ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 54 โอสถทะลวงสวรรค์
ทำไมนักปรุงยาถึงเป็นที่ต้องการ?
ก็เพราะสิ่งเดียวในโลกใบนี้ที่สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตคนคนหนึ่งได้ นั้นคือยาวิเศษหรือโอสภทิพย์
การจะเป็นผู้ฝึกตนต้องเริ่มจากการฝึกบ่มเพาะ เมื่อบ่มเพาะสำเร็จแล้วจะทำให้แข็งแกร่งขึ้นเป็นสองเท่าจากคนธรรมดาทั่วไป และยิ่งบ่มเพาะได้สูงเท่าไรพลังก็มากขึ้นมากขึ้น และยิ่งมีวิชาดีๆ ก็ยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
เหมือนกับซู่เสี่ยวไป่ แม้ว่าจะอยู่ในเขตแดนผู้ฝึกยุทธขั้นสูงแต่บวกกับวิชา 2-3 วิชา เขาก็แข็งแกร่งพอจะจัดการจอมยุทธขั้นสูงได้แล้ว
แต่การฝึกวิชามันจะไปง่ายกว่าการฝึกบ่มเพาะได้อย่างไง?
แม้ว่าหลายคนจะสามารถบ่มเพาะได้ดีเยี่ยม แต่พวกเขากลับไม่เข้าใจวิชาที่ตัวเองฝึก ต่อให้มีวิชาดีแค่ไหนในมือ ก็ไม่สามารถดึงพลังของมันออกมาได้เต็มร้อย
แต่ยานั้นแตกต่างออกไป
มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องการฝึกบ่มเพาะหรือเป็นตัวช่วยในการฝึกวิชา แต่ความยากลำบากของมันก็คือ การตามหาวัตถุดิบมากลั่นปรุงยาเม็ดนั้น หากไม่สามารถล่าได้ก็ต้องซื้อมาในราคาที่สูง ไม่พอยังต้องให้นักปรุงยาเป็นคนกลั่นให้อีก ซึ่งไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ต่อให้สำเร็จก็ต้องเสี่ยงดวงอีกว่ายาเม็ดนั้นจะอยู่ในสภาพไหน….
ยาเม็ดเดียวสามารถเปลี่ยนพรสวรรค์ใครสักคนได้ในคืนเดียว!!
แต่แน่นอน จำเป็นจะต้องทุ่มทุนมหาศาล
คนธรรมดาๆ ที่มีพรสวรรค์ขั้นต่ำไม่สามารถเดินในวิถีทางของผู้ฝึกตนได้ หากมีตระกูลใดยอมทุ่มทรัพยากรให้ ก็เป็นไปได้ที่เขาจะฟูมฟักคนธรรมดาคนหนึ่งให้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ หรือจอมยุทธขั้นสูง!!
แต่ตระกูลใหญ่ๆ เขาไม่ทำกันแบบนั้น
ด้วยทรัพยากรที่เท่ากันเขาสามารถสร้างระดับจอมยุทธได้มากกว่าสิบคน หรือกระทั้งยอดยุทธเป็นสิบคน หรืออาจจะได้จ้าวยุทธสักคนด้วยซ้ำ คิดดูว่าทรัพยากรนั้นมากมายขนาดไหนที่จะเปลี่ยนจากคนธรรมดาที่มีพรสวรรค์บ่มเพาะต่ำให้กลายเป็นผู้ฝึกตน
มีแต่คนบ้าเท่านั้นและที่กล้าทำ
แต่ซู่เสี่ยวไป่ไม่ใช่พวกบ้าหรือสิ้นคิด!!
แม้ว่าตัวเขาเองจะเรียนมาน้อยก็ตาม
ความสามารถพื้นที่ฝึกฝนในคลิกเดียวของซู่เสี่ยวไป่นั้นถือว่าเป็นข้อยกเว้นอย่างหนึ่ง ที่จะไม่สนใจว่าเขาจะมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะมากน้อยแค่ไหน แต่มันจะทะลวงเขตแดนย่อยๆ ทุกชั่วโมง และทะลวงด่านที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ นั่นคือต่อให้ซู่เสี่ยวไป่มีพรสวรรค์บ่มเพาะที่สูงก็ตามมันก็ไม่ส่งผลกับเขาอยู่ดี
นอกจากว่าเขาจะมานั่งฝึกบ่มเพาะเอง
ทำให้ซู่เสี่ยวไป่ไม่สนใจที่จะเปลี่ยนแปลงพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเขา เพราะเปลี่ยนไปก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น
แต่ซู่หลิงเกอนั้นไม่ได้สามารถเอาความสามารถของระบบของเขาไปใช้ได้ การที่จะเปลี่ยนพรสวรรค์ของเธอได้ ก็มีแค่ทางเดียวคือการใช้ยาเข้าช่วย!!
“เท่าที่สมองของเราพอจะนึกออก ยาที่สามารถเปลี่ยนแปลงพรสวรรค์ได้อย่างต่ำสุดก็เป็นยาระดับ 4”
ยาต้องส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงจุดกระแสพลังภายในร่างและเส้นเลือดทั้งหมด ฤทธิ์ของยาต้องไปกรุยเปิดจุดให้หมด และทำให้คนธรรมดาสามารถที่จะบ่มเพาะดูดซับพลังได้ด้วยตัวเอง และพรสวรรค์จะเริ่มเปลี่ยนไป
ยาที่พอจะมีฤทธิ์แบบนี้ที่เขารู้จักก็มีแค่ โอสถทะลวงสวรรค์ ที่พอจะทำได้ แต่เม็ดเดียวไม่น่าจะพอ!!
หากต้องการจะเปิดจุดกระแสพลังกรุยเส้นเลือดใหม่ ต้องใช้อย่างน้อยๆ 10 เม็ด!!
ยาระดับ 4 นั้นเม็ดหนึ่งเม็ดราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ 1 ล้านเหรียญจิตแล้ว และยังแพงขึ้นไปได้เรื่อยๆ อีกจนถึง 10 ล้าน
นั่นก็คือ หากต้องการเปลี่ยนแปลงพรสวรรค์ของใครสักคนจำเป็นต้องทุ่มเงินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านเหรียญจิต นี้ยังไม่นับทรัพยากรอื่นๆ ที่ต้องลงทุนเพิ่มอีก
แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าการเปลี่ยนพรสวรรค์นั้นยากเย็นขนาดไหน!!
หากใครมารู้เข้าว่าใช้ยาระดับ 4 มากกว่า 10 เม็ด ให้กับคนธรรมดาๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงพรสวรรค์ พวกเขาเหล่านั้นคงพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า ช่างเป็นการกระทำที่สิ้นเปลืองที่สุดในโลก!!
แต่กลับกัน สำหรับซู่เสี่ยวไป่นั้น แค่เงิน 100 ล้าน เหมือนเศษเงินของเขาในเวลานี้ ต่อให้เป็นพันล้านร้อยล้านหมื่นล้านเขาก็จะใช้อย่างไม่ลังเล
“อย่างน้อยตอนนี้ ก็ต้องมีโอสถทะลวงสวรรค์สักเม็ดก่อน!!”
สำหรับซู่เสี่ยวไป่แล้ว เขานั้นได้เปรียบตระกูลอื่นๆ อยู่
ตระกูลที่มีขนาดใหญ่นั้นมีสมาชิกจำนวนมาก และต้องดูแลทุกคน ทำให้ต้องใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องหารายได้เพื่อให้พอดีกับรายจ่าย
ทรัยากรที่ให้กับนักรบของตระกูล
ค่าใช้จ่ายในการหาซื้อวิชา
ซื้ออาวุธและบำรุงรักษา
แล้วค่านู้นค่านี้อีกมากมาย
ทำให้พวกเขาต้องบริหารจัดการทรัพยากรอย่างระมัดระวัง การที่จะเลือกลงทุนให้กับผู้ฝึกตนสักคนนั้น พวกเขาต้องแน่ใจแล้วว่าคนผู้นี้มีอนาคตที่ก้าวไกล เมื่อผู้ฝึกตนคนนั้นเติบโตจะเป็นกำลังเสริมให้กับตระกูลได้ และพวกเขาก็จะได้รับผลตอบแทนกลับคืน
แต่ซู่เสี่ยวไป่นั้นไม่ต้องคิดอะไรแบบนั้น
ค่าใช้จ่ายเดียวที่เขามี คือจ่ายให้กับตัวเอง
ตัวเขาเปรียบเหมือนกับตระกูล
แล้วซู่หลิงเกอคือสมาชิกในตระกูลของเขา
อีกทั้งตัวเขาไม่ต้องการทรัพยากรในการฝึกฝน และยังมีร่างเงาค่อยออกล่าสัตว์อสูรให้อีก ซึ้งจะสร้างรายได้ให้กับเขาอาทิตย์หนึ่งไม่ต่ำกว่า 100 ล้านเหรียญจิต ทำให้ซู่เสี่ยวไป่นั้นสามารถที่จะทุ่มเททรัพยากรที่มีทั้งอย่างบ้าคลั่งให้กับซู่หลิงเกอได้!!!
“ในช่วงวันสองวันนี้ คงต้องออกตามหา โอสภทะลวงสวรรค์หรือสูตรกลั่นกับวัตถุดิบในการกลั่น ว่ามีขายที่ไหน..”
ซู่เสี่ยวไป่เริ่มมีเป้าหมายใหม่แล้ว
…
เช้าวันต่อมา
เรื่องของตระกูลหยวนนั้นไปถึงหูตระกูลใหญ่และเจ้าที่รัฐทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ส่วนใน!!
“ตระกูลหยวนถูกกวาดล้าง?”
ตอนนี้ทุกตระกูลที่ทรงอำนาจและยิ่งใหญ่ต่างแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างที่สุด
อันที่จริงชื่อตระกูลหยวนนั้นก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักสักเท่าไร ในหมู่ตระกูลทรงอำนาจ เพราะตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลก็เป็นแค่จอมยุทธขั้นสูง ถือว่าเป็นตระกูลเล็กๆ ที่คนในตระกูลอยู่ในพื้นที่ส่วนในไม่กี่สิบหรือกี่ร้อยคน
ในพื้นที่เขต 18 มีเพียงตระกูลหลักเท่านั้นที่มีขุมพลังพอจะกำหนดความเป็นความตายให้กับคนได้!!
ที่เรื่องนี้ไปทำให้พวกเขาสนใจ นั่นก็เพราะว่ามันเกิดขึ้นในพื้นที่ส่วนใน!!
ทุกคนต่างรู้จักกฏเหล็กข้อนี้ดี ว่าห้ามฆ่าประชาชนของพื้นที่ส่วนในเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม…
การทำเช่นนี้ไม่ต่างจากการท้าทายอำนาจของรัฐและ 4 ตระกูลหลัก สิ่งที่รออยู่สำหรับคนที่ลงมือมีแต่ความทรมานหรือความตายเท่านั้น
แต่ตอนนี้ ทั้งผู้นำตระกูลหยวนและสมาชิกหลายร้อยคนของตระกูลถูกสังหารเรียบในชั่วข้ามคืน!!
ทำให้ตระกูลใหญ่และรัฐบาลต่างสืบสาวหาต้นต่อ
แต่เนื่องจากตระกูลหยวนในช่วงนี้เตรียมตัวที่จะจัดการกับซู่เสี่ยวไป่ ทำให้พวกเขาไม่พบเบาะแสอะไรเลย
สิ่งเดียวที่พอจะรู้คือ ผู้ที่ลงมือต้องอยู่ในเขตแดนยอดยุทธอย่างแน่นอน เพราะผู้นำตระกูลหยวนเป็นถึงจอมยุทธขั้นสูง แต่กลับถูกสังหารได้
ทั้งตระกูลใหญ่และรัฐบาลต่างไม่พอใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และพยายามปกปิดข่าว ก่อนที่จะเริ่มส่งคนออกสืบสวน
แต่พวกตระกูลเล็กๆ ก็ได้ยินข่าวนี้เล็ดรอดออกมา ทำให้พวกเขาทั้งหมดรีบแห่กันไปหวังจะยึดอาณาเขตตระกูลหยวน
แต่เมื่อมาถึง พวกเขากับพบว่าตระกูลจางได้ยึดอาณาเขตของตระกูลหยวนไปเกือบทั้งหมด และเหลือที่ไว้เล็กน้อยให้กับตระกูลอื่นได้แย่งชิงกัน
จางเหิงล่งได้แต่หัวเราะชอบใจ จนไม่อาจจะปิดบังจากใบหน้าของเขาได้
สามวันต่อมา
คนจากสมาคมสมบัติอสูรก็มารับของ
“คุณซู่ครับ ยอดในครั้งนี้คือ 184.8 ล้าน ครับโปรดตรวจสอบดูก่อน..”