CD บทที่ 191 เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร
ถ้าการจากไปของหัวหน้าทีมคูเร็วจนตั้งตัวไม่ทันอย่างไร การมาถึงของเหมี่ยวอิงก็ยิ่งเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงไม่แพ้กัน
อันที่จริง สถานที่เช่น แผนกสืบสวนเป็นแผนกที่มีข่าวสารเดินทางอย่างรวดเร็ว คนในแผนกจะได้ยินบางสิ่งบางอย่างก่อนเสมอ เมื่อใดก็ตามที่มีการเปลี่ยนแปลงบุคลากรที่สำคัญ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีวี่แววของการมาถึงของเหมี่ยวอิงเลย ไม่เพียงแต่เจ้าหน้าที่ธรรมดา ๆ เท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องนี้ แต่แม้แต่เหมาเว่ยและหลิวชางฮูก็ยังไม่เรื่องเลย นอกจากพวกเขาแล้ว แม้แต่รองหัวหน้าหลันเสี่ยวเสี่ยวซึ่งเป็นคนนำเหมี่ยวอิงเข้ามาและแนะนำให้ทุกคนรู้จัก ตัวเธอก็เพิ่งจะทราบเรื่องนี้และยังไม่ได้เตรียมตัวเช่นกัน
หากหัวหน้าโจวไม่ได้โทรหาเธอก่อนหน้านี้ เธอไม่มีทางรู้เลยว่าจะมีคนเข้ามาเป็นหัวหน้าทีม B ในวันนี้
ด้วยเหตุนี้ การมาถึงอย่างกะทันหันของเหมี่ยวอิงทำให้บรรยากาศดูอึดอัดเล็กน้อย
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทุกคนต่างคาดเดาว่าใครจะเป็นหัวหน้าทีม B คนต่อไป บางคนรู้สึกว่าในแง่ของความอาวุโสแล้ว เผิงซินอาจถูกโยกย้ายไปรับตำแหน่งนี้หรืออาจเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่อาวุโสไม่กี่คนในทีม B
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคิดว่าผู้ที่มารับตำแหน่งจะเป็นน้องใหม่จากสถานีรุ่ยหยางที่อยู่ห่างไกลมาเป็นหัวหน้าทีม!
นอกจากนี้ เมื่อทุกคนได้ยินว่าเหมี่ยวอิงเคยเป็นหัวหน้าแผนกสืบสวน พวกเขาก็ยิ่งงุนงงและระมัดระวังมากขึ้น
แม้ว่าจะมีความงุ่มง่ามอยู่บ้างแต่เหมี่ยวอิงก็ยังดำเนินการตามปกติ หลังจากแนะนำตัวจากรองหัวหน้าหลันแล้ว เหมี่ยวอิงก็แนะนำตัวเองสั้น ๆ และบอกว่าเธอจะทำงานหนักกับทุกคนและหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกคน ฯลฯ
หลังจากการแลกเปลี่ยนคำพูดที่สุภาพและเป็นไปตามธรรมเนียมแล้ว การประชุมวิเคราะห์คดีลักพาตัวเมียนหลิงก็ดำเนินต่อไป
เหมี่ยวอิงไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนนอก เธอดึงเก้าอี้ขึ้นและนั่งตรงกลางของทุกคนและเริ่มฟังความคิดของเหมาเว่ยเกี่ยวกับการสืบสวนอย่างรอบคอบ
ที่จริงแล้ว ไม่มีอะไรใหม่เกี่ยวกับสิ่งที่เหมาเว่ยพูดเลย เขาเพียงแค่คัดลอกทุกอย่างจากสิ่งที่คูปิงพูด ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต แม้แต่ข้อมูลบนไวท์บอร์ดก็ไม่ถูกย้ายไปไหน
หลังจากที่จ้าวหยู่ตั้งใจฟังอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตระหนักว่าเบาะแสของเฉิงซานหลี่ซึ่งเขาได้รับจากหยางเหวินเทานั้นได้ถูกละทิ้งไปแล้ว ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาขณะที่จ้าวหยู่ไม่ได้มาทำงาน
ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเฉิงซานหลี่อย่างละเอียดและยังพบสำเนาสัญญาเหมืองเงินในปีนั้นบนคอมพิวเตอร์ของหยางเหวินเทา วันที่ในสัญญาพิสูจน์ว่าเฉิงซานหลี่ทำสัญญากับเหมืองเงินเมื่อสามสิบปีที่แล้ว
ข้อมูลอีกชิ้นหนึ่งยังแสดงให้เห็นว่าหลังจากที่เฉิงซานหลี่ทำสัญญากับเหมืองเงินในปีนั้น เขาได้ขุดแร่เงินและร่ำรวยขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงสามารถสรุปได้ว่าเฉิงซานหลี่ร่ำรวยก่อนที่คดีลักพาตัวเมียนหลิงจะเกิดขึ้น!
ความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นคนร้ายลักพาตัวนั้นจึงมีน้อยมาก
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ จ้าวหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง หากเบาะแสเกี่ยวกับเฉิงซานหลี่ไม่ได้ผล เขาก็เหลือเพียงความหวังสุดท้ายซึ่งเป็นความจริงเบื้องหลังการเสียชีวิตของคูปิง ดังนั้นจ้าวหยู่ตัดสินใจว่าเขายังคงต้องปฏิบัติตามแผนเดิมซึ่งก็คือการใช้เครื่องจับเท็จล่องหนเครื่องสุดท้ายกับโฮ่วเมิง
เนื่องจากเหมี่ยวอิงเพิ่งมาถึงและยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนอื่น ๆ เธอจึงกลับมาที่ทีม B หลังจากการประชุมวิเคราะห์คดีเพื่อประชุมและแนะนำตัวกับสมาชิกในทีมของเธออย่างรวดเร็วก่อนที่จะออกจากสถานีไป
สำหรับทีม A ของจ้าวหยู่ มีชีวิตชีวามาก ทุกคนรู้สึกมีความสุขกับการกลับมาของจ้าวหยู่และคอยขอให้เขาเลี้ยงข้าว
อย่างไรก็ตาม จ้าวหยู่กำลังสืบสวนคดีนี้อยู่และเขาใช้ข้ออ้างว่าต้องไปถอดไหมเย็บแผลบนศีรษะของเขา
โดยเขาสัญญาว่าถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ เขาจะพาทุกคนไปกินเลี้ยงในร้านอาหารหรูอย่างแน่นอน
หลังจากออกจากสถานี จ้าวหยู่ก็ไม่มีอารมณ์จะทานอาหารกลางวัน เขาขอให้หลี่เบ่ยหนีช่วยนัดหมายที่เรือนจำ เขาวางแผนที่จะไปที่นั่นทันทีเพื่อสอบปากคำโฮ่วเมิง
ระหว่างทางไปเรือนจำ เขารู้สึกไม่สบายใจ มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันและเขารู้สึกว่าดูเหมือนว่าจะมีกองกำลังที่มองไม่เห็นหยุดไม่ให้เขาสืบคดี เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการทุ่มเทสุดใจในการสืบสวนคดีนี้ อาจมีอุบัติเหตุบางอย่างก็จะเกิดขึ้น เขาไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าโชคร้ายจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่!?
นอกจากนี้ การมาถึงอย่างกะทันหันของเหมี่ยวอิงทำให้เขาประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะดูหยิ่งผยองและน่ารำคาญต่อหน้าเหมี่ยวอิงแต่เขาก็รู้สึกว่างเปล่าแปลก ๆ ทุกครั้งที่เหมี่ยวอิงจากไป ตอนแรกเขารู้สึกว่าเขามีหลายสิ่งที่จะพูดกับเหมี่ยวอิงแต่หลังจากเห็นเธอ เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และหลุดปากโต้เถียงกับเธอออกไป!
จ้าวหยู่คิดว่า ในตอนที่เขากับเหมี่ยวอิงกลายเป็นเพื่อนร่วมงานกัน สิ่งเหล่านี้อาจนำความรักของเขางอกเงยขึ้นมา จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความกล้าหาญของเหมี่ยวอิงและริมฝีปากสีแดงอ่อนของเธอ…
“หึหึ… ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะมีโอกาสเจอเหมี่ยวเหรินเฟิงทุกวัน นั่นหมายความว่าฉันจะมีโอกาสกับเธอมากขึ้นหรือฉันมีโอกาสสูงที่จะถูกเธอทุบตี?” เขาสงสัย
ในที่สุด จ้าวหยู่ก็มาถึงเรือนจำหรงหยาง ในขณะที่ปล่อยให้ความคิดของเขาหลุดลอยไป ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ของเรือนจำได้บอกกับเขาว่าตำรวจหญิงจากสถานีหรงหยางกำลังสอบสวนโฮ่วเมิงอยู่
‘เอ๊ะ?’ จ้าวหยู่รู้สึกประหลาดใจและมองไปที่บันทึกของผู้มาเยือนอย่างรวดเร็ว จากนั้น เขาพบชื่อของเหมี่ยวเสี่ยวหยิงบนกระดาษ
‘เป็นเธอเองเหรอ!? นี่ล้อเล่นใช่มั้ย มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่า? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ฉันมาที่นี่เพื่อสอบปากคำโฮ่วเมิงเพราะฉันมีเรื่องสำคัญจะถาม! แล้วเธอล่ะ ทำไมเธอถึงมาที่นี่เพื่อสอบปากคำโฮ่วเมิง เป็นไปได้ไหมว่า…“จ้าวหยู่ไม่ใช่คนโง่และดูเหมือนว่าเขาจะรู้ตัวอะไรบางอย่างในทันใด”เหมี่ยวอิงคนนี้... อย่าบอกนะว่า... จุดประสงค์ของเธอเหมือนกับฉันงั้นเหรอ? เธอเองก็กำลังสืบสวนความจริงเบื้องหลังการเสียชีวิตของคูปิงด้วยสินะ”
จ้าวหยูเข้าใจอย่างรวดเร็วว่า มันอาจมีจุดประสงค์พิเศษบางอย่างว่าทำไมเหมี่ยวอิงถึงถูกย้ายมาที่สถานีหรงหยางอย่างกะทันหันและลดตำแหน่งตัวเองเพื่อมารับตำแหน่งของคูปิง!
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ล่วงหน้า! ถ้าอย่างนั้น... ในเมื่อเป็นอย่างนี้…”
จ้าวหยู่มองดูนาฬิกาของเขา ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายกว่า ๆ เขาได้คำนวนในใจว่า
"ตอนสิบเอ็ดโมง เหมี่ยวอิงมาถึงสถานี หลังจากทำธุระต่าง ๆ ของเธอเสร็จแล้วเธอก็ออกจากสถานีทันที เธอคงตรงมาที่นี่ไม่ต่างจากฉัน นั่นหมายความว่าเธอยังไม่ได้ทานอาหารกลางวันและตอนนี้เธอกำลังสอบปากคำโฮ่วเมิงอยู่ เธอคงไม่ออกมาเร็ว ๆ นี้..."
ในขณะที่จ้าวหยู่กำลังไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เขาก็หวนนึกถึงคำทำนาย ‘Kan-Zhen’ ในวันนี้ ซึ่งทำให้เขาคิดแผนได้อย่างรวดเร็ว หากแผนของเขาได้ผล ไม่เพียงแต่เขาจะได้เบาะแสจากโฮ่วเมิงเท่านั้น เขายังสามารถฟื้นคืนความสัมพันธ์ของเขากับเหมี่ยวอิงได้และมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเปลี่ยนจากศัตรูมาเป็นมิตร!
ดังนั้น จ้าวหยู่จึงโทรหาร้านพิซซ่าและสั่งอาหารกลับบ้านสองชุด จากนั้นนั่งบนม้านั่งยาวนอกห้องสอบสวนและรออย่างอดทน
5 นาทีต่อมา ของที่เขาสั่งก็มาถึง
จากนั้น 8 นาทีต่อมา เหมี่ยวอิงที่สอบปากคำโฮ่วเมิงเสร็จแล้ว เธอก็ออกมาจากห้องสอบสวนและเห็นจ้าวหยู่พร้อมอาหารในมือของเขา!
เหมี่ยวอิงอารมณ์ขึ้นในทันที เธอจ้องไปที่จ้าวหยู่และตะโกนว่า
"จ้าวหยู่ คุณว่างมากหรือไง? ทำไมคุณถึงตามฉันมา!?"
"เฮอะ!" จ้าวหยู่ดูไม่แปลกใจ “ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณจะพูดกับฉันอย่างนั้นแต่ฉันขอบอกคุณไว้ก่อนนะ ทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น เหมือนกับตอนที่ฉันไปเจอกับเจ้าหนุ่มจาง ลูกน้องของคุณที่หยูหลางเดียนตอนนั้นไง ฉันบอกความจริงไปหมดแล้ว ทีนี้คุณจะยอมเชื่อฉันรึเปล่า?”
เหมี่ยวอิงส่ายหัวอย่างไม่อดทนก่อนจะจากไป โดยไม่แม้แต่จะพูดว่า ‘ฉันไม่กวนคุณแล้ว ขอตัวก่อน’
“หัวหน้าเหมี่ยว!” จ้าวหยู่ยังคงถืออาหารกลับบ้านและพูดอย่างยียวนว่า "โอ้ ตอนนี้ควรจะเรียกคุณว่าหัวหน้าทีมเหมี่ยวสินะ คืองี้นะ ฉันพอจะเดาได้ว่าตอนนี้คุณไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจเมื่อคุณสอบปากคำโฮ่วเมิงใช่ไหม?"
หลังจากได้ยินสิ่งที่จ้าวหยู่พูด มันเหมือนกับว่ามีความนัยซ่อนอยู่ในช่องระหว่างคำ ทำให้เหมี่ยวอิงหยุดเดินแต่เธอไม่ได้หันหลังกลับมา
“หึหึ คุณจำวิธีที่ฉันสอบปากคำหลิวเผิงเฟยได้มั้ย?” จ้าวหยู่ยิ้ม “ฉันเตรียมการสำหรับการสอบปากคำแบบนั้นมาแล้ว! บางทีฉันอาจช่วยคุณได้!”
คราวนี้เหมี่ยวอิงหันหลับมา เมื่อนึกถึงการแสดงที่น่าอัศจรรย์ของจ้าวหยู่ ในตอนที่เขาสอบปากคำหลิวเผิงเฟย เธออดไม่ได้ที่จะคล้อยตามคำพูดของเขา
จากนั้น จ้าวหยู่ก็เอาชุดอาหารอีกชุดมอบให้เธอ
"รับไปสิ หัวหน้าเหมี่ยว เมื่อกินเสร็จแล้ว การทำงานร่วมกันครั้งที่สองของพวกเราจะเริ่มต้นขึ้น!!"