679 - มาเร็วไปเร็ว
679 - มาเร็วไปเร็ว
ในประตูสีดำสนิท เสียงระฆังและกลองดังขึ้นพร้อมกัน จากนั้นกลุ่มคนก็เดินออกมาเป็นแถวพวกเขาสวมเสื้อคลุมสีม่วงมีดวงดาวบนท้องฟ้าส่องแสงเจิดจ้า
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากประตูมิติเป็นคนแรก ท่าทางของเขาองอาจกล้าหาญราวกับผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดมานาน
เขาเหมือนราชาผู้ยิ่งใหญ่ บนศีรษะของเขา มีดาวขนาดใหญ่ห้อยอยู่ในอากาศเหมือนกงล้อสมบัติ แสงสีม่วงที่ปลดปล่อยออกมาทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกเลื่อมใส
ข้างหลังเขา เป็นกลุ่มยอดฝีมือระดับผู้สูงสุดมากมาย และทุกคนเป็นเหมือนดวงดาวที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้า มีความสง่างามหาที่เปรียบมิได้
"นี่คือ... คนของนิกายจื่อเว่ย!"
"คนที่มีดาวสีม่วงห้อยอยู่บนหัวของเขาดูเหมือนจะเป็น...ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของนิกายจื่อเว่ย!"
นิกายจื่อเว่ยนั้นลึกลับมากและมีมรดกโบราณมากมาย มันค่อนข้างแตกต่างจากวิธีการฝึกฝนของนิกายอื่น พวกเขาเงียบสงบแต่ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
หากจะพูดกันตามตรงขนาดของนิกายพวกเขาไม่เพียงพอที่จะเรียกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ด้วยความแข็งแรงและปริมาณของยอดฝีมือที่อยู่ในสำนัก จึงทำให้พวกเขาสามารถสถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่
นี่เป็นมรดกโบราณและลึกลับที่ไม่สามารถดูถูก และแม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงที่ครอบครองอาวุธเต๋าสุดขั้วก็ยังต้องให้ความเกรงใจต่อพวกเขา
ทุกคนรู้ถึงเหตุผลที่ปรมาจารย์นิกายจื่อเว่ยมาด้วยตนเอง ผู้ยิ่งใหญ่ระดับครึ่งเซียนที่คอยปกป้องสำนักของพวกเขาถูกฆ่าตาย ดังนั้นไม่มีทางที่พวกเขาจะปล่อยวางเรื่องนี้ได้
การปรากฏตัวของพวกเขาทำให้ผู้คนเกิดความหวั่นไหวและตระหนักได้ว่ายอดฝีมือระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นน่ากลัวมากเพียงใด
ช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างผู้สูงสุดของนิกายจื่อเว่ย(คฤหาสน์ม่วง) มีความแข็งแกร่งชนิดที่ว่าไม่สามารถนำผู้สูงสุดจากนิกายหยินหยางมาเปรียบเทียบ นี่คือข้อแตกต่างระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์และนิกายระดับสูง
“พวกเจ้ากล้ารังแกศิษย์ของข้า ใครเป็นคนสังหารครึ่งเซียนของเรา?”
เบื้องหลังผู้นำของนิกายจื่อเว่ยคือชายวัยกลางคนที่อยู่ในระดับครึ่งเซียนเช่นกัน
เขามีความแข็งแกร่งกว่าครึ่งเซียนที่ถูกฆ่าตายไปเมื่อสักครู่ เพราะเขามีอายุไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น ซึ่งยังเป็นช่วงที่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งที่สุด
และตำแหน่งของเขาคือศิษย์น้องของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วงในปัจจุบัน
เขาจ้องไปที่เย่ฟ่านก่อน และแน่นอนว่าพวกเขารู้อยู่แล้วเกี่ยวกับการตายของจ้าวฟาที่เป็นหลานชายของเขาโดยตรง ดวงตาของเขาเหมือนกระบี่แหลมคมที่พร้อมจะทะลวงวิญญาณของทุกคนให้แหลกละเอียด
“คนที่กล้าสังหารศิษย์ของนิกายจื่อเว่ยของข้าจะต้องถูกลงโทษ!”
เสียงของพวกเขาเย็นชาราวกับว่าเขากำลังตัดสินประหารชีวิตเย่ฟ่านและชายชราผู้บ้าคลั่ง
เขากวาดสายตาไปที่หลี่เหอซุยและคนอื่นๆ ก่อนจะหยุดลงที่ชายชราผู้บ้าคลั่ง ก่อนที่แสงสีม่วงจากดวงตาสวรรค์ของเขาจะเริ่มสำรวจชายชราคนนี้อย่างจริงจัง
"นี่คือ..."
การแสดงออกของรองปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์จื่อเว่ยชะงักไปในทันใด และดวงตาของเขาแสดงความตกใจออกมาอย่างถึงที่สุด เขาจ้องไปที่ชายชราผู้บ้าคลั่งและอดถอยหลังไม่ได้
“ผู้อาวุโสเป็นอะไรไป?” คนข้างๆ ถามด้วยความแปลกใจ
“รีบหนีเดี๋ยวนี้!”
รองปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์จื่อเว่ยก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ลักษณะที่สง่างามราวกับจักรพรรดิ์สวรรค์ของเขาหายไปหมดสิ้น และตอนนี้เขารีบกระโดดเข้าไปในประตูมิติอย่างรวดเร็ว
"ท่านปรมาจารย์ ... " ผู้คนรอบๆ ตัวเขาต่างตกตะลึง
“จะมีคนเช่นนี้อยู่ในโลกได้อย่างไร?”
ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์นิกายจื่อเว่ยก็ก้าวถอยหลัง ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความหวาดกลัวอย่างปิดไม่มิด เขารีบติดตามศิษย์น้องของเขาเข้าสู่ประตูมิติโดยไม่คิดจะรักษาหน้าตาเช่นกัน
“เราจะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้หรือ? เขาสังหารอาจารย์ของข้าและผู้อาวุโสหลายคนของพวกเรา!”
ชายชราคนหนึ่งคำรามด้วยความโกรธ เขาไม่เข้าใจว่าปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์และรองปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาเป็นบ้าอะไรขึ้นมา
“หุบปาก! หากพวกเจ้าไม่มาข้าจะปิดประตูแล้ว!”
เสียงคำรามด้วยความโกรธของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์จื่อเว่ยดังออกมาจากประตูมิติ
"แปรง"
นี่ไม่ใช่คำขู่เพราะประตูมิติเริ่มปิดลงอย่างรวดเร็ว กลุ่มยอดฝีมือจากนิกายจื่อเว่ยไม่ใช่คนโง่ จากท่าทีของเจ้าสำนักของพวกเขาเห็นได้ชัดว่าที่นี่มีอันตรายใหญ่หลวง และพวกเขารีบกระโดดเข้าไปในประตูอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ผู้คนจากนิกายจื่อเว่ยมาเร็วไปเร็ว พวกเขาปรากฏตัวไม่ถึงหนึ่งร้อยลมหายใจด้วยซ้ำ ท่าทีที่โอหังของพวกเขาเมื่อสักครู่นี้เป็นเพียงเรื่องตลก และการกระทำของพวกเขาก็ทำให้ผู้คนมากมายเกิดความตกตะลึง
"ในเมื่อปราชญ์โบราณยืนอยู่ที่นี่ ยังจะมีผู้ใดกล้าแสดงความโอหัง”
สถานการณ์ตอนนี้ได้รับการตัดสินแล้วมันไม่มีความจำเป็นใดๆที่ผู้คนมากมายจะยืนรอให้ชายชราคนนั้นเกิดความบ้าคลั่งอีกครั้ง ดังนั้นหลายคนจึงเริ่มแยกตัวออกไป
“พวกเจ้าเห็นเพียงพอแล้วหรือยัง ถึงเวลาแยกย้ายแล้ว”
สุนัขสีดําตัวใหญ่ตะโกนด้วยความอิ่มเอมใจ วันนี้ชายชราผู้บ้าคลั่งลงมือเช่นนี้ในอนาคตยังจะมีใครกล้ายั่วยุพวกเขา
ผู้คนมากมายบนท้องฟ้าพูดไม่ออกและสิ่งที่พวกเขาเห็นในวันนี้นั้นน่าตกใจจริง ๆ ข่าวดังกล่าวจะทำให้ดินแดนรกร้างตะวันออกสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน
เย่ฟ่านและคนอื่นๆ เดินทางต่อไปแต่พวกเขาเดินทางไปได้ไม่กี่ลี้ความว่างเปล่าที่เบื้องหน้าก็เกิดการสั่นสะเทือนก่อนที่ประตูมิติจะถูกเปิดขึ้น
ยอดฝีมืออาณาจักรแปลงมังกรขั้นแปดเกือบสิบคนปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า หมอกสีม่วงอบรมอยู่รอบตัวของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้มาจากสำนักจื่อเว่ย
ทุกคนเหลือบมองเย่ฟ่านและคนอื่นๆอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวของพวกเขาไม่ได้มาดี
"วาบ"
ด้วยแสงสีทองสว่างวาบ ชายวัยกลางคนที่อยู่ในระดับผู้สูงสุดปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า เขาประสานมือไปทางพวกเย่ฟ่านด้วยความเคารพและส่งเสียงคำรามไปยังยอดฝีมืออาณาจักรแปลงมังกรเหล่านั้นทันที
"รีบถอยกลับ!"
คนเหล่านี้ทราบว่าพวกเย่ฟ่านได้ปรากฏตัวขึ้นและเขายังได้สังหารจ้าวฟาหลานชายของผู้อาวุโสที่มีอำนาจในสำนัก พวกเขาจึงคิดจะดักสังหารเย่ฟ่านที่นี่
แต่เหตุการณ์การต่อสู้ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้รับรู้ และยังมีผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อเว่ยอีกมากมายที่มีเจตนาแบบพวกเขา ซึ่งทำให้ผู้อาวุโสของสำนักปวดหัวเป็นอย่างมาก
ทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อเว่ยถอยกลับอย่างจำใจและไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เมื่อผู้อาวุโสของสำนักปรากฏตัวพวกเขาไม่กล้าส่งเสียงด้วยซ้ำ
และโชคดีที่ชายชราผู้บ้าคลั่งดูเหมือนจะไม่สนใจพวกเขาเลย ดังนั้นการถอยกลับจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายผู้สูงสุดของนิกายจื่อเว่ยได้ประสานมือแสดงความเคารพต่อชายชราผู้บ้าคลั่งและเดินเข้าสู่ประตูมิติอีกบานหนึ่ง เขาจำเป็นต้องเดินทางออกไปขัดขวางความเคลื่อนไหวของศิษย์ที่คิดจะรนหาที่ตายอีกกลุ่ม
ในวันนี้ ข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วพื้นที่ภาคกลางของดินแดนรกร้างตะวันออก ปราชญ์โบราณถือกำเนิดขึ้นและสังหารผู้ยิ่งใหญ่มากมายด้วยมือเดียว
นิกายจื่อเว่ยปรากฏตัวออกมาด้วยความโกรธแค้นแต่สุดท้ายพวกเขากลับต้องหลบหนีโดยไม่สนใจใบหน้าของตัวเอง!
ทุกคนตกใจมาก กี่ปีแล้วที่ยอดฝีมือระดับนี้ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นแม้แต่ครึ่งเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังถูกสังหารในกระบวนท่าเดียว
ดังนั้นตลอดเส้นทางที่พวกเย่ฟ่านก้าวเดินจึงแทบจะไม่มีใครปรากฏตัวอีกเลย เพราะหากไม่มีความจำเป็นจริงๆทุกคนต่างก็เลือกที่จะหลีกเลี่ยงเส้นทางทางของเขา
“บัดซบ ไม่มีเหตุผล โลกเปลี่ยนไปแล้ว จะมีปราชญ์โบราณออกมาได้อย่างไร เขาเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณที่อาศัยมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์หรือไม่”
คนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเย่ฟ่านไม่สามารถสงบลงได้ พวกเขาคิดว่าสุดท้ายร่างเซียนโบราณจะต้องกลายเป็นคนพิการ แต่ใครจะคิดว่าเขากลับได้รับความคุ้มครองจากปราชญ์โบราณผู้ยิ่งใหญ่
เย่ฟ่านและคนอื่นๆ เดินไปทางเหนือ ก่อนที่เขาจะรู้ตัวพวกเขาก็เข้าใกล้เมืองโบราณจื่อเทียนอีกครั้ง นี่เป็นเขตแดนที่ตระกูลเฟิงตั้งอยู่ และยังเป็นดินแดนที่คาบเกี่ยวกับนิกายจื่อเว่ยอีกด้วย
“พักผ่อนที่นี่สักระยะ หลังจากหายเหนื่อยพวกเราจะเดินทางไปยังนิกายจื่อเว่ยในฐานะแขก ความขัดแย้งที่ไร้สาระเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ดังนั้นพวกเราควรจะแก้ไขความขัดแย้งนี้” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เจ้ามันไร้ศีลธรรมเกินไป” หลี่เหอซุยพูดไม่ออก
ตอนนี้มีปราชญ์โบราณอยู่กับพวกเขา และนี่คือเกราะกำบังที่ทรงพลังที่สุดในโลก การที่เย่ฟ่านประกาศว่าจะเดินทางไปยังนิกายจื่อเว่ยมันจะสร้างคลื่นที่ปั่นป่วนอีกครั้ง
“เป็นความคิดที่ดี!” สุนัขสีดำตัวใหญ่ตะโกนคล้ายกับกลัวว่าโลกจะไม่ปั่นป่วนวุ่นวาย
“ตอนนี้พวกเราไปที่จื่อเว่ยเพื่อคืนดีกับพวกเขาก่อน หลังจากที่ได้ครอบครองเก้าญาณวิเศษลึกลับพวกเราค่อยเดินทางไปภาคกลางเพื่อเยี่ยมชมที่ตั้งของนิกายหยินหยาง!”
"นี่เป็นความคิดที่ดีอย่างยิ่ง ข้าต้องไปกับพวกเจ้าแน่นอน” หลี่เหอซุยกล่าว