MDB ตอนที่ 128 เย่หยู่โจวตื่นเต้น
เย่หยู่โจวรู้ว่าสัตว์เลี้ยงของเขากำลังสั่นเทาอย่างสิ้นหวังแต่อย่างน้อย ๆ มันก็ไม่ได้เป็นลมล้มพับอย่างน่าสมเพชเหมือนไทแรนโนซอรัสตัวนั้น
หลินจินเข้ามาและเข้าไปในหมอกเพื่อสัมผัสมังกรทะลวงเมฆา
ทันทีที่ทำเช่นนั้น เขาสังเกตเห็นบาดแผลลึกและน่าสยดสยองบนร่างของมังกร
'มันบาดเจ็บงั้นเหรอ?'
หลินจินไตร่ตรองว่าเกิดอะไรขึ้นกับมังกรผู้น่าสงสารตัวนี้ หลินจินเอาเข็มลวดขดของเขาออกมาเพื่อเย็บแผล
ขณะที่พวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยหมอก แม้แต่เย่หยู่โจวก็ไม่สามารถบอกได้ว่าหลินจินทำอะไรอยู่ข้างใน เมื่อหลินจินกลับมา เย่หยู่โจวสังเกตเห็นว่าอาการบาดเจ็บของสัตว์วิเศษของเขาได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว
'ทักษะที่น่าอัศจรรย์อะไรอย่างนี้!' เย่หยู่โจวเกือบจะอุทานออกมาดัง ๆ
เย่หยู่โจวรู้ดีว่าการฟื้นตัวของอาการบาดเจ็บในระดับนั้นยากเพียงใด เนื้อและเกล็ดของมังกรนั้นแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ ดังนั้นเข็มและด้ายธรรมดา ๆ ไม่สามารถใช้งานได้ พวกเขาทำได้เพียงปล่อยให้บาดแผลสมานกันอย่างช้า ๆ เท่านั้น
ภัณฑารักษ์ลึกลับคนนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการเย็บแผล ความเร็วและความสามารถของเขาช่างน่าทึ่งจริงๆ
เมื่อเย่หยู่โจวรู้เช่นนี้ เขาเข้าไปทำความเคารพทันที
“ข้าต้องขอขอบคุณ ท่านภัณฑารักษ์ที่ช่วยเรา”
หลินจินโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
สำหรับเขา มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
ในขณะเดียวกัน เขาเก็บเลือดบางส่วนจากมังกรทะลวงเมฆา
นี่เป็นของดีที่สามารถนำมาใช้สร้าง 'เม็ดยาโลหิตมังกรเมฆา' ได้ และเนื่องจากเขาสามารถบันทึกมังกรทะลวงเมฆา หลินจินจึงตัดสินใจช่วยพวกเขา แถมมันยังเป็นอาการบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย หากไม่ได้รับการรักษาในทันที อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นอีกในอนาคต
ในฐานะผู้ประเมินซึ่งมีหน้าที่ดูแลสัตว์เลี้ยงทุกวัน หลินจินไม่คิดที่จะเสนอความช่วยเหลือหากสถานการณ์ไม่เร่งด่วนจริง ๆ
แน่นอนว่ายังมีกรณียากๆ ที่เขาช่วยไม่ได้ในทันที
ตัวอย่างเช่น กรณีของแมงมุมหน้าทารก อาการบาดเจ็บของมันรุนแรงกว่ามาก หากการคาดเดาของหลินจินถูกต้อง เจ้าแมงมุมต้องได้รับบาดเจ็บจากสัตว์วิเศษระดับห้าและการรักษาอาการบาดเจ็บในระดับนี้จะต้องใช้เวลามากกว่าการรักษามังกรทะลวงเมฆา
หลินจินกลับไปยังที่ของเขาก่อนจะพูดว่า “ยินดีต้อนรับทุกท่านอีกครั้ง ว่าแต่ ข้าจะเรียกผู้เยี่ยมชมใหม่ของข้าว่าอย่างไรดี?”
ผู้มาใหม่ตะลึงกับคำถามนี้ น่าแปลกที่ชายชราหมายเลข 8 เป็นคนแรกที่ตอบ “สกุลของข้าคือเทียน เรียกข้าว่าเฒ่าเทียนก็ได้!”
มาดามผีเด็กตอบต่อไปว่า “เรียกข้าว่าผีเด็กก็ได้”
“ส่วนข้าเฒ่าเย่!” เย่หยู่โจวกล่าวด้วยความยินดี
ทั้งสามเสนอนามสกุลหรือฉายาแทน สรุปไม่มีใครให้ชื่อจริงของพวกเขาเลย
แต่หลินจินไม่สนใจเรื่องนั้น เขาพยักหน้าแล้วถามว่า “มีใครในพวกเจ้าที่ยังมีคำถามอีกหรือไม่?”
ทั้งสามคนเงียบ
เหอฉิงเห็นเยี่ยงนั้น เธออดรนทนไม่ได้พูดขึ้นมาว่า “ท่านภัณฑารักษ์เป็นผู้มีความรู้กว้างไกล ไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับสัตว์วิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคระยะสุดท้ายหรือวิธีการวิวัฒนาการ ท่านภัณฑารักษ์สามารถตอบได้ทั้งหมด หากพวกท่านไม่ใช้โอกาสนี้ พวกท่านจะเสียใจในภายหลัง”
ช่างเป็นการโฆษณาฟรีที่ไม่ต้องเสียแรงอะไรเลย
เย่หยู่โจวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเริ่มคำถาม
“ท่านภัณฑารักษ์ ท่านสามารถตอบคำถามใด ๆ ที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงได้หรือไม่?”
ในฐานะที่เป็นคนรอบรู้ เย่หยู่โจวได้เห็นโลกมากกว่าคนส่วนใหญ่ ด้วยเหตุผลนี้เอง เขาจึงรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะอ้างว่าตนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสัตว์วิเศษ ไม่มีใครมีความกล้าที่จะอวดอ้างเช่นนั้น
ดังนั้นเย่หยู่โจวจึงสงสัย
ภัณฑารักษ์คนนี้จะน่าประทับใจอย่างที่คนอื่นพูดหรือไม่? ด้วยเหตุนี้เย่หยู่โจวจึงวางแผนที่จะทดสอบความสามารถของเขา
หลินจินยิ้ม “เจ้าจะเข้าใจหลังจากที่ได้สอบถามข้า”
เย่หยู่โจวสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนชี้ไปที่มังกรทะลวงเมฆาที่อยู่ข้างหลังเขา เขาถามว่า “ท่านภัณฑารักษ์ ท่านช่วยจัดทำรายงานการประเมินสัตว์วิเศษของข้าได้หรือไม่?”
“ได้สิ” หลินจินยิ้ม เขาคว้ากระดาษขึ้นมาและเริ่มเขียน
จากนั้นไม่นาน เขาก็เขียนรายงายจำนวนห้าหน้าสำเร็จ เมื่อทำรายงานเสร็จ เขาก็โยนมันลงไปที่เย่หยู่โจว
เมื่อเย่หยู่โจวพลิกอ่าน เขารู้สึกว่าตัวเองถูกสายฟ้าฟาด
มันมีรายละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ
ฐานะของเย่หยู่โจวนั้นไม่เหมือนใคร ลืมเมืองเมเปิ้ลไปได้เลย แม้แต่ในอาณาจักรมังกรหยกทั้งหมด เขาเป็นถึงที่คำปรึกษาด้านการฝึกฝนที่มีชื่อเสียง ดังนั้นเขาจึงรู้จักผู้ประเมินหลายคนเป็นการส่วนตัว
เขามีรายงานการประเมินสองสามฉบับที่เขียนเกี่ยวกับมังกรทะลวงเมฆาของเขาอยู่แล้ว และแต่ละฉบับถูกสร้างขึ้นโดยผู้ประเมินระดับปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียง บางอันก็ถูกเขียนโดยผู้ประเมินระดับสามด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้เอง เย่หยู่โจวจึงแน่ใจว่าเขารู้เรื่องสัตว์เลี้ยงของเขาเองดีที่สุด แต่เมื่ออ่านรายงานของภัณฑารักษ์ มันทำให้ความเข้าใจของเขาพังทลาย เพราะรายงานฉบับนี้มีรายละเอียดมาก บางทีคุณภาพของมันอาจจะสูงกว่าระดับสามเล็กน้อย
ขณะที่เขาอ่านรายงาน เย่หยู่โจวตระหนักว่าเขาประเมิน ‘ภัณฑารักษ์’ ต่ำเกินไป
แม้ว่ารายงานจะมีความยาวเพียงห้าหน้า แต่เนื้อหาในรายงานก็ยังสมบูรณ์กว่ารายงานการประเมินอื่น ๆ ที่เขาเคยได้รับมา
ด้วยรายละเอียดต่าง ๆ เช่น มรดกทางสายเลือดและทฤษฎีคุณสมัติ สิ่งเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่ารายงานนั้นลึกซึ้งเพียงใด ไม่มีอะไรที่ฉูดฉาด มีเพียงข้อมูลที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา
นอกจากนี้ สถานะปัจจุบันของสัตว์วิเศษของเขายังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
ซึ่งรวมถึงลักษณะเฉพาะ เช่น ข้อบกพร่องที่เกิดจากธรรมชาติและการเยียวยาที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสถานะของการบาดเจ็บพร้อมวิธีการรักษา ทุกอย่างถูกเขียนอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ที่น่าตกใจกว่านั้นคือมันมาพร้อมกับวิธีการวิวัฒนาการ
ตอนนี้สัตว์เลี้ยงของเขาอยู่ในระดับสี่แล้ว ทุกคนรู้ดีว่าการเลื่อนระดับจากระดับสี่ไปเป็นระดับห้านั้นยากพอ ๆ กับขึ้นสวรรค์ มีสัตว์สัตว์วิเศษหลายพันล้านตัวทั่วโลก แต่มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงระดับห้าได้ ผู้ประเมินในเมืองมังกรหยกก็ไม่สามารถให้คำตอบเขาได้ว่าจะยกระดับมังกรทะลวงเมฆาของเขาได้อย่างไร
แต่ในรายงานการประเมินนี้ ภัณฑารักษ์ได้มอบคำตอบให้เขาแล้ว
และได้เขียนไว้อย่างครบถ้วน หลังจากอ่านอย่างละเอียดแล้ว เย่หยู่โจวก็ตระหนักว่าทฤษฎีต่าง ๆ ค่อนข้างมีเหตุผล ดังนั้นมันจึงอาจได้ผล
ด้วยความคิดนี้ แม้ว่าเย่หยู่โจวจะมีบุคลิกสุขุม แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดนิ้วไม่ให้สั่นด้วยความตื่นเต้นได้
เขาคิดว่าในช่วงชีวิตของเขา มังกรทะลวงเมฆาคงไม่อาจไปถึงระดับห้าได้ ไม่ใช่เพียงแค่เขา แม้แต่คนในอาณาจักรมังกรหยกทั้งหมด การที่สัตว์เลี้ยงของพวกเขาไปถึงระดับห้าเป็นอะไรที่ยากเกินกว่าจะจินตนาการ
มันเป็นอุปสรรคที่เป็นไปไม่ได้ที่จะข้ามผ่าน
แต่ตอนนี้ รายงานการประเมินของภัณฑารักษ์ทำให้เขามีความหวัง
แม้ว่าสิ่งของที่ต้องใช้โดยวิธีวิวัฒนาการจะเป็นสมบัติล้ำค่าและหาได้ยากยิ่ง แต่ก็ไม่มีค่าอะไรเมื่อเทียบกับสัตว์วิเศษระดับห้า
เมื่อความตื่นเต้นของเขาลดลง เย่หยู่โจวนำรายงานการประเมินเก็บเข้าไปอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็นึกถึงศิษย์ของเขา หยางเจี๋ย
หลังจากครุ่นคิด เย่หยู่โจวก็ถามอีกคำถามหนึ่งว่า “ท่านภัณฑารักษ์ ท่านสามารถให้รายงานการประเมินเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ ได้หรือไม่?”
“เจ้าสามารถนำสัตว์เลี้ยงตัวนั้นมาที่นี่หรือนำตัวอย่างขนหรือเลือดของมันมา ข้าถึงจะสามารถจัดทำรายงานได้”
เมื่อหลินจินตอบเสร็จแล้ว เย่หยู่โจวรู้ว่าเขาไม่สามารถทำตามคำขอของเขาได้ในวันนี้ เขาทำได้แค่รอจนถึงครั้งต่อไปเมื่อเขาเอาขนนกยูงขาวของหยางเจี๋ยและถามภัณฑารักษ์อีกครั้ง
มาดามผีเด็กยังอดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าและถามคำถามว่า “ท่านภัณฑารักษ์ ลูกของข้าบาดเจ็บ ท่านมีวิธีรักษาลูกของข้าหรือไม่?”
“แน่นอนว่ามี” หลินจินตอบอย่างเรียบ ๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มาดามผีเด็กก็คุกเข่าลงทันทีและขอร้อง “ได้โปรด ช่วยบอกวิธีการรักษาอันน่าอัศจรรย์ให้แก่ข้าด้วย”
หลินจินยกพู่กันขึ้นและเริ่มเขียน ผ่านไปครึ่งทาง เขาครุ่นคิดสั้น ๆ ก่อนพูดว่า
“ผีเด็ก การรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังของลูกน้อยของเจ้า ไม่ใช่เรื่องยากแต่เจ้าต้องสัญญากับข้าเรื่องหนึ่ง”
มาดามผีเด็กตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “ถ้าท่านภัณฑารักษ์สามารถรักษาลูกของข้าได้ ข้าสัญญาว่าจะทำตามที่ท่านบอกทุกอย่าง”
หลินจินโบกมือ
“มันไม่มีอะไรซับซ้อน จากนี้ไปเจ้าต้องหยุดการเข่นฆ่า ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังยืดอายุสัตว์เลี้ยงของเจ้าด้วยวิธีการร่วมเลือด สิ่งต่าง ๆ จะเป็นปกติเมื่อมันหลับแต่เมื่อมันตื่นขึ้นและเลือดของมันจะไหลย้อนกลับ เจ้าจะเจ็บปวดทรมานราวกับว่ามดหลายพันตัวกำลังรุมแทะร่างกายของเจ้า
เมื่อเลือดของมันที่เข้าสู่เส้นเลือดของเจ้าอาจทำให้เจ้าเสียสติและบิดเบือนรูปร่างหน้าตาของเจ้าและทำให้เจ้ากระหายเลือด ข้าจะใช้วิธีปิดผนึกจุดฝังเข็มหลักของมันในตอนนี้ ส่วนเจ้าต้องหยุดการร่วมเลือดกับมันในทันที มิฉะนั้น หนึ่งปีหลังจากนี้ ทั้งเจ้าและสัตว์เลี้ยงของเจ้าจะต้องตกตายไปพร้อมกัน
ในอีกเจ็ดวัน เจ้าต้องรวบรวมวัสดุที่ข้าจะสั่งมาให้ครบและเมื่อห้องโถงเยี่ยมชมเปิดในครั้งต่อไป ข้าสามารถรักษาสัตว์เลี้ยงของเจ้าให้รอดพ้นจากความเจ็บป่วยได้อย่างสมบูรณ์”