MDB ตอนที่ 129 ต่างคนต่างคิด
ขณะที่หลินจินพูด เขาก็เรียกเข็มลวดขดเจาะเข้าไปในแมงมุมหน้าทารกและปิดผนึกการไหลเวียนของเลือด มาดามผีเด็กตัดสินใจศรัทธาในตัวภัณฑารักษ์ที่ไม่ธรรมดาคนนี้ เพราะดูเหมือนความหวังเดียวของเธอที่ยังเหลือให้ยึดติดอยู่
ภัณฑารักษ์พูดถูก เพื่อประโยชน์ในการทำให้แมงมุมหน้าทารกที่บาดเจ็บหนักของเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอจึงหันไปใช้การร่วมเลือดเพื่อยืดอายุของสัตว์เลี้ยงของเธอแต่เนื่องจากเป็นวิธีที่มีความเสี่ยง หากทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เธออาจเสียชีวิตภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี
ด้วยความหวังปรากฏขึ้นปลายขอบฟ้า ไม่มีเหตุผลใดที่เธอต้องยอมแพ้ในตอนนี้
มาดามผีเด็กเอื้อมมือไปที่ท้องของเธอและตัดเส้นวิญญาณที่เชื่อมต่อเธอกับสัตว์เลี้ยงของเธอ ทันใดนั้น เสื้อผ้าของเธอรอบ ๆ ตัวเธอก็เปียกโชกไปด้วยเลือด เผยให้เห็นภาพที่น่าสยดสยองและน่าสะอิดสะเอียน
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของมาดามผีเด็กดีขึ้น ดูเหมือนว่ามาดามผีเด็กเพิ่งได้รับโอกาสใหม่ในชีวิตแทน
หลินจินโยนรายงานการประเมินให้เธอ เมื่อเธออ่านผ่าน ๆ เธอก็คุกเข่าลงทันทีและขอบคุณทันที
“ข้าต้องขอบคุณน้ำใจของท่านภัณฑารักษ์เป็นอย่างยิ่งที่ให้โอกาสพวกเราได้มีชีวิตอีกครั้ง!”
“มีใครจะถามอะไรอีกไหม?” หลินจินถาม
ไม่มีใครพูด
หลินจินครุ่นคิดสั้น ๆ ก่อนพูดว่า “ข้ามีบางอย่างที่อยากให้พวกเจ้าทำ”
เหอฉิงเป็นคนแรกที่ตอบ “เพียงแค่บอกเราว่าท่านต้องการสิ่งใด ถ้าข้าทำได้ ข้าจะทุ่มสุดตัวเพื่อทำให้สำเร็จ”
ในสายตาของเหอฉิงนั้น สถานะของภัณฑารักษ์อยู่ในจุดสูงสุดเหนือสรรพสิ่ง มันคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าเขากลายเป็นไอดอลของเธอ เธอเริ่มคิดว่าภัณฑารักษ์เป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งของโลกหรือไม่?
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย
ข้อได้เปรียบที่พวกเขาได้รับจากภัณฑารักษ์จนถึงขณะนี้ถือว่าประเมินค่าไม่ได้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่ชั่วร้ายเช่น อีกาทมิฬและมาดามผีเด็กได้พัฒนาความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อภัณฑารักษ์และเชื่อมั่นในความสามารถของเขาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ถ้าหากมีคนอ้างว่าภัณฑารักษ์มีความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ พวกเขาก็เชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย ดังนั้น พวกเขาจึงเต็มใจรับใช้เขา
หลินจินเขียนรายการของที่ต้องการและส่งให้พวกเขา
“ข้าต้องการวัสดุเหล่านี้ ใครก็ตามที่สามารถนำมาให้ข้าในระหว่างการเยี่ยมครั้งต่อไปข้าจะทำความสะอาดเส้นเลือดของสัตว์วิเศษหนึ่งครั้ง”
ดวงตาของทุกคนเป็นประกายขึ้นทันที
หากได้ผู้ดูแลทำความสะอาดเส้นเลือดของสัตว์ร้ายเป็นการส่วนตัว นั่นจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับสัตว์เลี้ยงของพวกเขาได้อย่างแน่นอน นี่เป็นโอกาสที่ทุกคนต้องการ
ดังนั้น พวกเขาจึงเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อดูว่าภัณฑารักษ์ต้องการสิ่งใด
หลังจากพูดและทำเสร็จแล้ว หลินจินวางแผนที่จะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาหันหลังออกจากประตูเหล็กไป
รายชื่อของที่หลินจินต้องการได้ถูกผ่านไปให้ผู้เยี่ยมชมทั้งหกคนและพวกเขาอ่านทีละคน
มาดามผีเด็กไม่ได้ออกไปทันทีหลังจากนั้นแต่ไปหาเหอฉิงแทน
คนหลังก็ตกใจ
“สาวน้อยอย่ากลัวไปเลย ข้าไม่มีความประสงค์ร้าย” มาดามผีเด็กกล่าว “ข้าต้องการขอคำแนะนำจากเจ้าเท่านั้น”
"คำแนะนำอะไร? ข้าไม่รู้ว่าจะตอบคำตอบของท่านได้หรือไม่?” เหอฉิงกล่าวพลางมองอย่างกลัว ๆ
ไม่แปลกที่เธอจะมีท่าทีเช่นนี้ เป็นเพียงเพราะมาดามผีเด็กน่ากลัวเกินไป เธอกำลังคุยกับวายร้ายที่ตรงตามจินตนาการและความเพ้อฝันของเธอ จึงไม่แปลกใจเลยที่เหอฉิงยังคงหวาดระแวงเกี่ยวกับเธอ
มาดามผีเด็กยิ้มแล้วถามเบา ๆ “สาวน้อย เจ้ารู้จักภัณฑารักษ์มากแค่ไหน?”
ดูเหมือนว่าเธอกำลังพยายามหาข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับภัณฑารักษ์
เมื่อถึงเวลานี้ เฒ่าเทียนที่เตรียมตัวจะออกจากห้องโถงเยี่ยมชมก็แข็งค้างอยู่ในทางของเขา เขาเปิดหูไว้พร้อมที่จะฟังการสนทนาของพวกเขา แม้แต่เย่หยู่โจวก็หันไปหาพวกเขาด้วยความสงสัย
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเช่นกัน เกี่ยวกับห้องโถงเยี่ยมชมและภัณฑารักษ์
มาดามผีเด็กถามเหอฉิงเพราะคนหลังคือแขกหมายเลขห้า ตามลําดับ เหอฉิงควรเป็นคนแรกที่มาถึงห้องโถงเยี่ยมชม ด้วยเหตุนี้ เธอจึงควรรู้จักภัณฑารักษ์มากที่สุด
ในฐานะสมาชิกของราชวงศ์ เหอเฉิงไม่ได้เป็นเป้าหมายที่ง่ายดาย เธอรู้ว่ามาดามผีเด็กกำลังวางแผนอะไรบางอย่างในใจ
“ข้ารู้แค่เท่าที่พวกท่านรู้ สถานที่แห่งนี้เป็นปริศนาและไม่มีใครรู้เกี่ยวกับตัวตนของภัณฑารักษ์ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอน ภัณฑารักษ์นั้นช่างเหลือเชื่อและระดับการฝึกฝนของเขานั้นน่าตกตะลึง นอกจากนี้ ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ข้าสามารถยืนยันได้” เหอฉิงยิ้ม แม้ว่าเธอจะอายุไม่มากแต่เธอก็สามารถยืนหยัดได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญอย่างมาดามผีเด็กและเย่หยู่โจว
“เจ้ามั่นใจอะไรได้?” มาดามผีเด็กถาม
“ภัณฑารักษ์ของเราไม่มีจุดประสงค์ร้ายต่อพวกเรา!” เมื่อกล่าวจบ เหอฉิงโบกมือและออกจากประตูหมายเลข 5
มาดามผีเด็กไปที่ประตูไม้ที่ดูเหมือนปกติ แต่มันไม่ขยับเลยไม่ว่าเธอจะพยายามเปิดมันมากแค่ไหน
คนต่อไปที่จะจากไปคือเจียงจื่อฉี เขามักจะเก็บตัวเงียบและจะถูกคนอื่นมองข้ามตลอดเวลา
อีกาทมิฬเป็นคนที่สามที่ออกไป ตอนนี้เขามีวิธีที่จะช่วยให้เหยี่ยวดำของเขาวิวัฒนาการ เขาแทบรอไม่ไหวที่จะลองใช้มัน แม้ว่าวิธีการนี้จะยากมากแต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังไปในทางที่ถูกต้อง ต่างจากก่อนหน้านี้ที่คลำทางอย่างมั่วซั่วดังเช่นคนตาบอด
มาดามผีเด็กเหลือบมองเย่หยู่โจวและยิ้มเบา ๆ ก่อนออกจากประตูหมายเลข 9
มีเพียงเย่หยู่โจวกับเฒ่าเทียนเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในห้องโถง
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของเฒ่าเทียน เขาก็เดินไปหาเย่หยู่โจว ก่อนที่จะทำความเคารพเขา
“ถ้าไม่ใช่เพราะเฒ่าเย่ในตอนนั้น ข้าคงตายด้วยน้ำมือของหญิงชั่วคนนั้นไปแล้ว” เห็นได้ชัดว่าชายชรากำลังพูดถึงมาดามผีเด็ก
เย่หยู่โจวไม่ชอบคนที่มีภูมิหลังสกปรกอย่างมาดามผีเด็ก
“ตอนนี้เหลือแค่เราแล้ว ข้าบอกตามตรงว่าข้าไม่ไว้ใจภัณฑารักษ์คนนั้น ชายคนนั้นมีเวทย์มนตร์แปลก ๆ และข้าไม่คิดว่าเขาเป็นคนดี เขาต้องมีแผนการเบื้องหลัง” ชายชรากล่าวด้วยดวงตาที่หรี่ลง
ในบรรดาผู้มาเยือน เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ร้องขอสิ่งใดจากภัณฑารักษ์
อย่างไรก็ตาม เย่หยู่โจวตอบว่า “ภัณฑารักษ์นี้เป็นบุคคลลึกลับจริง ๆ แต่ความรู้ของเขาเป็นดั่งอัญมณีที่หายากในโลกนี้ เมื่อเห็นว่าเขาสามารถกดขี่สัตว์เลี้ยงของเราทั้งหมดได้อย่างง่ายดายด้วยตัวเขาเอง สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีพลังอำนาจมากเพียงใด หากเขามีเจตนาร้ายต่อพวกเราจริง ๆ ข้าเกรงว่าจะไม่มีใครรอดมาถึงจุดนี้ได้ ข้าคิดว่ามันเป็นการดีที่สุด ถ้าหากเราไม่รีบด่วนสรุปเกินไป”
นี่เป็นคำตอบที่สุภาพที่สุดที่เขาสามารถให้ได้ เย่หยู่โจวไม่เห็นด้วยกับมุมมองของเฒ่าเทียนอย่างชัดเจน
คนหลังเข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงตอบด้วยรอยยิ้มเขิน ๆ
“เฒ่าเย่เป็นคนดีแต่ต้องระมัดระวังตัวให้ดี ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่าจะมีสิ่งใดที่ได้มาอย่างง่ายดาย ถึงภัณฑารักษ์จะใจดีและเสนอสิ่งล้ำค่าให้กับเราอย่างวิธีการวิวัฒนาการของสัตว์วิเศษ แต่ต้องมีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล ข้าหวังว่าเฒ่าเย่จะสังเกตเห็นและอย่าปล่อยให้ตัวเองถูกหลอกโดยคนชั่ว”
เมื่อพูดจบ เฒ่าเทียนทำความเคารพก่อนจะออกจากห้องโถงไป
เย่หยู่โจวมองไปรอบ ๆ จากนั้นดูรายงานการประเมินในมือก่อนเปิดประตูหมายเลข 10
…
ภายในสถานที่ฝึกฝนของเย่หยู่โจว หยางเจี๋ยกำลังค้นหาที่ปรึกษาของเขาอย่างร้อนรน
ก่อนหน้านี้ ผ่านไปครึ่งทางของการบรรยายเกี่ยวกับแก่นแท้ของคาถาบางอย่าง เย่หยู่โยวก็ลุกขึ้นและจากไปและหลังจากนั้นก็หาเขาไม่พบ
หยางเจี๋ยรอในตอนแรกแต่เมื่อเย่หยู่โจวไม่ได้กลับมา หยางเจี๋ยวจึงเริ่มค้นหาเขา ทว่าหลังจากมองไปรอบ ๆ เขาก็ไม่พบที่ปรึกษาของเขาเลย
ไม่ใช่แค่ที่ปรึกษาของเขาที่หายไป แม้แต่สัตว์เลี้ยงของเย่หยู่โจวก็หายไปเช่นกัน
หยางเจี๋ยรู้ว่าสัตว์เลี้ยงของเย่หยู่โจวยังคงอยู่ในสระน้ำใต้สถานที่แห่งนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น สัตว์วิเศษตัวนี้จะไม่ออกจากจุดที่มันนอนอยู่
ขณะที่หยางเจี๋ยคิดที่จะออกสำรวจข้างนอก ประตูก็ปรากฏขึ้นจากที่ไหนก็ไม่รู้บนผิวสระน้ำและเย่หยู่โจวก็ปรากฏตัวพร้อมกับมังกรทะลวงเมฆา
"ท่านอาจารย์!" หยางเจี๋ยวอุทานด้วยความประหลาดใจและรีบไปข้างหน้า
เย่หยู่โจวยกมือขึ้นเพื่อหยุดหยางเจี๋ยจากการถามคำถามใด ๆ เขาหันไปหามังกรทะลวงเมฆาและพูดว่า “ไปพักผ่อนในสระก่อน”
จกานั้นมังกรทะลวงเมฆาได้พุ่งลงไปใต้น้ำทันที
จากนั้น เย่หยู่โจวกล่าวกับศิษย์ของเขาว่า “หยางเจี๋ย เข้ามาข้างในกับข้า”