Ep.93 - กรีดเลือดเฉือนเนื้อ
1/2
Ep.93 - กรีดเลือดเฉือนเนื้อ
แต่สิ่งที่ทำให้นายน้อยฉงประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ อีกสามคนไม่มีท่าทีขัดขืนเลย
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะหากปราศจากฮังอวี่ พวกเขาคงไม่สามารถบุกมาถึงที่นี่ได้
แล้วอีกอย่าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาร่วมมือกับฮังอวี่ ดังนั้นเข้าใจนิสัยของเขาเป็นอย่างดี
ฮังอวี่มีบทบาทมากที่สุด ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่จะได้รับสินสงครามมากกว่าคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะเอาสมบัติที่มีมูลค่าโดยรวมเกินกว่า 40% หรือ 50% ของไอเท็มทั้งหมดไป แต่ส่วนแบ่งของคนอื่นๆก็ยังนับว่ายังดีอยู่
เจียงหนานเลือกอุปกรณ์สีขาวสองสามชุดสำหรับนักบวช และอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มค่าคุณสมบัติดีๆอีกนิดๆหน่อยๆเผื่อเก็บไว้ใช้เอง หลังจากนี้สามารถนำไปขายที่ค่ายเพื่อแลกหินคริสตัลได้
แน่นอน
เธอตั้งใจว่าจะเอาเจ้าพวกนี้กลับโลกจริงไปซักชิ้นสองชิ้นเช่นกัน
ครั้งนี้คุณพ่อของเจียงหนานทุ่มเงินมหาศาลเพื่อสนับสนุนซื้อของดีๆให้เธอ ตอนนี้เมื่อเธอได้รับสินสงครามกลับมา เป็นธรรมดาที่จะตอบแทนครอบครัวกลับคืน
อุปกรณ์ที่เหลือก็จะเป็นสีขาวขุ่นไม่ก็สีเทา และไอเท็มเบ็ดเตล็ดต่างๆ แม้คุณภาพของมันจะด้อยกว่าชิ้นที่เจียงหนานและฮังอวี่เอาออกไป แต่เหล่าจ้าวน้อมรับทั้งหมดด้วยความยินดี
สำหรับฮังอวี่มันอาจเป็นของที่มีคุณภาพปานกลาง แต่เวลานี้สำหรับคนอื่นๆแล้วมันถือเป็นของคุณภาพสูงที่แสนหายาก
แค่เหล่าจ้าวนำมันไปให้ลูกน้องเขาชิ้นเดียว ก็สามารถซื้อใจคนได้
ผลลัพธ์ค่อนข้างน่าพอใจ รางวัลเบื้องต้นถูกแจกจ่าย
ต่อไปก็ถึงคราวหินคริสตัลและหินสกิลแล้ว
ฮังอวี่นำหินคริสตัลสีขาว 40 ก้อน และหินคริสตัลสีเทา 70 ก้อนออกไป ส่วนที่เหลือทั้งสามแบ่งปันกันอย่างเท่าเทียม
ต่อมาก็หินสกิลทั้งสอง ‘เทคนิคความกลัว’ และ ‘ปะทะเดือด’
ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าหินสกิลพวกนี้ไม่เพียงมีมูลค่าสูงเท่านั้น แต่ยังไม่ต้องกังวลว่ามูลค่าจะตก
เอาจริงๆในการออกผจญภัยครั้งหนึ่ง แค่ดรอปหินสกิลได้ซักก้อนก็เหมือนกับบรรพชนลุกขึ้นจากหลุมมาอวยพรแล้ว แต่ครั้งนี้มันดรอปถึงสองก้อน ไม่เท่ากับว่าบรรพชนทั้งโคตรลุกขึ้นมาเฉลิมฉลองเลยหรอกหรือ?
สุสานบรรพชนของตระกูลฮังช่างครื้นเครงเสียจริง!
ฮังอวี่ไม่ทำตัวมีคุณธรรม แม้จะได้อุปกรณ์ดีๆไปมากแล้ว แต่เขาเลือกหยิบหินสกิล ‘ปะทะเดือด’ ออกมาทันที
สกิลปะทะเดือดเป็นหนึ่งในมรดกจากอาชีพที่เรียกว่านักสู้ มรดกของอาชีพนี้ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนสามชิ้น : ปะทะเดือด , โจมตีต่อเนื่อง , จู่โจมฉับไว
หรือเรียกย่อๆว่า ปะทะ ต่อเนื่อง ฉับไว
นับเป็นมรดกที่มีบทบาทดีที่ดีมากๆ!
ดังนั้น เมื่อฮังอวี่พบสกิลดีๆเช่นนี้เขาจะไม่ปล่อยมันไปอย่างแน่นอน
เจียงหนานกับจางเสี่ยวเฉียงไม่แสดงท่าทีต่อต้านปฏิเสธสักนิด แต่เหล่าจ้าวรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เพราะสกิลโจมตีระยะประชิดที่ทรงพลังเป็นสิ่งที่เขาต้องการมาก ทว่าในเมื่อฮังอวี่เอ่ยปาก เขาก็ต้องไว้หน้าอีกฝ่าย
ที่เหลือท้ายสุดก็คือหินสกิล ‘เทคนิคความกลัว’
ควรจัดการกับมันยังไงดี?
‘เทคนิคความกลัว’ แม้มีเอฟเฟกต์คล้ายๆกับสกิลเสียงหอนแห่งความหวาดกลัว แต่มันไม่ใช่สกิลหมู่ สามารถเลือกใช้งานได้กับเป้าหมายเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แค่นี้เอฟเฟกต์เชิงลบของมันก็เป็นอะไรที่สร้างความน่ารำคาญมากพอแล้ว!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้กับมอนสเตอร์!
เป็นสกิลที่ดีสำหรับผู้ใช้วิญญาณ
แม้ทั้งสี่อาชีพจะสามารถเรียนรู้มันได้ แต่เอฟเฟกต์เวลาแสดงผลจะไม่ดีเท่าผู้ใช้วิญญาณ นั่นก็เพราะเอฟเฟกต์ที่ส่งผลต่อจิตวิญญาณ มากหรือน้อยจะผันแปรตามค่าคุณสมบัติพลังวิญญาณและจิตรับรู้
ฮังอวี่กับเหล่าจ้าวเป็นนักรบ จางเสี่ยวเฉียงเป็นนักเวทย์ เจียงหนานเป็นนักบวช ตอนนี้จึงไม่ทราบว่าใครสมควรเป็นคนได้รับมันไป
หวังฉงทำสีหน้าเหมือนคนท้องผูกเป็นเวลานาน เมื่อเห็นทั้งสี่เริ่มเอ่ยถึงหินสกิลเทคนิคความกลัว เขาก็สงบใจไม่ไหวอีกต่อไป
“เอ่อ ... ถ้าหินสกิลนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับพวกนาย งั้นจะดีกว่าไหมถ้าไม่ปล่อยปุ๋ยกับน้ำไหลสู่ทุ่งนาของคนนอก”
หวังฉงจับจ้องหินสกิลด้วยแววตาสดใส เขาตระหนักดีว่านี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่สุดของตัวเอง “ฉันต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกคน เพราะงั้นขายให้ฉันเถอะ เสนอราคามาได้เลย”
จางเสี่ยวเฉียงกับเจียงหนานคาดไม่ถึงว่าหวังฉงจะตบเท้าแทรกเข้ามา ทั้งคู่ตกใจเล็กน้อย ไม่ทันตอบคำถาม
ส่วนจ้าวหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฮังอวี่แสดงสีหน้าครุ่นคิด “อ้างอิงจากราคาตามท้องตลาด ตอนนี้หินสกิลที่ไม่สามารถทำดาเมจได้หรือทำดาเมจน้อยจะอยู่ที่ประมาณ 50 ล้าน แต่หินสกิลนี้มองยังไงก็เป็นของดี ฉันว่าราคามันน่าจะซัก 80 ล้าน”
“นายน้อยฉง นายก็น่าจะรู้ ว่าอย่างแรกหินสกิลมีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้” จ้าวหมิงเอ่ยต่อทันที “อย่างที่สองเทคนิคความกลัวเป็นสกิลสายควบคุมที่ทรงพลัง มีประโยชน์ต่อทีมมาก ถ้ามันราคา 80 ล้าน ฉันว่าเหมาะสม”
สีหน้าท่าทีของหวังฉงซบเซาลงทันตา
80 ล้านไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แต่คนในทีมนี้ไม่ขาดเงิน ที่เขาเสนอราคาสูงก็สมควรแล้ว และอีกอย่าง ดูจากความสามารถของสกิลนี้ ที่คนอื่นๆบอกว่ามันทรงพลังก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน!
ความคิดหวังฉงตีกันยุ่งเหยิง เขาต้องการหินสกิลนี้จริงๆ
หวังฉงมีสกิลพรสวรรค์กรงเฮอริเคน หากได้รับเทคนิคความกลัวมาใช้งานอีกหนึ่งสกิล ความสามารถของเขาย่อมน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม ไม่เพียงมีพลังในการควบคุมศัตรูมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็นการสู้เอาชีวิตรอด หรือขอเข้าร่วมกับทีมอื่น ก็มีโอกาสมากขึ้นเช่นกัน
ด้วยสกิลสายควบคุมศัตรูทั้งสองนี้ อย่างน้อยมันช่วยการันตีได้ ว่าเข้าจะสามารถเข้าร่วมกับทีมอื่นได้ง่ายขึ้น
เอ่ยตามสัตย์จริง
เงิน 80 ล้านเพื่อซื้อหินสกิลที่ไม่ใช่สายโจมตีถือว่าแพงมาก
หวังฉงนิ่งคิดอยู่นาน สุดท้ายได้คำตอบ ตัดสินใจยอดมกรีดเลือดเฉือนเนื้อ
“ถ้าอย่างนั้น ... เรื่องหินสกิลตาเหยี่ยว ไม่ว่าฉันจะเสียไปเท่าไหร่ นายไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินแม้แต่หยวนเดียว ใช้มันหักส่วนต่างของหินสกิลนี้ไปได้เลย”
ว่าจบ หวังฉงมองไปทาง จ้าวหมิง จางเสี่ยวเฉียง และเจียงหนาน “ส่วนทั้งสามคน ฉันยินดีเพิ่มเงินให้อีกคนละ 20 ล้านหยวน ราคานี้เพื่อแลกกับหินสกิล ‘เทคนิคความกลัว’ พอรับได้ไหม?”
จางเสี่ยวเฉียงตะลึงงัน ปรากฏว่าหวังฉงยินดีจ่ายจริงๆ!
นั่นเท่ากับว่าหินสกิลตาเหยี่ยว + 60 ล้าน เพื่อแลกกับหินสกิลเทคนิคความกลัว!
ต้องรู้นะว่าแม้หินสกิลตาเหยี่ยวจะเป็นสายสนับสนุนไม่ใช่สายต่อสู้ แต่มูลค่าของมันอย่างน้อยต้อง 30-40 ล้านหยวนขึ้นไป ถูกไหม?
และจุดสำคัญที่สุดก็คือ ขณะนี้มันอยู่ในมือของประธานชูแห่งเมืองหัวเฉิง และการซื้อสินทรัพย์ในโลกวิญญาณของอีกฝ่ายทำเพื่อการลงทุนเป็นหลัก ซึ่งคนอย่างเขาไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน
ในทางกลับกันเป็นเงินซะเองที่เหมือนเผือกร้อน มันร้อนเกินกว่าจะถือไว้เฉยๆ จำเป็นต้องทุ่มออกเพื่อถ่ายโอนไปยังทรัพย์สินที่มีมูลค่าแทน หรือก็คือยากนักที่เขาจะยอมปล่อยมือจากมัน
ดังนั้นหากต้องการนำหินสกิลออกจากมือประธานชู ไม่ใช่แค่ต้องเพิ่มเงินเป็นสองเท่า แต่ยังต้องยอมติดหนี้บุญคุณเขาไม่น้อยเลยเช่นกัน
ซึ่งกรณีนี้หวังฉงไม่สามารถทำได้ เขาต้องขอความช่วยเหลือจากเหล่าหวัง พ่อของตนที่อยู่อีกเมืองหนึ่ง
ราคาของน้ำใจมนุษย์เป็นสิ่งที่ยากจะวัดเป็นเม็ดเงิน หากคำนวณด้วยความคิดนี้ จะเท่ากับว่าค่าหินสกิลเทคนิคหวาดกลัวที่หวังฉงจ่ายไป คือจำนวนเงินมหาศาล
ซึ่งฮังอวี่ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธมัน
อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่ได้หน้าด้านขนาดนั้น เขานำหินสกิลปะทะเดือดมาเป็นของตัวเองแล้ว ดังนั้นตามปกติ หินสกิลเทคนิคความกลัวจึงสมควรตกเป็นของ จ้าวหมิง จางเสี่ยวเฉียง และเจียงหนานอย่างเท่าเทียม
หากใช้มันนำไปแลกกับหินสกิลตาเหยี่ยวที่เขาต้องการเพียงคนเดียว นั่นดูไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
ถึงหวังฉงจะมอบเงินให้ทั้งสามจำนวนหนึ่ง แต่เห็นได้ชัดว่านั่นไม่เพียงพอ
ฮังอวี่เองเวลาทำสิ่งใดไม่เคยยอมขาดทุน แต่ขณะเดียวกันเขาไม่เคยคิดเอาเปรียบผู้อื่นโดยปราศจากเหตุผล
ปัญหาก็คือ ฮังอวี่ต้องการสกิลตาเหยี่ยวจริงๆ และนายน้อยฉงก็ช่วยประหยัดเวลาตรงส่วนนี้ได้มาก เรื่องนี้เย้ายวนใจฮังอวี่เป็นอย่างยิ่ง
“ทุกคนมานี่หน่อย”
ฮังอวี่ไม่ตัดสินใจทันที เขาเรียกจ้าวหมิง จางเสี่ยวเฉียง และเจียงหนานแยกตัวออกไป
นายน้อยฉงเห็นทั้งสี่สุมหัวกันส่งเสียงงึมงำ ไม่ทราบว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร
แต่ใช่เวลาไม่ถึงห้านาที สีหน้าของเหล่าจ้าวและเจียงหนานแสดงออกถึงความปิติยินดี ทั้งคู่พยักหน้าอย่างแรง
“ตกลง เอาตามที่นายพูด” ฮังอวี่เดินกลับมาหาหวังฉง “นายต้องจ่ายเงินมัดจำให้ทั้งสามคนก่อน ส่วนหินสกิลความกลัวต้องอยู่กับฉัน เอาไว้นายได้หินสกิลตาเหยี่ยวมาเมื่อไหร่ พวกเราค่อยทำการแลกเปลี่ยนกันอีกครั้ง”