ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 45 จะกลืนก็ไม่เข้า จะคายก็ไม่ออก
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของซู่เสี่ยวไป่เพียงพอแล้วที่เขาจะล้างบางทั้งตระกูลหยวนได้โดยไร้ซึ้งความปราญี ฆ่าได้ไม่เว้นแม้แต่ลูกเด็กเล็กแดง
แล้วมันจะรวดเร็วจนขนาดที่ตระกูลหยวนเองก็ไม่ทันตั้งตัว
แต่ซู่เสี่ยวไป่ยังคงไม่รีบร้อน
ถึงจะเกลียดชังตระกูลหยวนขนาดไหนก็ตาม แต่ตระกูลหยวนตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนใน ทำให้ถูกคุ้มครองด้วยกฏเหล็กที่ถูกตั้งขึ้น ถึงแม้ว่ากำลังของเขาเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการทั้งตระกูลได้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจพอที่จะเผชิญหน้ากับยอดยุทธตรงๆ !!
ดังนั้นยังไม่จำเป็นต้องรีบลงมือ
ค่อยๆ สะสมความแข็งแกร่งให้มากพอ ยังไงเวลานี้การล้างบางตระกูลหยวนนั้นก็ง่ายดายอยู่แล้วแค่เลื่อนเวลาออกไปอีกนิดหน่อย
…
=บ้านตระกูลจาง=
ตอนนี้ที่ห้องประชุมของตระกูลจางกำลังหาลือกันอย่างเคร่งเครียด
บรรยากาศภายในนั้นอึมครึม และหนักอึ้งไปหมด ทุกคนต่างหน้านิ่วขี้วขมวด
“ท่านผู้นำ เราถอยไม่ได้อีกแล้ว!!”
“ใช่!! หากเราถูกตระกูลหยวนยึดพื้นที่ป่าฝนร้อนไป รายได้ของตระกูลเราจะหายไปถึง 20% !!”
“ตระกูลหยวนนั้นกดขี่ข่มเหงเราเกินไปแล้ว เอาเปรียบตระกูลจางมาตลอด หากพวกเรายอมมันอีก ละก็ พวกมันจะได้ใจไปมากกว่านี้!! ท่านผู้นำโปรดออกคำสั่งมาเพียงคำเดียว ผมนั้นพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพวกมัน หากต้องตายผมก็จะลากตระกูลหยวนไปด้วย 1 คน!!”
“...”
เวลานี้สมาชิกระดับสูงของตระกูลจางต่างโกรธจัด
ตระกูลจางนั้นได้ตั้งทีมออกล่าสัตว์อสูรเพื่อหาชิ้นส่วนมาขาย และมีการตั้งอาณาเขตของตัวเองในพื้นที่สัตว์อสูร
การตั้งอาณาเขตในพื้นที่สัตว์อสูรและออกล่าพวกมันนั้นนอกจากหาชิ้นส่วนมาขา และป้องกันไม่ให้พวกสัตว์อสูรมีมากเกินไป และรุกล้ำพื้นที่ของมนุษย์
และเป็นการยึดพื้นที่เพื่อให้เผ่าพันธ์มนุษย์มีที่อยู่อาศัยมากขึ้น
ซึ่งเหตุผลหลักที่ตระกูลออกไปตั้งอาณาเขตมีเพียงเป้าหมายเดียวคือล่าสัตว์อสูรเพื่อทำเงิน
ทุกอย่างก็เพื่อผลประโยชน์ต่อตระกูล
เพื่อที่จะทำให้ตระกูลมีความมั่งคั่ง แต่การตั้งอาณาเขตนั้นจะต้องได้รับอนุญาตก่อน!!
แต่เมื่อเร็วๆ นี้ตระกูลจางกับตระกูลหยวนมีข้อพิพาทกัน และยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ทีมออกล่าของทั้งสองตระกูลปะทะกันอยู่หลายครั้ง แต่ผลสุดท้ายนั้นตระกูลจางจะเป็นฝ่ายสูญเสีย
ตระกูลจางก็ยอมที่จะเสียอาณาเขตของตนเพื่อรักษาชีวิตสมาชิกคนในตระกูลเอาไว้
แต่ตอนนี้
มีข่าวจากกลุ่มนักล่าว่า
ตระกูลหยวนได้บุกอาณาเขตของตระกูลจาง ในพื้นที่ป่า่ฝนร้อน และสังหารทีมล่าของตระกูลจางไปหลายสิบคน ผู้ฝึกยุทธขั้นกลางหลายคนรวมถึงผู้ฝึกยุทธขั้นสูง
เรื่องนี้ทำให้ตระกูลจางโกรธแค้นมาก
พวกสาระยำ!!
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลหยวนบุกรุกอาณาเขตตระกูลจางอยู่หลายครั้ง แม้ว่าจะต้านทานไว้ได้ แต่ก็ต้องสูญเสียกำลังหลักไปเรื่อยๆ ทำให้ตระกูลจางค่อยๆ อ่อนแอลง ยิ่งทำให้ตระกูลหยวนเริ่มรุกหนักขึ้น
ตอนนี้ตระกูลหยวนเริ่มได้ใจ และทำอะไรตามอำเภอใจ
ตระกูลจางเองก็ยอมสละอาณาเขตของตัวเองไปหลายแห่ง และไปหาที่ตั้งอาณาเขตใหม่
แต่ตระกูลหยวนก็ไม่ยอมลดละ บุกอาณาเขตตระกูลจางอยู่ตลอด
“ฉันรู้ว่าเวลานี้เลือดในกายของทุกคนกำลังเดือดพล่านไปหมด และอยากออกไปจัดการกับตระกูลหยวน แต่มันยังไม่ใช่เวลานี้”
จางเหิงล่งได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“ตระกูลหยวนแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ด้วยกำลังของตระกูลจางเราในตอนนี้ จะต่อกรกับพวกมันยังเป็นเรื่องยาก!!”
ในฐานะผู้นำตระกูล จางเหิงล่งต้องไม่ทำอะไรตามอารมณ์เด็ดขาด
เขาต้องคิดในดีเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้ และคิดถึงทุกชีวิตที่อยู่ในตระกูลจาง หากเขาฝืนสู้ตรงๆ มีแต่ตระกูลจางที่จะได้รับแต่ความสูญเสีย ดังนั้นเพื่อเห็นแก่ชีวิตคนในตระกูลเขาจึงเลือกที่จะถอย
“หรือว่าตระกูลจางของเราถูกตระกูลหยวนไล่บี้จนไม่สามารถต่อต้านได้อีกแล้ว?”
“ถ้าหากท่านผู้นำตระกูลทะลวงด่านเข้าสู่เขตแดนยอดยุทธได้คงจะดีกว่านี้ ตระกูลหยวนคงไม่กล้าเหิมเกริมแบบนี้กับพวกเรา แถมจะต้องร้องขอความเมตตาจากเราด้วย!!”
หนึ่งในสมาชิกระดับสูงของตระกูลจาง กัดฟันบ่นเบาๆ อย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
ทางแก้ปัญหาในสถานะการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในตอนนี้คือ จางเหิงล่งต้องทะลวงเขตแดนสู่ยอดยุทธให้ได้ เมื่อใดที่จางเหิงล่งทะลวงเขตแดนได้ กระดานจะพลิกกลับมาทางตระกูลจางทันที จากที่ถูกกดขี่ข่มเหงมาตลอด จะกลายเป็นไล่บดขยี้ตระกูลหยวนอย่างไม่ปราณี!!
แต่การทะลวงเขตแดนจะง่ายดายปานนั้นเลยงั้นหรอ?
ผู้ฝึกตนมากมายสามารถมาถึงเขตแดนจอมยุทธขั้นสูงได้
แต่คนที่ทะลวงเขตแดนสู่ยอดยุทธมีเพียงหยิบมือเดียว
แล้วในขณะที่ทุกคนกำลังเคร่งเครียด
ปัง!!
ประตูห้องประชุมถูกเปิดออก อย่างกระทันหันและรุนแรง พร้อมกับจางเหิงเต่อที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามา
“ท่านรองผู้นำ!!”
ทุกคนในห้องประชุมลุกขึ้นแสดงความเคารพ
“น้องเต่อ เกิดอะไรขึ้น?”
จางเหิงล่งถึงกับขมวดคิ้วอย่างสงสัย
เกิดความกังวลใจขึ้นมาในทันที และกลัวว่าจะเป็นข่าวร้ายอีก หรือว่าตระกูลหยวนได้ส่งตัวตนที่แข็งแกร่งมาสังหารฑูตซู่ไปแล้ว และจางเหิงเต่อไม่สามารถรับมือได้จึงหนีมาแบบนี้?
“พี่ใหญ่…ผ-ผม มีเรื่องต้องบอกกับพี่!!”
“เรื่องนี้ด่วนมาก!!”
จางเหิงเต่อสูดหอบหายใจอย่างยากลำบากและพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้งและพูดออกไป
“ทุกคนรอสักครู่”
“น้องเต่อ ไปคุยกันห้องทำงานของพี่”
จางเหิงล่งไม่ค่อยอยากพูดตรงนี้สักเท่าไร กลัวว่าจะมีการดักฟัง เขาจึงพาจาเหิงเต่อไปคุยที่ห้องทำงานของเขาแทน
“ไม่เห็นเข้าใจเลย… ท่านผู้นำตระกูลกลัวอะไร!! พวกเราสู้พวกตระกูลหยวนได้อยู่แล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเราในปัจจุบัน ไม่เห็นจะต้องยอมพวกมันเลยด้วยซ้ำ หากสู้กันแล้วแพ้จริงๆ อย่างมากก็เจ็บตัว ไม่เจ็บใจเท่านี้ และทำให้พวกตระกูลหยวนหุบปากเน่าๆ ของพวกมันสักที”
“จะพูดก็พูดเถอะ ผู้นำตระกูลนั้นไม่อยากเผชิญหน้ากับพวกมัน”
“หากเป็นแบบนี้ต่อไป พวกตระกูลหยวนต้องรุกคืบแล้วยึดอาณาเขตฝั่งตะวันออกไปจนหมด และเมื่อถึงตอนนั้นตระกูลจางก็ต้องไปหาตั้งอาณาเขตใหม่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ”
“เห้อ…”
สมาชิกในห้องประชุมหลายคนถึงกับถอนหายใจและส่ายหัว
พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลย
และมันน่าอึดอัดยิ่งนัก
ถูกคนอื่นเอาเปรียบและบุกรุก ทั้งถูกเยาะเย้ยและถากถาง และฝั่งตัวเองก็ไม่กล้าตอบโต้ ความรู้สึกราวกับหมาขี้แพ้ มันช่างเจ็บปวดยิ่งนัก
แล้วต่อมาพวกเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นมา
“ฮ่าๆๆๆๆ”
เสียงหัวเราะดังออกมาจากห้องทำงานของผู้นำตระกูล
สมาชิกทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างสงสัยนี้มันเรื่องอะไรกัน ทำไมเสียงหัวเราะของท่านผู้นำตระกูลถึงดูมีความสุขขนาดนี้?
แล้วทันใดประตูห้องประชุมก็เปิดออก พร้อมกับจางเหิงล่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสบายใจ เดินเข้ามา
“ไปบอกนักสู้ของเราทุกคน ย้ำว่าทุกคน!!! จากนี้ไป เราจะเตรียมพร้อมสู่สภาวะสงคราม!!”
“ฉันจะออกไปทำธุรสำคัญสักครู่ และเมื่อฉันกลับมา เราจะเริ่มโต้กลับพวกตระกูลหยวนทันที!!”