ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 53 ใช้ศาสตร์แห่งการกลั่นยา
ด้วยตัวคนเดียว
เข้าไปในพื้นที่ส่วนใน และกวาดล้างทั้งตระกูลหยวน!?
ถ้าทั้งสองไม่รู้ว่าซู่เสี่ยวไป่สามารถจัดการกับจอมยุทธขั้นสูงได้ในพริบตา พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อคำพูดนี้ของซู่เสี่ยวไป่อย่างแน่นอน และคิดว่าซู่เสี่ยวไป่คงพูดเล่นกับพวกเขา!!
ไม่มีใครรู้ถึงขุมพลังของตระกูลหยวนดีกว่าตระกูลจางอีกแล้ว
นอกจากหยวนเฟ่ยเคอที่เป็นจอมยุทธขั้นสูง ในตระกูลก็ยังมีจอมยุทธขั้นกลางอีกหลายสิบคน และยังมีฑูตประจำตระกูลที่เป็นจอมยุทธขั้นสูงอีก เป็นเหตุผลที่ทำให้ตระกูลจางนั้นเสียเปรียบทุกครั้งที่สู้รบกัน
แม้ว่ายังไม่ใช่ตระกูลที่ใหญ่โตอะไรในพื้นที่เขต 18 แต่ก็ไม่สามารถมองข้ามได้
ไม่เช่นนั้นตระกูลหยวนจะกล้าทำตัวหยิ่งผยองได้ขนาดนี้!!
แต่ในเวลานี้ตระกูลถูกเด็กน้อยเพียงคนเดียวกวาดล้างจนหมด…กระทั้งหมูหมาสักตัวในตระกูลก็ไม่เหลือ…
เมื่อทั้งสองคิดถึงเรื่องนี้ ก็ต่างจ้องมองซู่เสี่ยวไป่ด้วยแววตาที่หวาดกลัว
ฑูตซู่ผู้นี้แข็งแกร่งถึงขั้นไหนกัน?
“ต่อไปตระกูลจางของท่านผู้นำ ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวหรือเกรงกลัวใครหน้าไหนอีก”
“หลังจากวันนี้ไป ท่านผู้นำก็สั่งคนเข้าไปยึดอาณาเขตพื้นที่คืนได้เลย!!”
ซู่เสี่ยวไป่ไม่ได้สนใจอาณาเขตในการล่าสัตว์อสูรเท่าไร เพราะอาณาเขตเหล่านั้นคงเป็นพื้นที่ระดับต่ำ ไม่ได้มาทับที่ทับทางกับร่างเงาของซู่เสี่ยวไป่ เพราะหากล่าในพื้นที่ใกล้ๆ กัน มีหวังนักรบของตระกูงจางได้เจอกับฝันร้ายอย่างแน่นอน
อีกอย่าง พื้นที่ที่ร่างเงาของเขาออกล่านั้นก็ได้ผลตอบแทนดีกว่ามาก ภายใน 1 อาทิตย์ชิ้นส่วนที่ได้รับมานั้นมีมูลค่ามหาศาล จะมาเทียบกับปลาซิวปลาสร้อยที่ตระกูลหยวนออกล่าได้ไง
“ขอบคุณ!!...ขอบคุณ!! ตระกูลจางของเราเป็นหนี้บุณคุณฑูตซู่แล้ว!!”
จางเหิงล่งรีบกล่าวตอบรับอย่างว่องไว
“เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง อีกอย่างผมก็เป็นฑูตของตระกูลจาง และตระกูลจางก็ดูแลผมเป็นอย่างดีมาเป็นเวลานาน….ถือว่าสิ่งนี้เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากผมละกัน”
ซู่เสี่ยวไป่กล่าวรับพร้อมกับยิ้มให้
ตระกูลหยวนส่งเดรกมาสังหารเขา เขาก็ตอบแทนด้วยการไปล้างบางทั้งตระกูลหยวน
แต่ตระกูลจางถึงกับส่งรองผู้นำตระกูลมาปกป้องเขา ทำไมเรื่องแค่นี้เขาจะตอบแทนให้ไม่ได้
“เข้าใจความหวังดีของฑูตซู่แล้ว จางเหิงล่งผู้นี้จะไม่มีวันลืมบุณคุณนี้ไปตลอดชีวิต!”
จางเหิงล่งยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ที่จริงแล้วเขาวาดแผนเอาไว้ว่า จะพยายามเกลี้ยกล่อมให้ซู่เสี่ยวไป่ให้ช่วยเหลือตระกูลจาง พอที่จะทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดูดีขึ้นมาเล็กน้อย พวกเขาเองก็ไม่คิดว่าจะจัดการกับตระกูลหยวนทั้งหมดได้ เพราะตระกูลหยวนก็ไม่ใช่อ่อนแอ
พวกเขาไม่คิดด้วยซ้ำว่า จะสามารถจัดการกับตระกูลหยวนได้อย่างราบคาบ แต่อย่างน้อยๆ ก็ทำให้ตระกูลหยวนไม่กล้าที่จะบุกรุกพวกเขาอีก และทำให้ตระกูลจางพอได้หายใจหายคอบ้าง
ใครจะคิดว่า เมื่อเขามาขอความช่วยเหลือจากซู่เสี่ยวไป่ เรื่องทุกอย่างก็ถูกจัดการให้เรียบร้อยแล้ว
ตระกูลหยวนถูกกวาดล้าง
และซู่เสี่ยวไป่เองก็รับปากว่า จะเข้าไปจัดการฐานที่มั่นในอาณาเขตที่เหลือของตระกูลหยวน
ผลลัพธ์ที่เขาได้มานั้นเกินกว่าที่จางเหิงล่งคาดการณ์เอาไว้มาก ในทันที่เมื่อทั้งคู่กลับออกไป ใบหน้าของทั้งสองคนเต็มเปลี่ยมไปด้วยความสุข!!
“ระบบ ส่งเงาไปยังสถานที่ตามนี้ให้ที และให้ร่างเงาจัดการใครก็ตามที่อยู่ในพื้นที่นั้นให้หมด!!”
ซู่เสี่ยวไป่ส่งระบบทันที ให้ร่างเงาทั้งหมดไปตามจุดที่จางเหิงล่งได้บอกไว้กับเขา
แค่งานเก็บกวาดแค่นี้ ใช้แค่ร่างเงาก็เพียงพอ!!
“-เคลื่อนย้ายเรียบร้อย-”
ระบบได้ตอบกลับในทันที
ที่อีกด้านหนึ่ง ร่างเงาที่กำลังสู้กับสัตว์อสูร อยู่ๆ ร่างเงาก็หายไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย และไปปรากฏตัวขึ้นราวกับภูติผีในฐานที่มั่นของตระกูลหยวน
โดยนักรบที่อยู่ในฐานนั้น ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย พวกเขากำลังพูดคุยล้อเล่นกันอย่างสนุกสนาน หรือกำลังนั่งชำแหละสัตว์อสูรเพื่อเก็บเกี่ยวอยู่เลยด้วยซ้ำ
ไม่มีใครรู้ตัวเลยว่าอีกไม่ช้า พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการสังหารหมู่
….
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงซู่เสี่ยวไป่ก็จำส่วนที่ขาดไปของวิชาวิถีควบคุมมิติได้หมด
“ระบบ..ฝึกวิชาวิถีควบคุมมิติ”
ซู่เสี่ยวไป่รีบออกคำสั่งกับระบบอย่างอดใจไม่ไหว
“-ตรวจความทรงจำของเจ้านาย-”
“-วิชาวิถีควบคุมมิติถูกบันทึกแล้ว-
“-เจ้านาย เนื่องจากเนื้อหาของวิชายังไม่สมบูรณ์ เกรงว่าจะไม่สามารถฝึกวิชานี้ได้อย่างเต็มที่ เจ้านายต้องการจะฝึกอยู่หรือไม่?-”
ระบบตั้งคำถามกับซู่เสี่ยวไป่
“จัดไป…ไม่ต้องสน ฝึกมันเดียวนี้!!”
ตอนนี้วิชาได้ถูกเพิ่มเติมเนื้อหาแล้ว
เนื้อหาของวิชาที่เปลี่ยนไปทำให้ร่างเงาเริ่มฝึกฝนด้วยท่าทางใหม่ๆ เขาเองก็ต้องการขัดเกลาและปรับปรุงความสามารถของวิชาให้ดีขึ้น เพราะยิ่งฝึกก็ยิ่งเข้าใจแก่นแท้ของวิชามากขึ้น
ซู่เสี่ยวไป่นั้นก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า
หากว่าเนื้อหาไม่ครบถ้วน ระบบก็ช่วยฝึกได้ไม่มากอยู่ดี
ต้องหาส่วนที่ขาดไปมาให้ครบ!!
“-การวางวิชาฝึกสำเร็จเรียบร้อย-”
ร่างเงาของซู่เสี่ยวไปก็ฝึกฝนวิชาในส่วนของบทที่ขาดหายไปในทันที
“ระบบ จากความเร็วในการฝึกปัจจุบัน ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะบรรลุขั้นพื้นฐาน?”
ซู่เสี่ยวไป่ถามกับระบบ
“-16วัน-
เมื่อได้ยินตัวเลข ซู่เสี่ยวไป่ถึงกับอดอมยิ้มไม่ได้
แน่นอนนั้นก็เพราะเวลาภายในมิตินั้นเร็วกว่าโลกภายนอกถึง 1024 เท่า!!
แม้แต่วิชาระดับละเอียดอ่อน ธาตุมิติที่คนทั่วไปไม่อาจจะฝึกฝนได้ เขากลับใช้เวลาฝึกและบรรลุในขั้นกลางได้ภายใน 16 วัน!!
ยิ่งฝึกฝนมากเท่าไร ซู่เสี่ยวไปก็ยิ่งควบคุมมิติได้ดีขึ้น พื้นที่เก็บของก็กว้างขึ้น ร่างเงาพวกนี้ก็ฝึกตลอด 24 ชั่วโมง รออีกแค่ 16 วันเขาก็จะบรรลุขั้นพื้นฐานแล้ว
หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกตนคนอื่นต่อให้มีพรสวรรค์มากมาย หากว่าเขาคนนั้นไม่ได้อยู่ในเขตแดนที่สูงก็ไม่มีทางที่จะสำเร็จวิชานี้ได้ ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิต
“อีกไม่กี่วัน…จะถึงรอบขายของแล้ว เราจะได้เงินมาอีกก้อน!!”
ซู่เสี่ยวไป่ตอนนี้ ไม่รีบร้อนที่จะเพิ่มความสามารถให้กับตัวเองแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือทำให้ซู่หลิงเกอนั้นแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้
เพราะอย่างในวันนี้ที่สองพี่น้องตระกูลจางมาหา เขาได้เฝ้าคุ้มครองซู่หลิงเกอระหว่างที่ซู่เสี่ยวไป่ไม่อยู่
เพราะต่อไปในวันข้างหน้า เขานั้นอาจจะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่แข็งแกร่งกว่านี้ หรือไปมีเรื่องกับมหาอำนาจอื่น การปะทะกันคงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้
และซู่หลิงเกอจะกลายเป็นจุดอ่อนเดียวของเขา และเป็นเป้าที่ดีที่สุดที่จะเล่นงานซู่เสี่ยวไป่
เห็นได้ชัดอย่างวันนี้
ตอนที่เขาไปยังตระกูลหยวน สองพี่น้องตระกูลจางมาหาเขาถึงหน้าบ้านยังดี ที่ทั้งคู่เป็นมิตรกับเขา หากเป็นศัตรูล่ะ?
ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเลวร้ายขนาดไหน!!
“น้องหลิงนั้นมีพรสวรรค์บ่มเพาะระดับเดียวกับเราคือต่ำ ไม่มีทางที่จะเป็นผู้ฝึกตนได้เลย….แต่นั้นมันก็เมื่อก่อน…”
“ตอนนี้เรามีความสามารถพื้นที่กลั่นยาในคลิกเดียว ต่อให้พรสวรรค์ต่ำสุดก็ตาม เราก็เปลี่ยนมันให้กลายเป็นระดับสูงสุดได้!!”