ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 29
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 31

เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 30


เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 30

"นายท่าน ด่านหูกวนถูกยึดไปแล้วขอรับ" บอกสุ้นที่หลบหนีมาทางจิ้นหยางตลอดทางกล่าวรายงานด้วยใบหน้าโศกเศร้า

"ข้าก็บอกเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเราสู้ลิโป้ไม่ได้ เจ้าก็ไม่ฟัง ลิโป้ผู้นี้มีชื่อเสียงบารมีในหมู่ชาวซยงหนูและเซียนเป่ย อีกทั้งยังมีศักดิ์เป็นลูกบุญธรรมของเต๊งหงวน ที่โจรเฒ่าตั๋งโต๊ะแต่งตั้งข้ามารับตำแหน่งครั้งนี้ เจตนาคือส่งข้ามาตายชัดๆ" เตียนเอี๋ยงกล่าวอย่างขื่นขม

"นายท่าน ในเมืองจิ้นหยางยังมีกำลังคนและม้าอยู่ราวหนึ่งหมื่น อีกทั้งกำแพงของจิ้นหยางยังสูงและมั่นคง มีข้าวและน้ำอุดมสมบูรณ์ ไม่ขาดแคลนพลังสู้รบ ข้าน้อยทราบมาว่าลิโป้มีกำลังทหารเพียงไม่กี่พัน หลังจากผ่านการต่อสู้ศึกแล้วศึกเล่า ไพร่พลของเขาย่อมต้องเหนื่อยล้า เมื่อเป็นเช่นนี้ผลลัพธ์ของสงครามก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว" บอกสุ้นกล่าวโน้มน้าว

"ไฮ๊ เสียด่านหูกวนไปแล้ว แล้วจะจิ้นหยางจะรับมือลิโป้ได้อย่างไร? ในความเห็นของข้า พวกเราควรจับมือคืนดีกับลิโป้ หากเขาต้องการกลับจิ่วหยวน ก็ปล่อยให้เขากลับไปเถอะ" เตียนเอี๋ยงทอดถอนใจ

"นายท่าน ข้าเกรงว่าที่ลิโป้ต้องการจะไม่ใช่จิ่วหยวน หากแต่เป็นทั้งมณฑลปิงโจว พ่อบุญธรรมของเขา เต๊งหงวน เคยเป็นเจ้าเมืองปิงโจวมาก่อน และยังมีบารมีอย่างมาก ลิโป้แน่นอนว่าย่อมไม่มีความคิดเดินทางไปรับตำแหน่งนายอำเภอตั้งแต่ต้นแล้ว" แม่ทัพอีกนายก้าวออกมากล่าว

"เดิมทีข้าก็ไม่ต้องการรับการแต่งตั้งอยู่แล้ว หากว่าเจ้าสามารถยืนหยัดปกป้องด่านหูกวนได้ ลิโป้ก็คงทำอะไรพวกเราไม่ได้ แต่ตอนนี้ข้าถูกบีบให้ต้องกลายเป็นศัตรูกับลิโป้ไปแล้ว เจ้ายังจะให้ข้าทำอะไรอีก?" เมื่อได้ยินว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกลายเป็นศัตรูกับลิโป้ เตียนเอี๋ยงก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ

"นายท่าน ข้าน้อยขออาสานำกำลังไปโจมตีลิโป้ เพื่อทำคุณไถ่โทษขอรับ!" กำลังคนและม้าที่ประจำการอยู่ในเมืองทำให้บอกสุ้นมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาเคยสังเกตกองทัพของลิโป้มาแล้ว อย่างมากเพียงมีทหารไม่เกินหกเจ็ดพันคน เทียบกันแล้ว ฝ่ายเขามีโอกาสชนะสูงกว่า ที่เขาต้องเสียดายหูกวนนั้นไม่ใช่เพราะฝีมือของลิโป้ แต่เพราะถูกก่อกบฏจากภายในต่างหาก

"แม่ทัพบอก ข้ารู้ว่าเจ้าน่ะเก่งกล้าสามารถ แต่ลิโป้นั้นมีชื่อเสียงไปทั่วแผ่นดิน ใช่คนที่ข้าและเจ้าจะไปตอแยได้หรือ?" เตียนเอี๋ยงกุมหน้าผาก

"นายท่าน ทัพปิงโจวก็มีกำลังอยู่เพียงเท่านั้น คนของเรามากกว่าเขาตั้งมาก ทำไมพวกเราไม่ลองสู้ดูเล่าขอรับ?" บอกสุ้นพยายามโน้มน้าว เตียนเอี๋ยงเป็นคนดี เพียงแต่เขามีจุดอ่อนคือนิสัยที่กลัวนู่นระแวงนี่

"นายท่าน ข้าคิดว่าแม่ทัพบอกสุ้นวินิจฉัยได้ถูกต้องแล้ว นายท่านเป็นเจ้าเมืองปิงโจวโดยชอบ ขณะที่ลิโป้เป็นเพียงนายอำเภอตัวเล็กๆ ต่อให้แม่ทัพบอกสุ้นเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ เมืองจิ้นหยางก็ยังมีกำแพงมั่นคงแข็งแรง ลิโป้ไม่มีทางตีเมืองของเราได้แน่ขอรับ" ที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งก็ช่วยบอกสุ้นเกลี้ยกล่อมเตียนเอี๋ยง

เตียนเอี๋ยงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบ "ตกลง ให้แม่ทัพบอกสุ้นนำไพร่พลหนึ่งหมื่นไปโจมตีลิโป้ หากสำเร็จจะมีความดีความชอบครั้งใหญ่" ในใจเตียนเอี๋ยงยังหวังให้บอกสุ้นชนะกลับมา รสชาติของการมีอำนาจอยู่ในมือนั้น พอได้ลองลิ้มชิมรสสักครั้ง ก็ยากที่จะตัดใจปล่อยวางได้ลง

"ขอรับ" บอกสุ้นกุมหมัดรับด้วยความยินดี

หลังจากพักผ่อนอยู่ที่ด่านหูกวนอยู่หลายวัน ลิโป้ก็ได้รับข่าวว่าเตียนเอี๋ยงได้สั่งให้บอกสุ้นนำกองทัพจำนวนหนึ่งหมื่นมาปราบ ลิโป้หันไปมองลิซกด้วยความเลื่อมใส ชื่อเสียงของลิซกในประวัติศาสตร์นั้นไม่ค่อยดีสักเท่าใด กระนั้นเวลานี้เขากลับแสดงความสามารถอันยอดเยี่ยมครั้งแล้วครั้งเล่า มีส่วนช่วยให้การตั้งตัวของเขาดำเนินไปด้วยความราบรื่น

"นายท่าน บอกสุ้นนำทัพมาคราวนี้ ย่อมไม่มีเจตนาดี พวกเราควรสั่งสอนเขาสักครา" ลิซกกล่าว

"เว่ยกงมีแผนการใด?"

"นายท่าน หากท่านแสดงความอ่อนแอ ไม่สู้แสดงความเข้มแข็งของเราออกไป ให้เขาได้เห็นฝีมือการรบของทหารเรา"

ลิโป้พยักหน้า "แจ้งให้แม่ทัพทั้งหลายมารวมตัว"

เขาทิ้งขบวนสัมภาระไว้ภายในด่านหูกวน จากนั้นลิโป้จึงนำไพร่พลจำนวนห้าพันออกไปรับมือกับบอกสุ้น บอกสุ้นมีกำลังทหารมากกว่าเขาถึงสองเท่า แต่นั่นก็แค่ด้านปริมาณเท่านั้น ในด้านของคุณภาพ ทัพปิงโจวที่เจนสนามรบย่อมเหนือกว่าหลายขุม

เมื่อได้รับข่าวจากม้าเร็ว บอกสุ้นก็กระหยิ่มยิ้มย่อง ลิโป้นำคนและม้ามาเพียงห้าพันเท่านั้น แม้อีกฝ่ายจะมีทหารม้ามากกว่าเท่าตัว กระนั้นเมื่อเทียบกำลังทหารโดยรวมแล้วก็ยังถือว่าด้อยกว่า ในใจลอบหัวเราะเยาะลิโป้ที่ตั้งรับอยู่ในด่านดีๆไม่ชอบ กลับรนหาที่ ยกทัพออกมาปะทะกับเขาซึ่งหน้า เห็นได้ชัดว่าเป็นคนไม่มีหัวคิดแต่อย่างใด

"ส่งคนไปจับตาดูไว้ หากลิโป้มีความเคลื่อนไหว ให้รีบรายงานข้าทันที" บอกสุ้นออกคำสั่ง

ก่อนที่จะชิงชัยกันในสนามรบ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ส่งหน่วยสอดแนมออกไปชิงไหวชิงพริบก่อนแล้ว

ในทุกๆสงคราม หน่วยที่ออกไปต่อสู้กับศัตรูก่อนใครก็คือหน่วยสอดแนม พวกเขาล้วนแต่ต้องเป็นทหารฝีมือดี มิเช่นนั้นคงไม่อาจทำงานที่ทั้งอันตรายและต้องใช้ไหวพริบสูงเช่นนี้ได้

หน่วยสอดแนมที่บอกสุ้นส่งออกไปถูกสังหารแล้ว สองฝ่ายต่างก็เป็นทหารม้า เพียงแต่ทหารม้าของบอกสุ้นย่อมเทียบไม่ได้กับทหารม้าของลิโป้ ฝั่งลิโป้มีโกลนม้า แต่ฝั่งบอกสุ้นนั้นไม่มี แล้วทหารม้าของบอกสุ้นจะเอาอะไรไปสู้ได้?

"ท่านแม่ทัพ หน่วยสอดแนมที่เราส่งออกไปแทบถูกสังหารจนหมดสิ้นเลยขอรับ!" นายกองผู้หนึ่งวิ่งเข้ามารายงานหน้าตาตื่น

"ไม่เป็นไร ต่อให้ไม่มีหน่วยสอดแนม ลิโป้ก็ต้องพ่ายแพ้อยู่ดี เจ้ารีบนำทหารม้าสองร้อยนายออกไป หากพบเจอหน่วยสอดแนมของลิโป้ ก็สังหารให้สิ้น!" บอกสุ้นกล่าวเสียงเหี้ยมเกรียม

"ขอรับ" นายกองนั้นรับคำสั่ง นำทหารม้าสองร้อยนายบึ่งตรงไปที่แนวหน้า

เมื่อได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนม ลิโป้ก็แค่นเสียง "ดูเหมือนบอกสุ้นผู้นี้จะไร้ความสามารถจริงๆ ถึงกับส่งทหารม้าสองร้อยคนออกมาจัดการกับพลสอดแนมของเรา เหอะ โจเส็ง เจ้านำทหารม้าไปสองร้อย ไปแสดงให้บอกสุ้นดูว่าแบบใดจึงเรียกว่าทหารม้า"

"ขอรับ" โจเส็งรับคำด้วยความยินดี ติดตามลิโป้มาจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยเห็นกองทหารม้าจะสามารถต้านทานทหารม้าปิงโจวที่จำนวนเท่ากันได้มาก่อน กระทั่งทหารม้าเสเหลียง หลังเจอทหารม้าปิงโจวที่ติดตั้งโกลนม้าเข้าไปยังถูกเข่นฆ่าจนกระเจิดกระเจิง

เมื่อได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมต่อเนื่องติดต่อกัน ทหารม้าของบอกสุ้นก็ยากที่จะปกปิดร่องรอย ไม่ช้าโจเส็งก็พบกับกองทหารม้าของบอกสุ้น

ทั้งสองฝ่ายไม่เจรจาให้มากความ พอพบหน้าก็กระตุ้นท้องม้าพุ่งทะยานออกไป

ทหารม้าต่างคนต่างเร่งม้า พอเข้าสู่ระยะที่เหมาะสม สองฝ่ายก็หยิบคันธนูขึ้นมาน้าวสาย ก่อนจะยิงออกไปโดยที่ไม่ต้องให้สั่งการ

หลังผ่านฝนธนูไประลอกหนึ่ง นายกองของบอกสุ้นก็สูดหายใจด้วยความหนาวเหน็บ ฝ่ายเขาเสียทหารไปราวห้าสิบคน ขณะที่อีกฝ่ายเสียทหารอย่างมากก็แค่สิบคน ความแตกต่างด้านตัวเลขนี้ แสดงให้เห็นว่าทหารม้าของศัตรูร้ายกาจยิ่ง ดูการเคลื่อนไหวบนหลังม้าของฝ่ายตรงข้ามแล้ว ก็เห็นได้ว่าอีกฝ่ายสามารถผาดโผนได้อย่างง่ายดายราวกับไม่กลัวว่าจะร่วงจากหลังม้าอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งชมดุก็ยิ่งใจสั่น หากไม่ทราบมาก่อน เขาคงนึกว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับยอดทหารม้าเซียนเป่ยแห่งทุ่งหญ้าอยู่เสียอีก

โจเส็งที่ขี่ม้าอยู่ด้านหน้าพลันยกยิ้มอย่างเหยียดหยาม หอกในมือเสือกแทงทะลุอกนายกองของบอกสุ้นจนจบชีวิตไป

"แม่ทัพของพวกเจ้าตายแล้ว หากยอมจำนนจะได้รับการละเว้น!" โจเส็งตะโกนเสียงดัง

ความตายของนายกองทำให้ทหารม้าของบอกสุ้นสั่นสะท้านด้วยความกลัว เห็นได้ชัดว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ของทหารม้าสองฝ่ายห่างชั้นกันอย่างสิ้นเชิง

โจเส็งนำทหารม้าบุกกวาดล้างอยู่อีกพักหนึ่งก่อนจะเริ่มทำการเก็บกวาดสนามรบ เขาสั่งทหารไปจับม้ากลับมา ทั้งยังขนอาวุธชุดเกราะกลับไปทั้งหมด เหล่านี้ล้วนแต่เป็นของดีทั้งสิ้น ถึงอย่างไรทหารม้าของบอกสุ้นเหล่านี้ก็เกณฑ์เข้ามาจากทหารปิงโจว ดังนั้นม้าศึกที่ใช้จึงมีคุณภาพอยุ่ในระดับเดียวกัน ในสายตาของเหล่าเจ้าเมืองจงหยวนแล้ว ม้าศึกพวกนี้มีมูลค่านับพันตำลึง

นายกองพ่ายแพ้ถูกสังหาร จากทหารม้าจำนวนสองร้อย ที่เหลือรอดกลับไปมีจำนวนเพียงสิบกว่าคน บอกสุ้นพลันรู้สึกว่าเรื่องราวดูเหมือนจะยุ่งยากขึ้นมาเล็กน้อย ตัดสินเปรียบเทียบจำนวนการสูญเสียของสองฝ่ายดูแล้ว เขาก็ทราบได้ทันทีว่าทหารม้าของลิโป้เป็นทหารม้าชั้นยอด ซ้ำร้าย อีกฝ่ายยังมีทหารม้ามากกว่าเขา หากทหารม้าของลิโป้เอาแต่ก่อกวนไม่ยอมปะทะ เพียงคุกคามอย่างต่อเนื่อง ก็จะสามารถทำให้กองทัพของเขาต้องเหนื่อยล้าอ่อนแรงได้แล้ว