ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 46 โดนจับตัวจนได้
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของจาเหิงล่ง ก็ทำให้สมาชิกทุกคนในห้องประชุมถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
ท่านรองบอกเรื่องอะไรกับท่านผู้นำ??
ทำไมท่านผู้นำตระกูลถึงดูมีชีวิตชีวาขนาดนี้ และยังเตรียมพร้อมให้เผชิญหน้ากับตระกูลหยวนอีก?
หรือว่าเขาจะไปขอความช่วยเหลือจากตัวตนระดับยอดยุทธมา?
ทุกคนต่างคิดกันไปต่างๆ นาๆ มากมาย และพยายามถามกับจางเหิงล่ง แต่จางเหิงล่งไม่ตอบ พร้อมกับออกไปจากห้องประชุมพร้อมกับจางเหิงเต่อ
ทำให้สมาชิกระดับสูงทุกคนเกิดความงุนงงไปหมด จางเหิงล่งและจางเหิงเต่อขับรถออกมาจากตระกูลไปยังที่พักชั่วคราวของซู่เสี่ยวไป่
“คุณซู่ไม่อยู่งั้นหรอครับ?”
ทั้งสองปกปิดพลังของตัวเองให้ต่ำที่สุดเพื่อมาพบกับซู่เสี่ยวไป่
แต่เมื่อมาถึง พวกเขากลับพบกับซู่หลิงเกอแทน และเธอนั้นได้บอกว่าซู่เสี่ยวไป่ออกไปข้างนอกได้สักพักแล้ว
“พี่ ยังไม่กลับมาเลยค่ะ”
ซู่หลิงเกอตอบกลับไป
“งั้น….พวกเราจะมาหาเขาใหม่”
จางเหิงล่งและจางเหิงเต่อไม่ได้กลับไปในทันที แต่กลับขึ้นไปบนยอดตึกที่จางเหิงเต่อเคยใช้สอดแนมเฝ้าระวังให้ซู่เสี่ยวไป่ ทั้งคู่อยู่รอและคอยคุ้มกันซู่หลิงเกอไปในตัวด้วย
…
ในขณะเดียวกันซู่เสี่ยวไป่กำลังอยู่ที่หอฝึกยุทธ กำลังเลือกหาซื้ออาวุธให้กับร่างเงาของเขาอยู่
กระบี่ยาว ดาบยาว อาวุธที่มีใบมีดยาวเหมาะสมกับการจัดการศัตรูแบบเป็นวงกว้าง ซู่เสี่ยวไป่จ่ายเงินไปถึง 3 ล้านเหรียญจิตเพื่อซื้ออาวุธเกรดผสาน 5 ชิ้น
“ระบบติดตั้งอาวุธเหล่านี้ให้กับพวกเงา!”
ซู่เสี่ยวไป่ออกคำสั่ง
“-อุปกรณ์ถูกติดตั้ง!!-”
ร่างเงาที่อยู่ห่างจากพื้นที่เขต 18 ไปหลายสิบกิโลเมตร ที่กำลังไล่ล่าสัตว์อสูรอยู่ ทันใดอาวุธทั้งหมดที่ซื้อมาปรากฏขึ้นในมือของพวกเงา เงาทั้งหมดเริ่มเปลี่ยนวิธีการต่อสู้ไปในทันที
1 ชั่วโมงต่อมาซู่เสี่ยวไป่เสียเงินไปกว่า 1 ล้านเหรียญจิตเพื่อเรียนรู้ศาสตร์แห่งอาวุธ 5 อย่าง
“ระบบ หยุดฝึกวิชาที่ฝึกอยู่ในตอนนี้ชั่วคราว!”
“และเริ่มฝึกสามวิชานี้แทน”
ร่างเงาที่กำลังฝึกฝนอยู่ ก็เปลี่ยนรูปแบบการออกท่าทางไปในทันที ในมือของพวกมันเหมือนมีอาวุธจำลองขึ้น และเริ่มออกท่าทางอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่กี่นาที
ศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 3 ก็สำเร็จถึงขั้นฝึกหัด
ซู่เสี่ยวไป่ก็ฝึกอีกสองศาสตร์ที่เหลือทันที และเขาก็สำเร็จศาสตร์ขั้นฝึกหัดครบ 5 ศาสตร์
“เสร็จสักที!!”
“ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในขั้นฝึกหัดหมดแล้ว!”
“อีกไม่นานคงถึงขั้นพื้นฐาน ด้วยสิ่งนี้จะทำให้ร่างเงาแข็งแกร่งขึ้นอีก 50%”
แววตาของซู่เสี่ยวไป่ส่องเป็นประกายอย่างตื่นเต้น
ความแข็งแกร่งของร่างเงาเขาตอนนี้เทียบเท่ากับจอมยุทธขั้นกลางเช่นเดียวกับซู่เสี่ยวไป่ แต่หากเสริมอาวุธให้พวกเงา มันจะแข็งแกร่งเทียบเท่าจอมยุทธขั้นสูงเลยด้วยซ้ำ
เมื่อติดอาวุธแล้วร่างเงาของซู่เสี่ยวไปก็เก่งขึ้นแบบก้าวกระโดด ทำให้การออกล่าสัตว์อสูรดูง่ายขึ้น
จากที่ซู่เสี่ยวไป่คาดการณ์ ภายใน 1 อาทิตย์ เงินที่ได้จากล่าชิ้นส่วนสัตว์อสูรอย่างต่ำๆ ก็หนึ่งร้อยล้านเหรียญจิต แต่หากว่าเขากลั่นยาขายด้วยรายได้ก็จะเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว ราวกับเสกเงินขึ้นภายในไม่กี่นาที
ในขณะที่เขากำลังคิดถึงอนาคต ที่เขานั้นกำลังนั่งกินนอนกินอยู่บนกองเงินกองทองอย่างมีความสุข อยู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“นอกห้องฝึก…มีกลิ่นไอของกระแสพลังมากกว่า 1 คน”
นัยน์ตาของซู่เสี่ยวไป่หรี่เล็กลง
เขาเปิดการรับรู้ของเขาในทันที
และเป็นไปตามที่เขาคิด
ที่ด้านนอกห้องฝึก ก็มีกึ่งผู้ฝึกยุทธและผู้ฝึกยุทธที่ผ่านไปผ่านมา แต่มีกลุ่มของจอมยุทธและผู้ฝึกยุทธอีกกลุ่มหนึ่งกำลังดักรอเขาอยู่กว่า 30 ชีวิต
ใบหน้าของทุกคนนั้นไม่ได้เป็นมิตรสักเท่าไรนัก อันที่จริงแววตาของทุกคนนั้นกลับแฝงไปด้วยเจตนาร้าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจอมยุทธขั้นกลางคนหนึ่งในกลุ่ม ที่จ้องมาที่ห้องฝึกฝนที่ซู่เสี่ยวไป่อยู่อย่างไม่ละสายตาเลยแม้แต่น้อย ราวกับจะพุ่งทะยานเข้ามาในห้องได้ทุกเมื่อและจับตัวซู่เสี่ยวไป่
“ในที่สุดก็เจอตัวสักที…”
จอมยุทธขั้นกลางคนนั้นพูดขึ้น เขาจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากหยวนฉี
เขาออกตามหาซู่เสี่ยวไป่ตลอดอย่างไม่ลดละ แต่ไม่เคยเห็นแม้แต่เงา ใครจะคิดว่าในขณะที่เขากำลังจะถอดใจหยวนฉีกลับได้ยินว่ามีคนพบซู่เสี่ยวไป่ที่หอฝึกยุทธ
ทำให้หยวนฉีรีบนำคนของเขามาในทันที
“หยวนฉี แล้วนายคิดจะทำอะไรกับมัน?”
จอมยุทธขั้นกลางอีกคนถามขึ้น
“เรายังอยู่ในหอฝึกยุทธเป็นพื้นที่ของรัฐบาล เราลงมือทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าที่นี่ไม่ได้ ไม่งั้นตระกูลหยวนจะได้รับผลกระทบร้ายแรง!!”
“ไม่ต้องกลัว เมื่อไรที่มันออกจากหอฝึกยุทธ เราได้เตรียมการต้อนรับมันไว้แล้ว!!”
แววตาของหยวนฉีนั้นเต็มไปด้วยเจตนาที่มุ่งร้าย
=ในห้องฝึกฝน=
ด้วยการรับรู้เชิงมิติของวิชาวิถีควบคุมมิติ ทำให้ซู่เสี่ยวไป่ได้ยินทั้งหมดที่พวกเขาพูดกัน
“โห้ นี้เราไม่ต้องไปหาพวกมัน พวกมันกลับเป็นฝ่ายมาหาเรื่องถึงที่?”
ซู่เสี่ยวไป่ถึงกับหัวเราะชอบใจ
“ถ้าเป็นแบบนี้ เมื่อเราก้าวออกไปคงไม่ต้องพูดกันดีๆ แล้วสินะ”
พวกมันไม่ได้คิดที่จะหลบซ่อนตัวเลยแม้แต่น้อย กลับทำตัววางกล้ามในหอฝึกยุทธอย่างไม่กลัวฟ้าดิน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าคนกลุ่มนี้มุ่งร้ายขนาดไหน
ตระกูลหยวนต้องการที่จะฆ่าเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
เช่นเดียวกันเขาก็ตั้งใจจะกวาดล้างทั้งตระกูลหยวนด้วย
ต้องมีใครตายกันไปสักข้างหนึ่ง
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตระกูลหยวนตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนใน และอาจจะขอความช่วยเหลือจากตระกูลใหญ่
ซู่เสี่ยวไป่คงไม่รอจนถึงตอนนี้หรอก
แต่เวลานี้มันต่างออกไปแล้ว
อีกฝั่งออกหน้าและมุ่งร้ายต่อเขาอย่างชัดเจน แปลว่าพวกมันต้องมีแผนการหรือกลอุบายอะไรสักอย่าง ที่สามารถปกปิดเรื่องนี้ได้ และแน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ถูกตระกูลใหญ่เล่นงาน แต่กลับกันซู่เสี่ยวไป่จะใช้แผนของพวกมันที่เตรียมเอาไว้ย้อนกลับพวกมันไปทั้งหมด และจะฆ่าพวกมันอย่างเปิดเผย
“หึๆๆๆ”
ประตูห้องฝึกฝนค่อยๆ เปิดออก
ซู่เสี่ยวไป่เรียกสติตัวเองกลับมา แล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องฝึก
“นั่นและใช่มันแน่นอน!!”
แววตาของหยวนฉีเป็นประกายทันทีเมื่อเห็นซู่เสี่ยวไป่
อายุ 17 ปี กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูง
ตรงตามข้อมูลทุกอย่าง
“ขอโทษนะ”
หยวนฉีเดินเข้ามาดักด้านหน้าซู่เสี่ยวไป่ แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมกับพรรคพวกของเขาเดินเข้ามาล้อมซู่เสี่ยวไป่เอาไว้
“คุณคือ…ซู่เสี่ยวไป่ใช่ไหม เป็นฑูตของตระกูลจาง?”
“ถูกต้อง ผมนี้แหละ!!”
ซู่เสี่ยวไป่ตีสีหน้ามึนงง
“พวกเรามาจากตระกูลจาง ท่านผู้นำตระกูลอยากพบท่านฑูตซู่ มีเรื่องเร่งด่วนจะคุยกับท่าน!!”
หยวนฉียิ้ม แต่รอยยิ้มของเขากลับแหลมคมราวกับใบมีด
“ด่วนงั้นเหรอ?”
“แต่พอดีผมยังไม่ค่อยสะดวกนิดหน่อยนะ!!”
ซู่เสี่ยวไป่พูดอย่างไม่รู้เรื่องและทำตัวไร้เดียงสา
“ฑูตซู่ ไม่ต้องกังวลไป แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น ฑูตซู่ไม่ต้องรอนานเลย เพราะท่านผู้นำตระกูลกำลังรออยู่แล้ว และมีฑูตคนอื่นๆ อยู่ด้วย ตอนนี้เหลือเพียงแต่ฑูตซู่คนเดียวเท่านั้น!!”
หยวนฉีฉีกยิ้มกว้างก่อนจะพูดต่อ
“เอ้าๆ ถ้าจะพูดขนาดนี้ละ ผมก็คงไม่ขัดใจทุกคน”
“นำทางไปเลย”
ซู่เสี่ยวไป่พยักหน้าตอบตกลงตามไป
ทำให้แววตาของหยวนฉียิ่งเป็นประกายมากขึ้นไปอีก และเต็มไปด้วยจิตมุ่งร้าย
ภายใต้การนำพาของเขา ซู่เสี่ยวไป่กำลังถูกพาไปยังพื้นที่ส่วนใน
“เจ้าเด็กน้อย….แกทำฉันเสียเวลาไปมาก แล้วแกจะเสียใจที่เป็นศัตรูกับตระกูลหยวนของเรา!!!”