ตอนที่แล้วยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 47 ตระกูลหยวนสะพรึง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 49 เงานักฆ่า

ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 48 คิดจะฆ่าผมงั้นหรอ!!


ในขณะที่ทุกคนในห้องโถงกำลังตกใจกับระดับพลังของซู่เสี่ยวไป่ที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรณ์

พวกเขาทั้งหมดทึ่งจนพูดไม่ออก บรรยากาศภายในห้องนั้นทั้งเงียบและเย็นเฉียบ มันเงียบมาก มันเงียบขนาดที่ว่าสามารถได้ยินเสียงของเข็มตกลงพื้นได้อย่างชัดเจน

แววตาของทุกคนต่างตกใจอย่างสุดขีด

ผู้ฝึกยุทธขั้นสูง อายุ 17 ปี!!

นี่ไม่ใช่อัจฉริยะอีกต่อไปแล้ว

ไอแบบนี้มัน…ปีศาจหรืออสูรกายชัดๆ

เป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่อาจจะหาใครมาต่อกรได้

ด้วยความเร็วในการเติบโตเช่นนี้ อนาคตของเขานั้นไร้ที่สิ้นสุด อาจจะเหนือกว่า จ้าวยุทธภพหรือเหนือจ้าวยุทธ?

กลัวว่าแม้แต่เขตแดนเทพยุทธก็อาจจะน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับซู่เสี่ยวไป่

1 พันล้านมากไปไหม?

บอกเลยว่าไม่มากเลย หากเป็นเช่นนี้

เพราะหากตระกูลใหญ่มาเจอซู่เสี่ยวไป่ ต่อให้หมื่นล้านพวกเขาก็ยอมจ่าย เงินมันของนอกกายยังไงก็หาใหม่ได้ แต่บุคคลที่มากพรสวรรค์เช่นนี้ 100 ปี 1000 ปีจะมีสักคน หรืออาจจะเป็นหมื่นๆ ปี

“น-นี้ มะ-มัน”

หยวนเฟ่ยเคอรู้สึกจุกอยู่ในลำคอ เขาอยากจะพูดออกมาแต่มันพูดไม่ออก เขาพยายามสูดหายใจอย่างแรง และสงบสติอารมณ์ลง ก่อนจะพูดออกมา

“ฑูตซู่ เกรงว่าตอนนี้ พันล้านเหรียญจิตนั้นมากเกินไป ตระกูลหยวนเองยังไม่อาจจะมอบให้ได้ หากเข้าร่วมกับเราแล้ว ตระกูลหยวนสัญญาว่าจะหามาให้จนครบพันล้านแน่นอน!”

หยวนเฟ่ยเคอพยายามประณีประนอมข้อเสนอของซู่เสี่ยวไป่

เพียงตัวตนระดับผู้ฝึกยุทธขั้นสูงก็คู่ควรที่จะคว้าตัวเอาไว้แล้ว เพราะตระกูลหยวนนั้นยังเป็นตระกูลเล็กๆ อยู่จำนวนผู้ฝึกยุทธก็ยังไม่ได้มีจำนวนมาก

ทำให้ระดับตั้งแต่ผู้ฝึกยุทธขั้นสูงขึ้นไปก็ถือว่าเป็นขุมพลังของตระกูลแล้ว ทำให้พวกเขาประกาศรับผู้ฝึกยุทธจำนวนมาก

แล้วพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของซู่เสี่ยวไป่ที่เรียกได้ว่า อยู่ระดับเดียวกับปีศาจ หากได้ตัวซู่เสี่ยวไป่มาเข้าร่วมกับตระกูล ในไม่ช้าตระกูลหยวนจะพุ่งทะยานและยกระดับเป็นตระกูลใหญ่ในไม่ช้า!!

“ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร งั้นผมจะกลับล่ะ”

“แต่ต่อให้ท่านผู้นำมีในตอนนี้ ผมก็ไม่สนใจอีกแล้ว..”

ซู่เสี่ยวไป่ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

“ฑูตซู่…ดูเหมือนว่าฑูตซู่จะเข้าใจสถานการณ์อะไรผิดไปนะ ว่าคุณไม่ใช่คนคุมเกมส์นี้”

แววตาของหยวนเฟ่ยเคอส่องแววเป็นประกายที่เย็นเฉียบและเต็มไปด้วยจิตสังหาร

เขาเค้นเสียงพูดอย่างเย็นชาออกมาจากลำคอของเขา

หากไม่เข้าร่วมกับเขาก็มีหนทางเดียวให้กับซู่เสี่ยวไป่

สำหรับพวกตระกูลหยวนแล้ว ไม่มีทางปล่อยซู่เสี่ยไป่ไปเด็ดขาด ไม่ มี ทาง!!!

ใครมันจะกล้าปล่อยตัวตนที่แสนอันตรายเช่นนี้เติบโตมาเป็นศัตรูกับพวกเขา

“อะไร….นี้อย่าบอกนะ…ว่าท่านผู้นำต้องการจะฆ่าผม?”

“ผมมีบัตรประจำตัวของพื้นที่ส่วนในอยู่นะ!!”

ซู่เสี่ยวไป่พูดขึ้นพร้อมกับหรี่ตามองดูกิริยาของหยวนเฟ่ยเคอ

“ฮะ-ฮ่าๆๆๆๆๆ”

หยวนเฟ่ยเคอกลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

“ฑูตซู่….ต้องขออภัยด้วย ดูเหมือนว่าฑูตซู่จะไม่รู้ตัว ว่าตั้งแต่ฑูตซู่เหยียบเข้ามาในตระกูลก็มีม่านพลังปิดกันเอาไว้แล้ว”

“ไม่ต้องพูดถึงสัญญาณช่วยเหลือของบัตรประจำตัวเลย ต่อให้มีตัวสื่อสารที่ดีขนาดไหน ก็ไม่สามารถส่งสัญญาณใดออกนอกม่านพลังได้!!”

“นี่เป็นของขวัญที่ทางตระกูลหยวนเตรียมเอาไว้ให้ฑูตซู่โดยเฉพาะ หวังว่าฑูตซู่คงจะชอบ!!”

สมาชิกตระกูลหยวนที่อยู่ภายในห้องเริ่มส่งเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ

ที่นี่มีจอมยุทธไม่ต่ำกว่า 20 คนในห้องแห่งนี้

และผู้ฝึกยุทธขั้นสูงอีก 7-8 คน

และนักรบจำนวนมากที่รออยู่นอกห้อง

ภายใต้การถูกปิดล้อมเช่นนี้และไม่มีการช่วยเหลือจากภายนอก ต่อให้เป็นจอมยุทธขั้นสูงก็ไม่สามารถหลบหนีออกไปได้แม้จะมีปีกบินก็ตาม

“โอ้ โห…..”

“แบบนี้ นี้เอง!!”

ซู่เสี่ยวไป่ทำสีหน้าเหมือนเข้าใจอะไรอย่างแจ่มแจ้ง พร้อมกับรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง

“ถ้าเป็นแบบนี้ผมก็สบายใจหน่อย!!”

เมื่อเห็นท่าทีสบายๆ ของซู่เสี่ยวไป่ ยิ่งทำให้ผู้คนจากตระกูลหยวนต่างมึนงง หยวนเฟ่ยเคอเอกก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล และเกิดความกังวลขึ้นในใจของเขา

ซู่เสี่ยวไป่ราวกับไม่ได้ตกเป็นเหยื่อ แต่กลับเป็นเขาเองที่รู้สึกเป็นเหยื่อของซู่เสี่ยวไป่!!

“ซู่เสี่ยวไป่ ฉันจะให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย”

“ถ้าตกลงก็กินยาเม็ดนี้เข้าไปซะ!!”

หยวนเฟ่ยเคอล้วงมือเข้าไปในเสื้อเพื่อหยิบยาออกมา เป็นเม็ดยาสีเขียว

และด้วยการสะบัดนิ้วแค่นิดเดียว ยาเม็ดนั้นก็ลอยไปตกอยู่ต่อหน้าซู่เสี่ยวไป่

“นั่นคือ ยาหวนกลับ เมื่อกินเข้าไปแล้ว ร่างกายจะรู้สึกแปลกไปเล็กน้อย แล้วหนังจากนั้นจะหายดี แต่เมื่อผ่านไป 7 วัน แกจะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งตัว แต่ไม่ต้องกลัว ที่ตระกูลหยวนของเรามียาแก้ให้ หากแกกลับมารายงานที่ตระกูลหยวนทุกๆ 7 วัน และทำตามคำสั่งของฉันอย่างไม่ขัดขืน ฉันก็จะมอบยาระงับให้!!”

หยวนเฟ่ยเคอมองซู่เสี่ยวไป่ตาไม่กระพริบ

“แน่นอนว่าแกเลือกที่จะปฏิเสธก็ได้ แต่แกคงรู้ตัวเองดี แกเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธขั้นสูง แต่ตอนนี้กำลังถูกล้อมไปด้วยจอมยุทธ และผู้ฝึกยุทธจำนวนมากยืนรอแกอยู่ข้างนอก ต่อให้ส่งสัญญาณช่วยเหลือได้ คิดหรอว่า จะรอดถึงตอนที่มีคนมาช่วย!!”

“ครั้งหนึ่งเคยมีคนปฏิเสธฉัน ตอนนี้หรอ มันได้กลายเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ในสวนของตระกูลหยวนแล้วยังไงล่ะ!”

“ซู่เสี่ยวไป่ นี้เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว รับมันไว้สะ…”

ต้องพูดเลยว่าสิ่งที่หยวนเฟ่ยเคอทำนั้นอำมหิตมาก

เขาใช้วิธีนี้บีบให้ใครหลายคนนั้นทำเรื่องเสี่ยงชีวิตให้เขา สำหรับผู้ฝึกตนคนอื่นเขาไม่มีทางเลือก

หากไม่ทำตามก็มีแต่ความตายที่รออยู่

หยวนเฟ่ยเคอใช้วิธีการนี้อยู่หลายครั้ง

แล้วเขาก็ทำเช่นเดียวกันกับซู่เสี่ยวไป่ เพราะเขาคิดว่าซู่เสี่ยวไป่ต้องรักตัวกลัวตาย เพราะพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเขานั้นไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ เขาจะต้องเลือกรักชีวิตตัวเองก่อนอย่างแน่นอน

และเมื่อได้ที่ซู่เสี่ยวไป่อยู่ใต้อาณัติของตระกูลหยวน จะทำให้ตระกูลหยวนเหมือนเสือติดปีก และพุ่งทะยานสู่ความรุ่งโรจณ์

“นี่คือวิธีการที่ท่านผู้นำชอบใช้สินะ!!”

“มันดูน่ากินมากเลย…”

ซู่เสี่ยวไป่หยิบเม็ดยาขึ้นมา ก่อนที่จะค่อยๆ ออกแรงบีบจนเม็ดยาแตกละเอียดเป็นผุยผงต่อหน้าหยวนเฟ่ยเคอ

แล้วในทันใด นักรบของตระกูลหยวนทุกคนก็ตั้งท่าพร้อมสู้ และจ้องไปยังซู่เสี่ยวไป่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ประตูนรกปิดตายดึงดันเข้ามา ประตูสวรรค์เปิดอ้ากลับไม่ไป”

หยวนเฟ่ยเคอถึงกับถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัว

“ในเมื่อแกเลือกความตาย ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นให้อีกแล้ว ฆ่ามัน!!!”

เมื่อสิ้นประโยคของหยวนเฟ่ยเคอ ก็เกิดเสียงของความวุ่นวายขึ้นนอกห้องโถง

ทุกคนต่างโห่ร้อง และเกิดเสียงดังโกลาหลไปทั่ว มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือ และโหยหวนไม่หยุด

“อะไร?”

ทุกคนภายในห้องต่างจ้องไปที่ประตู

“มันเกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอก?!”

หยวยเฟ่ยเคอถึงกับขมวดคิ้ว

“ออกไปดู..ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!”

นักรบคนหนึ่งได้รับคำสั่งก่อนจะเดินไปที่ประตูทันทีและเปิดออก เมื่อประตูเปิดออกนักรบผู้นั้นก็แน่นิ่งไป และล้มลงก้นจ้ำเบ้า

ทุกคนเห็นทันทีว่านักรบผู้นี้ถูกฟันคอขาด จนหัวกระเด็นออกจากร่างเลือดพุ่งเป็นสายน้ำพุ

และที่ตรงประตูนั้นมีชายปริศนาสวมชุดดำใส่หน้ากากดำยืนอยู่!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด