกลัว รวมแล้วทั้งสิ้นเกือบ 180 ล้าน!
จำนวนนี้ แม้แต่ตัวหวังฉงเองก็ยังรู้สึกเหมือนถูกเฉือนเนื้อลึกไปถึงกระดูก
อย่างไรก็ตาม หวังฉงไม่เสียดาย เงินในครั้งนี้คุ้มค่ากับที่ต้องจ่าย
ค่าของเงินจะคุ้มค่าที่สุดก็ต่อเมื่อมีการหมุนเวียน หากกระแสเงินขาดการหมุนเวียน สุดท้ายเงินก็จะไร้ค่าไม่ต่างจากเศษกระดาษ
ครั้งนี้สามารถใช้มันแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ได้ หวังฉงรู้สึกว่าเขาโชคดีมากแล้ว
มูลค่าของเงินในโลกจริงมีพื้นฐานอ้างอิงจากราคาน้ำมัน , อาหาร และทอง ซึ่งเครดิตของพวกต่างชาติก็ทำแบบนี้เหมือนกัน
ทว่าภายใต้การรุกรานครั้งใหญ่ของโลกวิญญาณ มีแนวโน้มว่าเมืองต่างๆทั่วโลกจะถูกแยกตัวอย่างโดดเดี่ยว
สินค้าโภคภัณฑ์ที่สนับสนุนการค้าและเศรษฐกิจในโลกจริง ตอนนี้อยู่ภายใต้ผลกระทบที่ไม่เคยมีมาก่อน ระบบขนส่งและลอจิสติกส์ที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้นแทบจะเป็นอัมพาต อย่าแม้แต่จะคิดถึงการค้าระหว่างประเทศ กระทั่งการค้าข้ามเมืองยังค่อนข้างยาก ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ธัญพืช น้ำมัน ยาหรือแร่ธาตุ ทุกสิ่งกำลังถูกแทนที่ด้วยทรัพยากรจากโลกวิญญาณ
ค่าเงินกำลังประสบภาวะเงินเฟ้ออย่างรวดเร็ว สกุลเงินของสังคมมนุษย์กำลังด้อยค่าอย่างรุนแรง!
หากเมืองโดดเดี่ยว ถูกปิดกั้นจากรอบทิศทางอย่างสมบูรณ์ กระแสการไหลเวียนเงินจะหยุดชะงัก สุดท้ายเงินจะกลายเป็นเศษกระดาษ 100%
โชคดีก็คือ เมื่อโลกวิญญาณเปิด มีบางส่วนมันได้เชื่อมต่อกับโลกจริง ส่งผลให้มีทรัพยากรทางวิญญาณจำนวนมากถูกปล่อยออกมา ขับหนุนให้เงินที่สมควรด้อยค่า สามารถกลับมาหมุนเวียนในเมืองได้อีกครั้ง
ความต้องการสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์โลกวิญญาณเพิ่มขึ้น บวกกับระบบชาติที่ยังไม่ล่มสลาย ภายใต้สภาวะที่ทั้งสองฝ่ายพยายามดิ้นรนเพื่อช่วยเหลือตัวเอง ตราบใดที่สกุลเงินแข็งใหม่(หินคริสตัล) ยังไม่ปรากฏในโลกจริง สกุลเงินของมนุษย์ก็ยังพอมีค่าอยู่
และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมททรัพย์สินจากโลกวิญญาณถึงมีราคาแพง ปัจจุบันทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยตัวแปร ความมั่งคั่งที่สั่งสมโดยตระกูลหวังนั้นค่อนข้างใหญ่ พวกเขามีเผือกร้อน (เงินสด) ในมือมากเกินไป ดังนั้นต้องรีบจ่ายออกไปให้เร็วที่สุด
สิ่งเดียวที่นายน้อยฉงเสียใจก็คือเขาไม่สามารถรับหินสกิลเทคนิคความกลัวได้ในทันที
หลังจากจ่ายเงิน 60 ล้าน เขาต้องกลับสู่โลกจริงในเมืองหัวเฉิง รับเอาหินสกิลตาเหยี่ยวมา ตอนนี้เลยต้องปล่อยให้หินสกิลเทคนิคความกลัวอยู่ในมือฮังอวี่ชั่วคราว
สำหรับค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปเพื่อให้ได้รับหินสกิลตาเหยี่ยว หวังฉงไม่สนใจเลย ลูกศรเมื่อรั้งสายแล้วอย่างไรต้องยิงออก เขาไม่สามารถล้มเหลวได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
สูญเสีย 60 ล้านเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การทำให้ฮังอวี่ต้องขุ่นเคืองเป็นเรื่องใหญ่!
อาจกล่าวได้ว่าหวังฉงได้รู้ซึ้งถึงความสำคัญของฮังอวี่แล้ว เขาทราบดีว่าอีกฝ่ายเป็นบุคคลระดับพระเจ้าที่มิอาจล่วงเกิน อย่างน้อยก็ในโลกวิญญาณ ...
ณ ขณะนี้ ฮังอวี่ใช้ 50 แต้มวิญญาณเรียนรู้สกิล ‘ปะทะเดือด’
หินสกิลสลายกลายเป็นหมอกแสง ไหลเข้าสู่ร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว
ข้อมูลและความรู้จำนวนมาก หรือกระทั่งความจำของกล้ามเนื้อได้ก่อตัวขึ้นในร่างกายเขา ช่วยให้คุ้นชินกับความสามารถใหม่อย่างรวดเร็ว
[ปะทะเดือด] หนึ่งในชิ้นส่วนมรดกของนักสู้ เลเวลสกิล1 (0/50) , เลเวลสกิลสูงสุด 3 , จ่ายพลังจิต 3 หน่วยเพื่อทำดาเมจแก่เป้าหมาย เพิ่มพลังโจมตีทันที 100% , เพิ่มความเร็วในการโจมตี 10% , มีโอกาสสร้างเอฟเฟกต์กระเด็นถอยหลังและมึนงงแก่ศัตรู , เวลาคูลดาวน์ 8 วินาที
นี่คือสกิลโจมตีระยะประชิดที่ทรงพลังมาก! มันเสริมพลังโจมตีได้อย่างน่าอัศจรรย์! ไม่เพียงสามารถสร้างดาเมจเป็นสองเท่า ขณะเดียวกันก็มีโอกาสสร้างเอฟเฟกต์แก่ศัตรู แถมคูลดาวน์ยังแค่ 8 วินาทีเท่านั้น
หลังจากฮังอวี่เรียนรู้สกิลนี้แล้ว ประสิทธิภาพการต่อสู้ในระยะประชิดของเขาได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก สามารถสร้างความเสียหายจากการโจมตีได้อย่างร้ายกาจ พลังรบโดยรวมเพิ่มพูนไปอีกขั้น!
‘ปะทะ’ เป็นสกิลขั้นต่ำที่ยอดเยี่ยมมาก หากสามารถเรียนรู้อีกสองสกิล ‘ต่อเนื่อง’ ‘ฉับไว’ สะสมชิ้นส่วนมรดกของนักสู้ได้ครบ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องหวาดกลัวในการโจมตีของเขา!
แน่นอน สกิลทั้งสามของนักสู้ล้ำค่ามาก ต่อให้เป็นฮังอวี่ หากต้องรับมือเกรงว่าคงลำบากไม่น้อย
ในตอนนั้นเอง จู่ๆจ้าวหมิงได้ลุกขึ้น เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เสี่ยวฮัง ฉันได้รับข่าวด่วน ปันจื่อเจอปัญหาเล็กน้อย เสี่ยวเฉียงกับฉันขอตัวกลับไปที่ค่ายก่อน”
ฮังอวี่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายผิดปกติ จึงเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ก่อนออกเดินทางครั้งนี้ ฉันเคยพูดเรื่องค่ายหมูป่าใช่ไหม” จ้าวหมิงอธิบายสั้นๆ “ฉันส่งปันจื่อเข้าไปฆ่ามอนสเตอร์ใกล้ๆค่ายหมูป่า เพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆ กระบวนการนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น พวกเราค้นพบตำแหน่งที่แน่ชัดของค่ายหมูป่า และยังเจอกับค่ายมนุษย์อีกสองค่ายที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง”
เจียงหนานรู้สึกตื่นเต้น “เจอทั้งค่ายมอนสเตอร์กับค่ายมนุษย์กลุ่มอื่น? นี่มันการค้นพบครั้งสำคัญชัดๆ”
ฮังอวี่เอ่ยถาม “สถานการณ์เป็นยังไง?”
“ระหว่างทางกลับ ปันจื่อกับทีมถูกกลุ่มโจรโลกวิญญาณซุ่มโจมตี ตอนนี้พวกเขาถูกล้อมอยู่ไม่ไกลจากค่าย เลยมีปัญหานิดหน่อย” จ้าวหมิงซื้อคัมภีร์เทเลพอร์ตหลายม้วนจากแผ่นศิลาเล่นแร่แปรธาตุ “ฉันกับเสี่ยวเฉียงต้องกลับไปช่วยพวกเขา”
ฮังอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “อยากให้ผมไปช่วยด้วยไหม?”
“ถ้าเป็นไปได้ ไว้ตอนโจมตีค่ายหมูป่า หวังว่านายจะให้ความร่วมมือ” จ้าวหมิงนึกทบทวนแล้วเอ่ยต่อว่า “แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ พวกเราจัดการกันเองได้”
คนของเขากำลังเดือดร้อน แต่จ้าวหมิงกลับไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากฮังอวี่
นั่นเพราะจากที่ได้ข่าวมา จ้าวหมิงคิดว่าเขาน่าจะพอรับมือสถานการณ์ได้
แล้วอีกอย่าง เหล่าจ้าวรู้ดีถึงสิ่งที่เรียกว่าน้ำใจของมนุษย์ เขาไม่ต้องการเป็นหนี้เรื่อยเปื่อย
เหล็กที่ดีควรใช้กับใบมีดที่เหมาะสม หากเขาให้ฮังอวี่ช่วยเหลือกระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆ ทำแบบนี้มันมีแต่จะกัดกินความสัมพันธ์อันมีค่าของมนุษย์
“นายน้อยฉง น้องเจียงคนสวย ลูกพี่ฮัง ขอตัวก่อน!” จางเสี่ยวเฉียงกับจ้าวหมิงเปิดใช้งานคัมภีร์เทเลเพอร์ต และเดินทางกลับค่ายทันที
เจียงหนานอดถามขึ้นมาไม่ได้ “อะไรคือโจรโลกวิญญาณ? มอนสเตอร์ตัวใหม่หรอ?”
“เปล่า พวกมันคือมนุษย์ ไม่ใช่มอนสเตอร์ เธอก็น่าจะรู้นี่ ว่าเมื่อตาย พวกเราจะดรอปไอเท็มอย่างน้อยหนึ่งชิ้น และถ้าอุปกรณ์นั้นยิ่งมีค่า โอกาสดรอปก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ... เทียบกับการสู้กับมอนสเตอร์แล้ว บางครั้งการล่ามนุษย์ก็มีความเสี่ยงน้อยกว่า แล้วยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า”
เจียงหนานตกใจมาก “คนฆ่ากันเอง? เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง!”
ฮังอวี่มองเจียงหนานกล่าวสั่งสอน “เธอต้องเข้าใจ ว่าในหลายๆครั้ง ผู้คนอันตรายยิ่งกว่ามอนสเตอร์!”
ถึงตอนนี้หวังฉงเองก็เอ่ยขึ้นด้วยว่า “ฉันเคยได้ยินเรื่องประมาณนี้มาก่อน หัวหน้าแก๊งโจรโลกวิญญาณ ดูเหมือนเจ้าหมอนั่นจะมีฉายาว่าอีแร้ง เพราะชอบล่าของจากศพ ช่วงนี้พวกมันเตร่อยู่รอบๆค่ายก็อบลิน มีหลายคนในค่ายเราถูกพวกมันฆ่าตาย”
เจียงหนานขมวดคิ้ว สถานการณ์ของโลกวิญญาณซับซ้อนกว่าที่เธอคิด