เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 185
ตอนที่ 185
ปราณและโลหิตของหลินซวนเดือดพล่าน เขายกมือขึ้นก่อนจะสร้างอักขระมนตราและสะบัดออกไป กลายเป็นลำแสงสีทองที่กวาดผ่านไปรอบด้านราวกับสายน้ำหลาก ลำแสงนั้นม้วนพันรอบปักษาสีชาดจำนวนหนึ่งที่ต้องการจะหลบหนี ก่อนที่พวกมันจะถูกทิ่มแทงด้วยแสงสีทองจนพรุนเป็นรังผึ้ง!
“พวกเรามิอาจทราบได้จริงๆ ว่าคนจากราชวงศ์อมตะอยู่แห่งหนใด พวกเราไม่ทราบแม้แต่น้อย!” ชายคนหนึ่งร่ำร้องอย่างน่าเวทนา ความหยิ่งยโสทั้งหมดของมันถูกกระชากมาเหยียบย่ำ และสีหน้าของมันในตอนนี้อัปลักษณ์ยิ่งนัก
ความแตกต่างระหว่างพวกมันกับหลินซวนมากมายจนไม่อาจจะอธิบายออกมาได้หมด ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของหลินซวนไปได้แม้แต่น้อย ภายในช่วงเวลาเพียงสิบลมหายใจ หลินซวนก็สังหารคนทั้งหมดของหอเทพอัคคีลง
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการเข่นฆ่า หลินซวนก็ค้นพบว่าดวงวิญญาณของพวกมันจำนวนเล็กน้อยที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์กว่าผู้อื่นถูกดึงขึ้นไปสู่เบื้องบน ก่อนจะถูกห่อหุ้มด้วยขนนกสีแดงเพลิงและหลบหนีด้วยความเร็วมหาศาลกลายเป็นลำแสงจากไป!
“นี่คือทักษะช่วยชีวิตลับของพวกมันเช่นนั้นหรือ?” ดวงตาของหลินซวนเปล่งประกาย แต่เขาก็มิได้ประหลาดใจแต่อย่างใด อย่างไรเสีย พวกมันก็นับว่าเป็นอัจฉริยะลำดับต้นๆ ของกองกำลังขนาดใหญ่ หากพวกมันมิได้มีทักษะลับเช่นนี้ติดตัว ผู้อาวุโสในกองกำลังของพวกมันคงโง่บัดซบเต็มที
หลินซวนกระตุ้นนัยน์ตาหยินหยางขึ้น และกวาดสายตามองไปยังเส้นทางที่กลุ่มขนนกเหล่านั้นกำลังหลบหนี!
แม้ว่าการจะทำลายทักษะลับเช่นนี้ยังไม่สามารถทำได้ในปัจจุบัน แต่พลังจากนัยน์ตาหยินหยางก็ยากที่จะต่อต้าน ถึงขั้นทำลายดวงวิญญาณบางส่วนของผู้คนที่หลบหนีไป
………….
ด้านนอกของแดนลึกลับ เหนือทะเลไร้ขอบเขต มีร่างเงามากมายที่กำลังรวมตัวกันอยู่บนนาวาศึกที่งดงามลำหนึ่ง
บางส่วนเป็นชนชั้นสูงของสำนึกศึกษาของทั้งอาณาเขตเหนือคราม อาณาเขตเก้าสุสาน อาณาเขตสงคราม แม้กระทั่งของอาณาเขตกลางก็รวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้
แม้ว่าพวกเขาจะมิได้อยู่ใกล้กันเท่าใดนัก และโอกาสจะได้พบเจอกันก็ยากเย็น แต่พวกเขาก็ยังคงมีการสื่อสารระหว่างกัน เพราะฉะนั้นการรวมตัวเช่นนี้จึงไม่ได้แปลกประหลาดแต่อย่างใด
อาวุโสจากหอเทพอัคคีผู้หนึ่งกำลังสนทนาอยู่กับตาแก่จากราชวงศ์อมตะ พวกมันกำลังคาดเดาว่ากองกำลังใดจะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากแดนลึกลับได้มากที่สุด
“การจะยืนหยัดอยู่ในแดนลึกลับแห่งนี้ได้ จำเป็นต้องอาศัยความแข็งแกร่งที่มากล้น ข้าได้ยินมาว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ราชวงศ์อมตะของท่านบ่มเพาะอัจฉริยะชั้นยอดมากมายเลยทีเดียว” ตาแก่จากหอเทพอัคคียิ้มและเอ่ยขึ้น
“อย่าได้จริงจังมากมายนัก ราชวงศ์อมตะของเราแม้จะมีอัจฉริยะมากมาย แต่พวกมันก็ยังมิอาจเทียบได้กับอัจฉริยะจากนิกายหอเทพอัคคีของท่าน พวกเราคาดหวังได้เพียงจำนวน ทว่า อย่างไรก็ตาม ในแดนลึกลับโบราณแห่งนี้ย่อมมีสมบัติมากมายที่จำเป็นต้องอาศัยพลังอำนาจมหาศาลเพื่อให้ได้มันมา แม้ว่าพวกเราจะสามารถเก็บเกี่ยวมาได้บ้าง แต่คงมิใช่จำนวนที่มากมายนัก” ตาเฒ่าจากราชวงศ์อมตะเองก็กล่าวอย่างถ่อมตนและยิ้มให้ฝ่ายตรงข้าม
“สหาย ท่านถ่อมตนเกินไปแล้ว” ตาแก่ของหอเทพอัคคียิ้มพลางส่ายหน้า
“อย่างไรก็ตาม ข้าได้ยินมาว่าหอเทพอัคคีของท่านพบเจอกับเหยื่อล่อจำนวนหนึ่งหลังจากเข้าไปยังด้านในมิใช่หรือ? นี่นับว่าเป็นเรื่องดี หลังจากที่แดนลึกลับเปิดขึ้นเป็นเวลานานเช่นนี้ ผู้ที่ต้องการจะมาก็มากันเกือบทั้งหมดแล้ว”
“ก็ยังคงมีหนอนแมลงตัวน้อยหลงเหลืออยู่บ้าง เป็นเกียรติของพวกมันแล้วที่ได้รับใช้พวกเรา อย่างไรเสียพวกมันก็คงมีโอกาสรอดอยู่บ้าง เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราค่อยมอบผลประโยชน์เล็กน้อยแก่พวกมันถือเสียว่าเป็นการเสียสละ อย่างไรก็ตาม หากเหยื่อล่อพวกนั้นปรากฏตัวขึ้นอีกในอนาคต พวกท่านควรจะส่งข่าวให้เหล่าอัจฉริยะด้านในรับรู้เอาไว้” ดวงตาของชายแก่จากหอเทพอัคคีเย็นชายิ่งนัก แม้ว่ามันจะยังมีรอยยิ้มบนใบหน้าก็ตามที
ทว่า ในตอนนั้นเอง ณ ทางเข้าของแดนลึกลับ ปรากฏแสงสว่างจำนวนหนึ่งขึ้น จากนั้น พวกมันก็มองเห็นดวงวิญญาณที่ถูกห่อหุ้มด้วยขนนกสีแดงเพลิงพุ่งออกมา
“เหตุใดพวกมันจึงตกตายก็เยอะเพียงนี้? เป็นคนจากตระกูลใดกัน? ดูเหมือนว่าพวกมันจะน่าสงสารมิใช่น้อย การสูญเสียอัจฉริยะจำนวนมากในคราเดียว ผลประโยชน์ที่ตระกูลของพวกมันจะได้รับย่อมลดลงไปอย่างมาก” ตาแก่ของหอเทพอัคคีพูดด้วยรอยยิ้ม
ทว่า คนของราชวงศ์อมตะกลับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง และพวกมันกำลังขมวดขึ้นก่อนเอ่ยขึ้น
“อืม สหาย มิใช่ว่าดวงวิญญาณเหล่านั้นดูคุ้นเคยอยู่บ้างหรือ? พวกเขาเหมือนว่าจะเป็นคนของหอเทพอัคคีใช่หรือไม่?”
นี่เป็นเพราะดวงวิญญาณเหล่านั้นกำลังมุ่งหน้าไปยังนาวาศึกของหอเทพอัคคี เมื่อดวงวิญญาณทั้งหลายเข้าไปสู่ระยะของนาวาศึกลำนั้น ขนนกที่ห่อหุ้มพวกมันอยู่ก็หายไป และดวงวิญญาณทั้งหลายก็เผยตัวตนออกมา เมื่อผู้คนได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของวิญญาณเหล่านั้นก็ค้นพบว่าพวกมันเป็นเหล่าศิษย์จากนิกายหอเทพอัคคี!
ตาแก่ที่กำลังทำหน้าที่เฝ้าระวังอยู่ปรากฏสีหน้าตื่นตะลึง ก่อนที่มันจะถามขึ้นด้วยเสียงอันดัง
“เกิดอันใดขึ้น? เหตุใดจึงมีคนมากมายเช่นนี้ตกตายลง?”
“ผู้อาวุโส มีบางสิ่งเกิดขึ้น อัจฉริยะของพวกเราจำนวนมากถูกสังหาร!” วิญญาณของศิษย์หอเทพอัคคีคร่ำครวญออกมา
“มีคนโง่บัดซบผู้ใดกันที่นำตัวฆาตกรเข้าไปยังพื้นที่ซึ่งพวกข้าดูแลอยู่? ความแข็งแกร่งที่มากมายเช่นนี้จะเป็นเหยื่อล่อได้เช่นไรกัน!” วิญญาณอีกดวงหนึ่งร่ำร้องอย่างน่าเวทนา และสภาพของมันในตอนนี้ก็กำลังจะสลายไป
“กล่าวมาให้ชัดเจน!” สีหน้าของตาแก่จากหอเทพอัคคีผู้นั้นเย็นเยียบยิ่งนัก มันลุกขึ้นและต้องการจะถามเหตุการณ์ทั้งหมด
ทว่า ดวงวิญญาณเหล่านั้นกลับสั่นไหวก่อนจะแตกสลายไปไม่นานหลังจากนั้น
“แม้ว่าพวกเขาจะกลับมาได้อย่างปลอดภัย แต่วิญญาณดั้งเดิมบางส่วนถูกทำลาย! พวกเขาเป็นเพียงผู้บ่มเพาะแดนปรับปรุงปราณ การสูญเสียวิญญาณดั้งเดิมเท่ากันว่าต้องตายอย่างแน่นอน แม้ว่าจะกลับมายังภายนอกได้ แต่ก็ไม่สามารถจะอยู่รอดได้นานเพียงพอ ใครก็ที่โจมตีพวกเขา? โหดเหี้ยมยิ่งนัก!” อาวุโสจากราชวงศ์อมตะเอ่ยขึ้น ดวงตาของมันเต็มไปด้วยประกายเย็นชา
“นั่นย่อมเป็นไปมิได้ ผู้ที่รับผิดชอบในการหาเหยื่อล่อเป็นทายาทโดยตรงของข้า มันเป็นผู้ที่ระมัดระวังและรอบคอบยิ่งนัก ผู้ที่ถูกใช้เป็นเหยื่อย่อมเป็นเพียงหนอนแมลงที่อ่อนแอเท่านั้น!” ตาเฒ่าของหอเทพอัคคีกำลังจะเสียสติจากแรงโทสะ ดวงตาของมันแดงก่ำจนแทบจะกลั่นเป็นหยดเลือด!
ทว่า สิ่งที่ทำให้มันตื่นตกใจคือจำนวนของดวงวิญญาณที่ถูกส่งออกมาหลังจากนั้น
ในครั้งนี้ มันเรียนรู้ที่จะในพลังจากตนเองเพื่อทำให้ดวงวิญญาณที่บาดเจ็บสามารถคงเสถียรภาพเอาไว้ได้ จากนั้นจึงค่อยถามพวกมันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
“ผู้อาวุโส! มีปีศาจปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ของพวกเรา มันโหดเหี้ยมไร้หัวใจ และทุกคนถูกสังหาร!” วิญญาณดวงนั้นบิดเบี้ยวยิ่งนัก นี่แสดงออกถึงความหวาดผวาที่มันกำลังรู้สึกอยู่
และการที่มันจะหวาดกลัวเช่นนี้ย่อมมิใช่เรื่องแปลก ฉากที่มันได้เห็นในตอนที่ถูกสังหารนั้นสยองขวัญจนเกินไป... เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่น่าหวั่นเกรงเช่นนั้น เหล่าอัจฉริยะจากหอเทพอัคคีย่อมไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่น้อย ภายในเวลาเพียงสิบลมหายใจ พวกมันทั้งหมดก็ตกตายกลายเป็นซากศพ!