Ep.90 - นายน้อยฉงผู้น่าสงสาร
1/3
Ep.90 - นายน้อยฉงผู้น่าสงสาร
จ้าวหมิงค่อนข้างมั่นใจเรื่องการมองคน
ฮังอวี่เป็นคนที่ปฏิบัติตามบรรทัดฐานและมีหลักการมาก ในเมื่อก่อนหน้านี้เขาทำข้อตกลงไว้แล้วว่าจะไม่มอบสินสงครามที่ริบมา นั่นหมายความว่าหวังฉงจะไม่มีทางได้มันไปอย่างแน่นอน
นี่คือกฏ และยังเป็นคำสัญญา
แต่ไหงจู่ๆฮังอวี่ถึงเปลี่ยนคำพูดโดยไม่มีเหตุผลเล่า? ต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ๆ
หวังฉงเดิมไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่ตลอดเส้นทางที่ฟันฝ่า เขาเห็นหินคริสตัลและอุปกรณ์สีขาวมากมายดรอปลง จึงถูกความโลภเข้าครอบงำ กลายเป็นคนหน้ามืดตามัว สติและกระทั่ง IQ ลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สินสงครามที่กอบโกยมาในครั้งนี้มหาศาลเหนือจินตนาการ หากนำทุกชิ้นที่ได้ในวันนี้ไปประมูลขายในโลกจริง ด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อในปัจจุบันและความต้องการสินค้าจากโลกวิญญาณ เกรงว่าต่อให้หวังฉงควักเงินสดทั้งหมดที่เขามี คงไม่เพียงพอที่จะซื้อมัน
วันเดียว! ในเวลาแค่วันเดียว แต่คนกลุ่มนี้กลับสามารถสร้างมูลค่าได้เกินกว่าทรัพย์สินส่วนตัวของเขาเสียอีก!
นี่เป็นครั้งแรกที่หวังฉงเกิดความละโมบอย่างไม่อาจควบคุม ขณะเดียวกันครั้งแรกที่สัมผัสได้ถึงความไร้กำลังของตนเอง
ทรัพย์สินจำนวนมากจากโลกวิญญาณพวกนี้ เขาทำได้แค่โลภแต่ไม่มีส่วนแบ่ง ความวิตกกังวลและความรู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจในใจเขามีมากขนาดไหน คงพอจินตนาการได้
ดังนั้นเมื่อโอกาสมาเคาะประตูถึงหน้า แล้วเขาจะไม่คว้ามันได้อย่างไร?
ในเน็ตมีเรื่องราวมากมายบอกเล่าถึงหีบสมบัติ ว่าข้างในมีอุปกรณ์ดีๆมากมาย รวมไปถึงหินสกิล
“ฉันจะลองเปิดดู”
“โชคของฉันสูงเทียมฟ้ามาโดยตลอด ครั้งนี้มั่นใจได้เลยว่าสมบัติที่จะได้จากข้างในจะทำให้พวกนายตกใจ”
ขณะพูด นายน้อยฉงค่อยๆผลักเปิดฝาโลงศพที่ใช้เก็บสมบัติ
วินาทีถัดมา สีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของหวังฉงพลันแข็งค้าง
กระแสไอเย็นยะเยือกฟุ้งออกมาจากข้างในโลง ครอบคลุมทั่วทั้งอุโมงค์ทางเดินในพริบตา เปลี่ยนตัวเขาที่อยู่ใกล้สุดให้กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง ได้รับดาเมจ 10 หน่วยในคราเดียว นอกจากนี้ยังได้รับดาเมจต่อเนื่องจากเอฟเฟกต์กัดกร่อนของน้ำแข็ง
“เชี่ยเถอะ ไหงเป็นแบบนี้ไปได้?” จางเสี่ยวเฉียงตกใจมาก “นายน้อยฉง คุณไม่เป็นไรนะ?”
หวังฉงถูกแช่แข็งเป็นไอติมเป็นเวลากว่า 5 นาทีเต็ม หากในระหว่างกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งไม่มีเจียงหนานคอยเติมเลือดให้ ด้วยพลังชีวิตที่หวังฉงมี เกรงว่าเขาคงถูกฆ่าตายซ้ำๆเป็นสิบรอบ!
มีกับดักอยู่นั่นเอง!
เหล่าจ้าวเหงื่อตก เสี่ยวฮังเจ้าเด็กนี่อำมหิตจริงๆ
ทันทีที่เปิดฝาโลง ไอเย็นยะเยือกพุ่งสวนออกมาในพริบตา หากตอนเปิดมัน แล้วบังเอิญทุกคนอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้คงถูกแช่แข็งเป็นประติมากรรมกันหมดแล้ว แถมระหว่างนั้นไม่สามารถใช้สกิลหรือโพชั่นได้ เกรงว่านอกจาก ฮังอวี่ที่มีความต้านทานเวทย์สูง คนอื่นๆคงตายกันหมด!
“ฮัดชิ้ว! บ้าชิบ หนาวจะตายอยู่แล้ว!”
หวังฉงตัวสั่นไม่หยุด ก้มมองเข้าไปข้างในโลงศพว่างเปล่าและยังคงมีไอเย็นยะเยือกแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความสับสน “ไม่มีอะไรเลย?? มันไม่มีสมบัติอยู่ได้ยังไง??”
ฮังอวี่กล่าว “เป็นอย่างที่คาด มีกับดักอยู่จริงๆ”
หวังฉงโกรธมาก “ถ้านายรู้อยู่แล้ว ทำไมไม่บอกฉันแต่แรก!”
“ตั้งแต่เข้ามาในวิหาร พวกเราเจอกับดักแทบจะทุกทางเดินเลยไม่ใช่หรอ?” ฮังอวี่ทำหน้าซื่อๆ “และครั้งนี้ เมื่อมีหีบสมบัติหลายหีบปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เอาจริงๆแทบไม่ต้องใช้สมองเลยก็พอจะเดาได้ว่ามันอาจเป็นกับดัก ”
จางเสี่ยวเฉียงปรบมือ เข้าใจอย่างรวดเร็ว “นั่นสิ จะมีของฟรีดีๆถึงขนาดนี้ได้ยังไง เจ้าพวกนี้คงเป็นกล่องสุ่มรางวัลใช่ไหม? แบบถ้าสุ่มผิดก็จะถูกลงโทษอะไรประมาณนี้ ฉันเคยเจอบ่อยๆตอนเล่นเกม”
“ตอนนี้มีอีกสามหีบ บางทีพวกเราอาจสุ่มเจอขุมทรัพย์ก็ได้ นายน้อยฉงยังอยากทดลองเปิดมันดูอีกไหม? แต่ถ้ากลัวก็ไม่เป็นไรนะ”
“ใครบออกว่าฉันกลัว ฉันไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองจะโชคร้ายขนาดนั้น!”
หลังจากลังเลไปพักหนึ่ง หวังฉงก็ไม่สามารถต้านทานความเย้ายวน ตัดสินใจลองอีกครั้ง
เขาเดินไปยังโลงสมบัติที่สอง
“ฉันมีลางสังหรณ์ ว่าครั้งนี้ต้องเจอสมบัติแน่นอน!”
ตั้งแต่เด็กจนโต ชีวิตของหวังฉงราบรื่นมาโดยตลอด
โดยเฉพาะด้านโชค เขามั่นใจในตัวเองมาก เปิดโลงสมบัติที่สองอย่างเด็ดเดี่ยว
ตูม!
เปลวเพลิงร้อนระอุทะลักออกมา เกล็ดน้ำแข็งบางจุดบนตัวเขาที่เดิมยังไม่ละลาย เวลานี้ลุกเป็นไฟ มันปล่อยคลื่นกระแทกรุนแรง ส่งเขาตัวลอย กระเด็นไปติดผนังอุโมงค์ เข้าสู่สภาวะใกล้ตายอีกครั้ง
“คุณพระช่วย! ตอนแรกน้ำแข็งครั้งนี้เป็นไฟ!” ฮังอวี่พูดติดตลก ในแววตาสะท้อนประกายยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น
ดวงตาของเจียงหนานเบิกกว้าง เกิดความคิดขึ้นในใจ ‘ไม่นึกเลยว่าโลงสมบัติจะอันตรายถึงขนาดนี้ มิน่าเล่าพี่มหาเทพถึงไม่ให้ฉันเป็นคนเปิดมัน ที่แท้เขาแอบเป็นห่วงฉันนี่เอง’”
เมื่อคิดได้แบบนั้น หัวใจของเจียงหนานพลันพองโต เต็มไปด้วยความสุข ที่แท้พี่มหาเทพยังคงดีต่อเธอ!
เจียงหนานร่ายสกิลช่วยชีวิต ดึงนายน้อยฉงออกจากเส้นแบ่งแห่งความเป็นความตาย
หวังฉงถูกระเบิดตัวปลิว สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“โลงสมบัติพวกนี้อันตรายจริงๆ” จางเสี่ยวเฉียงตัดพ้อ “นายน้อยฉง ลืมมันเถอะ ด้วยสถานะของคุณ ไม่จำเป็นต้องทนทุกข์ทรมานกับอะไรแบบนี้”
หวังฉงเป็นคนหัวรั้นมาก หากไม่มีคำพูดของจางเสี่ยวเฉียง เขาอาจพอมีวิธีหาทางลงจากสถานการณ์นี้ได้
แต่เมื่อจางเสี่ยวเฉียงพูดแบบนี้ มันกลับให้ผลตรงกันข้าม กระตุ้นให้เขาเกิดความไม่ยินยอม
ถ้าเขาเลือกที่จะยอมแพ้ นั่นไม่เท่ากับว่าความทรมานทั้งหมดที่เจอมาต้องสูญเปล่าหรือ?
ไม่มีทางซะล่ะ! ไม่มีวัน!
ตามคำกล่าวที่ว่า เวลาทำอะไร ขอให้ตั้งใจทำมันซักสามครั้ง มาลองดูอีกซักครั้งเป็นไร!
“ฉันไม่เชื่อในความโชคร้ายของตัวเอง”
“ครั้งนี้ต้องมีสมบัติออกมาแน่นอน!”
หลังจากพักฟื้นตัวครู่หนึ่ง นายน้อยฉงก็ก้าวไปเปิดโลงสมบัติที่สามด้วยตัวเอง
วินาทีถัดมา แสงสีน้ำเงินสาดเข้าเต็มหน้าเต็มตาเขา ประกายสายฟ้ากระจายไปทั่วอุโมงค์ทางเดิน
ในชั่วพริบตา นายน้อยฉงรู้สึกราวกับมีมดนับพันกำลังคืบคลานตามตัว ทำให้เขาคันยิบๆ ชักเหมือนคนเป็นลมบ้าหมู ตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุมเป็นเวลาหลายสิบวินาที สุดท้ายล้มลงกับพื้น
เจียงหนานทนดูไม่ไหว เธอรีบช่วยนายน้อยฉง
ฮังอวี่พูดว่า “นายน้อยฉง เมื่อกี้เป็นท่าเต้นเบรกแดนซ์แบบใหม่ใช่ไหม ฝีมือไม่เลว”
นายน้อยฉงฟื้นพลังชีวิตกลับมา แต่สภาพเขาดูน่าอนาถมาก หัวฟูเป็นทรงเอฟโฟร่ใบหน้าดำคล้ำ ไม่ต่างจากคนงานที่พึ่งกลับมาจากขุดแร่ ทั้งปากและจมูกมีควันลอยออกมา ไม่ต้องบอกว่าดูน่าเวทนาเพียงใด
โลงสมบัติที่สามก็ไม่มีสมบัติเก็บไว้อีกเช่นเคย!
“แม่งเอ๊ย! มาหลอกกันได้!”
“นี่มันกับดักชัดๆ!”
“โลงศพพวกนี้ไม่มีสมบัติตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก!”
หวังฉงตอนนี้เริ่มสงสัยอย่างแรงว่า ฮังอวี่กำลังแกล้งเขา
หากตอนนี้อยู่ในโลกจริง เขาคงหาวิธีดีๆเอาคืนฮังอวี่แล้ว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้อีกฝ่ายทรงพลังกว่า นายน้อยฉงจึงไม่กล้าพูดอะไรมากนอกจากแสดงท่าทีขุ่นเคือง เดินไปเตะโลงสมบัติระบายความโกรธ
“ยังเร็วไปที่จะด่วนสรุปแบบนั้น ไม่ใช่ว่าที่นี่ยังเหลืออีกโลงสมบัตินึงหรอกหรอ?” ฮังอวี่ชี้ไปทางโลงสมบัติสุดท้าย
“ลองดูอีกซักครั้ง คราวนี้ฉันว่าต้องมีสมบัติอยู่แน่”
หวังฉงไม่เชื่อใจฮังอวี่อีกต่อไป “นายคิดว่าฉันโง่? ครั้งนี้ต่อให้ลากคอไป ฉันก็จะไม่ยอมเปิดมัน!”
“นายแน่ใจหรอ?”
“หยุดพล่ามไร้สาระ ฉันไม่หลงกลนายหรอก!”
“ช่างเถอะ ในเมื่อนายตัดสินใจแบบนั้น หวังว่าจะไม่เสียใจภายหลังแล้วกัน”
ฮังอวี่เตือนด้วยความหวังดี แต่อีกฝ่ายกลับไม่ซาบซึ้ง เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาหันไปทางเจียงหนานแล้วพูดว่า “เจียงหนานน้อย เธออยากลองเสี่ยงโชคของตัวเองดูไหม?”
“ฉันหรอ?” เจียงหนานมองไปทางโลงสมบัติสามโลงที่ว่างเปล่า จากนั้นสลับไปมองหวังฉงในสภาพน่าอนาถอีกครั้ง
พูดตามตรง นักศึกษาเจียงไม่กล้าเปิดมัน แต่ก่อนจะเอ่ยปาก เธอสังเกตเห็น ว่าฮังอวี่ขยิบตาซ้ายให้ เหมือนจะบอกใบ้อะไรบางอย่าง
ด้วยความไว้ใจและศรัทธาในมหาเทพ เธอตัดสินใจยอมทำทันที
“ได้ ฉันจะลองดู”
เจียงหนานเรียกความกล้าและเดินเข้าไปในอุโมงค์ทางเดิน
“ชิ ไม่กลัวตายเลยรึไง? ฉันจะรอดูความโชคร้ายของเธอ!”
หวังฉงรู้สึกว่าเขาโชคร้ายมาสามครั้งติดแล้ว ดังนั้นไม่เลวเลยถ้าจะปล่อยให้สาวสวยต้องเผชิญเรื่องเลวร้ายเช่นเดียวกับตัวเองบ้าง
เจียงหนานวางมือลงบนฝาโลงสุดท้าย เธอขบริมฝีปากแน่น หัวใจดวงน้อยๆเต้นครึกโครมแทบกระโดดออกมาจากลำคอ
“มาลองกันซักตั้ง!”
เจียงหนานหลับตาลง ออกแรงผลักทั้งสองมือ เปิดฝาโลงสมบัติออก
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้โศกนาฏกรรมไม่ซ้ํารอยเดิม
วินาทีที่โลงสมบัติถูกเปิด บอลแสงสีขาวใสหลายลูกเด้งสวนออกมา
หนึ่ง สอง สาม สี่!
สี่บอลแสงสีใส บ่งบอกว่าพวกมันเป็นสีขาวคุณภาพสูงทั้งหมด!
เจียงหนานเปิดตาและมองเข้าไปในโลง เธอพบกองหินคริสตัลจำนวนมากอยู่ในโลงสมบัติ
เจียงหนานหันกลับมาด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจ
“พี่มหาเทพ! มาดูนี่เร็ว สมบัติล่ะ! สมบัติเต็มไปหมดเลย!”
จ้าวหมิงไม่มีท่าทีแปลกใจ ในทางกลับกัน จางเสี่ยวเฉียงดูตกใจและเหลือเชื่อ
ส่วนหวังฉงตอนนี้แข็งเป็นหินไปแล้ว
พริบตาที่เห็นกองสมบัติ เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงม้านับล้านตัวแว่วเข้ามาในหู พวกมันวิ่งเข้ามาเหยียบย่ำเขา เหยียบเสร็จก็วนกลับมาเหยียบใหม่ เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อ๊าาาาาา~ ทำไมกัน! นี่มันไม่ยุติธรรมเลย!
สามโลงสมบัติที่ฉันเปิดทั้งหมดเป็นกับดัก แต่ทำไมเธอเปิดแค่ครั้งเดียวมันกลับเป็นสมบัติไปได้!
“นายน้อยฉง เสียใจด้วยนะ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ฉันเตือนแล้วแท้ๆ” ฮังอวี่ตบไหล่หวังฉงกล่าวด้วยสีหน้าปลอบโยน “ฉันเสียใจด้วยจริงๆ”
เหล่าจ้าวกับเสี่ยวเฉียงต่างแสดงความเห็นใจต่อหวังฉง อีกฝ่ายพลาดโชคใหญ่ไม่อย่างน่าเสียดาย ต้องทนทุกข์ทรมานถึงสามครั้งไปอย่างเปล่าประโยชน์